“อยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น” นี่เป็นวลีแรกที่ผุดขึ้นมาทันที ที่คิดจะวางแผนเที่ยวญี่ปุ่น
ก็คงจะเหมือนๆ กับที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเที่ยวชมพระบรมมหาราชวัง
หรือพระราชวังบางปะอินนั่นล่ะครับ ปราสาท วัง และวัด
ถือเป็นตัวแทนตัวตนด้านงานสถาปัตยกรรมของแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี
ผมก็เลยอยากไปเที่ยวปราสาทญี่ปุ่น อยากไปๆๆๆๆๆ

 

เมื่อจะมาท่องเที่ยวภูมิภาคคันไซ ปราสาทที่ผมมักได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ ก็มักจะมี ปราสาทโอซาก้าปราสาทคินคาคุจิ (ปราสาทโชกุนอาชิคางะ ที่ปรากฏในการ์ตูนอิคิวซัง) แล้วก็ ปราสาทฮิเมจิ แต่พอมาลองหาข้อมูลดูลึกๆ แล้ว ก็พบว่าสองปราสาทแรก เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยจำลองมาจากปราสาทเดิมที่เคยถูกทิ้งระเบิดและถูกไฟไหม้ ดังนั้นหากจะมองถึงปราสาทที่ยังคงความสมบูรณ์มาแต่ดั้งเดิม ก็คงจะเหลือแต่ปราสาทฮิเมจิ นี่ล่ะครับ ที่มีแรงดึงดูดให้ได้ไปเยี่ยมชมจริงๆ ดังนั้นทริป “ตามฝันถิ่นคันไซ วันที่ 3” ผมกับแฟนจึงเลือกจะไปเที่ยวเมืองฮิเมจิ และเที่ยวชม ปราสาทฮิเมจิ กันครับ ตามมาเล้ยยย…

himeji castel
ริกิฉะ หรือหนุ่มลากรถ ให้บริการพาเที่ยวปราสาท

หลังจากสนุกสุดแสนเที่ยว Universal Studio (อ่านย้อนคลิกเลย) กันไปเมื่อวานแล้ว เช้านี้เราก็รีบตื่นกันแต่เช้า (7 โมง) เพื่อเก็บกระเป๋า หม่ำมื้อเช้าอร่อยๆ แล้วก็เช็คเอาท์จากโรงแรมครับ โดยรถเที่ยวที่เราจะขึ้นคือรถไฟใต้ดินเที่ยว 08:04 ซึ่งจะใช้เวลาแค่ 110 นาที จากสถานี NAKATSU (SUBWAY) โอซาก้าไปยังสถานี SANYOHIMEJI เมืองฮิเมจิ 

เดินทางเที่ยว OSAKA – HIMEJI ด้วยรถไฟ

สำหรับทริปนี้เราใช้ บัตร Kansai Thru Pass 2 หรือ 3 วัน (รับที่โอซาก้าหรือเกียวโต) สามารถนั่งรถไฟเอกชนได้เกือบๆทั้งหมดเขตคันไซอย่างไม่จำกัดครับ ดังนั้นการเดินทางส่วนใหญ่จะใช้รถไฟใต้ดิน, รถไฟเอกชน (ที่ไม่ใช่ JR ในเมืองและระหว่างเมือง) และรถบัส (บางบริษัท) บัตร Kansai Thru Pass มีทั้งแบบไม่อั้น 2 และ 3 วันไม่จำเป็นต้องใช้บัตรในวันติดกัน ถือว่าสะดวกมากครับ ครอบคลุมการเดินทางของเมืองโอซาก้า (Osaka), เกียวโต (Kyoto), เฮียวโงะ (Hyogo), โกเบ (Kobe), นารา (Nara), วากายาม่า (Wakayama) และ ชิงะ (Shiga) และยังได้รับสิทธิประโยชน์สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวและร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 350 แห่ง

IMG_1040_1024
ตารางการเดินทางจากโอซาก้าครับ

สนใจซื้อ บัตร Kansai Thru Pass 2 หรือ 3 วัน (รับที่โอซาก้าหรือเกียวโต) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

แนะนำ JR Pass สำหรับใช้ในภูมิภาคคันไซ (Kansai)

สำหรับคนที่สนใจเดินทางด้วยรถไฟสาย JR West ในภูมิภาคคันไซ (Kansai) ครอบคลุมทั้งรถไฟเร็วพิเศษ, รถไฟเร็ว เเละรถไฟท้องถิ่น รวมถึงรถไฟด่วนได้อย่างไม่จำกัด

1. บัตร JR West Rail Pass – Kansai Area สำหรับภูมิภาคคันไซ (1, 2, 3 หรือ 4 วัน)
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวหลายเมืองในภูมิภาคคันไซครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่โอซาก้า (Osaka), ฮิเมจิ (Himeji), เกียวโต (Kyoto), โกเบ (Kobe), วากายามะ (Wakayama), นารา (Nara)

2. บัตร JR Kansai Wide Area Pass สำหรับภูมิภาคคันไซ (5 วัน)
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเที่ยวหลายเมืองทั่วภูมิภาคคันไซแบบคุ้มๆ โดยครอบคลุมพื้นที่มากกว่าบัตร JR West Rail Pass ด้านบน ที่เพิ่มเติมมา เช่น โอคายาม่า (Okayama), คิโนซากิออนเซน (Kinosaki Onsen) และอื่นๆ สามารถนั่งรถไฟ JR ขบวน Shinkansen และ limited express trains แบบไม่จองที่นั่ง

3. บัตร JR Kansai-Hiroshima Area Pass สำหรับคันไซและฮิโรชิม่า (5 วัน)
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางข้ามภูมิภาคสามารถนั่งรถไฟ JR ได้ 5 วันแบบไม่อั้น ไปยังโอซาก้า (Osaka), ฮิเมจิ (Himeji), เกียวโต (Kyoto), โกเบ (Kobe), นารา (Nara), วากายามะ (Wakayama), ทตโตริ (Tottori), ฮิโรชิม่า (Hiroshima) โดยสารเรือเฟอร์รี่ JR ไปเกาะมิยาจิมะ (Miyajima)

ขอขอบคุณภาพแผนที่การเดินทางของบัตร JR จาก http://www.talonjapan.com

  • สนใจซื้อ บัตร JR West Rail Pass – Kansai Area สำหรับภูมิภาคคันไซ (1, 2, 3 หรือ 4 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บัตร JR Kansai Wide Area Pass สำหรับภูมิภาคคันไซ (5 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บัตร JR Kansai-Hiroshima Area Pass สำหรับคันไซและฮิโรชิม่า (5 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

กรณีเที่ยวครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น

กรณีอยากเที่ยวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่คนละภูมิภาคกัน เช่น จากโทโฮคุ (Tohoku) อยากไปเที่ยวแถบคันโต (Kanto), คันไซ (Kansai) หรือคิวชู (Kyushu) ขอแนะนำ JR All Area Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) พาสนี้คุ้มมากๆ จ่ายครั้งเดียวสามารถเดินทางเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น เที่ยวได้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นสำหรับ 7, 14 หรือ 21 วัน ใช้รถไฟสาย JR แบบไม่อั้นรวมทั้งรถบัส, เรือเฟอร์รี่มิยาจิม่า, รถไฟชินคันเซ็นทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั้งสาย Tokaido Shinkansen, สาย Akita Shinkansen, สาย Kyushu Shinkansen, สาย Hokkaido Shinkansen, สาย Joetsu Shinkansen, สาย Yamagata Shinkansen และ Hokuriku Shinkansen เป็นต้น (พาสนี้ไม่ครอบคลุมการเดินทางโดยขบวนรถไฟโนโซมิและมิซูโฮะ)

สนใจซื้อ JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

เช้านี้ญี่ปุ่นยังทักทายเราทั้งคู่ด้วยลมหนาวเช่นเคย ดีครับ เราสองคนจะได้กอดกันให้อุ่นๆ ไม่ยอมแพ้อากาศหนาว อิๆ เขินๆ

IMG_1041_1024

หลังจากเช็คเอาท์แล้ว พวกเราก็ลากกระเป๋าลงสถานี NAKATSU (SUBWAY) ครับ โดยจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี UMEDA (SUBWAY) เพื่อไปต่อรถไฟสาย HANSHIN / SANYO THROUGH LTD. EXP. เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง HIMEJI กันครับ (ข้อมูลตามตารางเดินรถด้านบนเลยนะครับ)

KNP_3013
ระบบขนส่งสาธารณะหลัก สำหรับนักเดินทางทุกเพศ ทุกวัย

การเดินทางยามเช้าเพื่อออกนอกเมือง ช่วยให้เราเห็นญี่ปุ่นในอีกมุมนึงครับ ขณะที่รถไฟวิ่งเข้าเมืองจะเต็มไปด้วยผู้คนแน่นเต็มโบกี้ แต่สำหรับขาออก ชีวิตนั้นไร้ซึ่งความเร่งรีบจริงๆ ครับ ผมเลยถือโอกาสได้นั่งมองวิวสวยๆ มองดูผู้คน แล้วก็ผลอยหลับเอาแรง 5555

KNP_2868
ถ้านั่งรถไฟเที่ยว ลองเลือกนั่งท้ายขบวนหรือหัวขบวนดูครับ จะได้เห็นวิวที่น่าสนใจมากขึ้น
KNP_2960
รถโล่งจนแทบจะเหมาคนเดียวทั้งโบกี้ 555
KNP_2937
รถไฟแถบสีส้มนี้เป็นรถไฟขบวน SANYO HIMEJI นะครับ
KNP_2919
ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนกันทุกคนไหม แต่เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟคนนี้ตั้งใจทำหน้าที่อย่างกระตือรือล้นตลอด 2 ชั่วโมง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และกริยาที่นอบน้อม
KNP_2885
ฝั่งเข้าเมืองช่างเร่งรีบ (ไปทำงาน) แต่ฝั่งออกนอกเมืองนี่ก็ช่างจะแสนชิลล์

ผ่านไปประมาณสักชั่วโมงครึ่ง เราก็เดินทางมาถึงสถานี SANYOHIMEJI ครับ จากนั้นเราจะเดินทางไปฝากกระเป๋าที่โรงแรม TOYOKO INN HIMEJI-EKI ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีครับ เดินไปแค่ 5-8 นาทีเอง (ถ้าไม่เผลอแวะซื้อขนมกินไปซะก่อนนะ)

KNP_2964
คุณพี่ คุณน้า 3 คนนี้น่ารักมากครับ เธอแต่งชุดกิโมโนเดินอยู่ในเมือง ดีใจจังที่ได้เห็นสาวในชุดกิโมโนแล้ว

สำหรับ Taxi ในญี่ปุ่นนั้น เหมือนเป็นอาชีพที่ทรงเกียรตินะครับ ทุกคนจะต้องแต่งยูนิฟอร์มอย่างดี รถต้องสะอาด มีผ้าคลุมเบาะที่ต้องหมั่นซักอยู่เสมอ เพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้าที่เข้ามานั่ง ส่วนราคาค่า Taxi ในญี่ปุ่น… ก็แพงอย่างที่ร่ำลือกันล่ะครับ

KNP_3048
เรื่องความเป็นระเบียบ ผมยกให้ประเทศนี้มาอันดับหนึ่ง
KNP_2985

IMG_1148_1024

เดินแค่ 7-8 นาที ก็มาถึงโรงแรมแล้วจ้า ใกล้มากๆ เลย

เนื่องจากยังไม่ถึงบ่าย 3 จึงยังเช็คอินไม่ได้ แต่เราสามารถขอฝากกระเป๋าไว้ที่ล๊อบบี้ได้ครับ ทางเจ้าหน้าที่โรงแรมจะดูแลไว้ให้เป็นอย่างดี และไหนๆ ก็ได้คุยกับคนท้องถิ่นแล้ว ผมก็เลยขอรายชื่อร้านอร่อยจากเจ้าหน้าที่โรงแรมซะเลย หุๆๆ

ได้เวลาออกเที่ยวแล้ว เย้!!!

 แผนการท่องเที่ยวเมืองฮิเมจิของเรา เป็นแบบนี้ครับ

  1. นั่ง Himeji Loop Bus เที่ยวชมเมือง Himeji
  2. เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาทฮิเมจิ
  3. มื้อกลางวัน หม่ำข้าวหน้าปลาไหล
  4. เดินเล่นถ่ายภาพแสงเย็นที่สวน Kokoen
  5. เดินเล่นย่านการค้าถนน Miyukidori (มิยูกิโดริ) ชมงานศิลปะตลอดสองข้างทางในตัวเมือง
  6. ถ่ายภาพ Cityscape ของเมือง Himeji
  7. ลิ้มรสนาเบะ (หม้อไฟ)
  8. กลับไปนอนตีพุงที่โรงแรม
KNP_3064
บรรยากาศยามเช้าใน Himeji

สำหรับมือใหม่อยากแบกกระเป๋าเที่ยวเอง ผมแนะนำให้เข้าไปหาข้อมูลเพื่อวางแผนการท่องเที่ยว ที่เว็บไซต์เมือง Himeji ที่ลิงค์นี้ครับ http://www.himeji-kanko.jp/th/model_course/ เค้าจะมี Model Tour หรือโปรแกรมท่องเที่ยวแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สะดวกมาก อ้อ.. ถ้าใครอยากขี่จักรยาน ทางสำนักงานการท่องเที่ยว มีจักรยานให้เช่าขี่แบบฟรีๆ ด้วยนะ

นั่ง Himeji Loop Bus เที่ยวชมเมือง Himeji

IMG_1150_1024
ตารางเวลาสำหรับ Himeji Loop Bus ครับ
KNP_3125
รอแป๊บเดียว รถบัสหน้าตาหน้ารักก็วิ่งมาเทียบป้ายรถ
KNP_3133
ปราสาท Himeji อยู่บนเนินเขากลางเมือง ดังนั้นเราจึงเห็นตัวปราสาทจากทุกมุมเมืองเลยครับ

เมือง Himeji มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายครับ เริ่มตั้งแต่ “ปราสาท Himeji” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น, “วัดเอ็นเกียวจิ บนภูเขาโซะซะซัน” ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Last Samurai”, สวนญี่ปุ่น Kokoen สวนที่มักจะใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หรือละครย้อนยุคของญี่ปุ่น

สำนักการท่องเที่ยวเมือง Himeji ได้จัดทำ Loop Bus ที่จะพาเราเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ได้ครบเลยครับ โดยเราสามารถรอขึ้นได้ที่บริเวณจุดที่เค้ากำหนดไว้ตามข้อมูลด้านล่างนี้ครับ

  • 1.หน้าสถานีฮิเมจิ(ศูนย์รถบัสซิงกิ)
  • 2.หน้าประตูโอเตะปราสาทฮิเมจิ
  • 3.หน้าไปรษณีย์ฮิเมจิ
  • 4.หน้าหอศิลป์
  • 5.หน้าพิพิธภัณฑ์
  • 6.สะพานคิโยะมิซึ(หน้าพิพิธภัณฑ์วรรณกรรม)
  • 7.หน้าสวนโคโคะเอ็น
  • 8.หน้าโอเตะ
  • 9.หน้าสถานีฮิเมจิ(หน้าตึกฮิเมจิ OS)

รถออกทุกๆ 15-30 นาทีครับ รอไม่นานเลย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ตรงทางเข้า JR Himeji

http://www.himeji-kanko.jp/th/information/

เดินเล่น ถ่ายรูป และดื่มด่ำกับความสวยงามของปราสาท HIMAJI

หลังจากลงรถที่บริเวณปราสาท Himeji พวกเราก็พร้อมจะเดินกันแว๊วววว…วว ก่อนอื่นมาดูข้อมูลปราสาท Himeji กันสักนิดนะครับ

KNP_3139

ปราสาท Himeji เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบอย่างของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น

ปราสาทแห่งนี้ไม่เคยได้รับความเสียหายจากสงครามและภัยพิบัติต่างๆ ตัวปราสาทจึงอยู่ในสภาพอนุรักษ์ มีการเก็บรักษาและบูรณะไว้อย่างน่าทึ่ง และด้วยความสมบูรณ์แบบนี้เอง จึงทำให้ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบันทึกให้เป็นสมบัติแห่งชาติ และถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกของญี่ปุ่น

ด้วยความที่ปราสาทนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาและอยู่ใจกลางเมือง เราจึงจะเห็นผู้คนในท้องถิ่นมากจะมาใช้เวลาเดินเล่น พบปะ และทำกิจกรรมในบริเวณปราสาทอยู่เสมอๆ ครับ ดังนั้นพื้นที่ด้านหน้าปราสาทจึงเป็นเหมือนสวนสาธารณะของเมืองนั่นเอง ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ไม่เสียเงินครับ

KNP_3181

แต่หากต้องการเข้าเยี่ยมชมภายในปราสาท ก็ต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูกันสักนิด ค่าเข้าก็แค่ 400 เยน (ประมาณ 120 บาท) เท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้คุ้มสุด ก็ต้องซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชมปราสาท + ตั๋วเข้าชมสวน Kokoen ครับ สนนราคาตั๋วเหมาก็อยู่ที่ 560 เยน (ถ้าซื้อแยกจะอยู่ที่ 400 + 300 เยน = 700 เยนครับ) คุ้มครับคุ้ม

IMG_1163_1024
บริเวณที่จำหน่ายตั๋ว
IMG_1174_1024
พื้นที่โดยรวมของปราสาท Himeji กว้างใหญ่และสวยงามมาก
IMG_1172_1024
ถ้าจะซื้อตั๋วเหมาทั้งปราสาทและสวนฯ ให้มาซื้อที่คุณป้าหน้าตาใจดีตรงนี้นะครัส
IMG_1167_2_1024
แต่ถ้าจะซื้อเฉพาะตั๋วเข้าปราสาทอย่างเดียว สามารถซื้อที่เครื่องจำหน่ายอัตโนมัติได้เลย

ช่วงที่ผมกับแฟนไปเที่ยวปราสาท Himeji นั้น บางส่วนยังอยู่ในช่วงของการปิดซ่อมบำรุงนะครับ จึงทำให้เข้าเยี่ยมชมได้ไม่ครบ แถมยังเป็นช่วงที่ใบไม้ร่วงไปหมดแล้ว ทำให้ความสวยงามลดลงไปบ้าง แต่ด้วยความสวยงามทางสถาปัตยกรรม ทำให้ความสวยงามของปราสาทไม่ได้ลดลงไปมากแต่อย่างใด

KNP_3246
มุมมหาชนครับ ลองจินตนาการดูว่าถ้าเป็นช่วงซากุระบาน หรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยแค่ไหน
KNP_3269-LUMI-MASK
หลายส่วนอยู่ในช่วงซ่อมบำรุงนะครับ
KNP_3222

ช่วงเวลาแนะนำสำหรับการมาเที่ยวชมปราสาม Himeji ก็คือช่วงซากุระบาน (เดือน มี.ค. -เม.ย.) และช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (ต.ค. -พ.ย.)

KNP_3302
สวยงาม สง่า สมดั่งฉายาปราสาทกระเรียนขาว
KNP_3315
ทางเดินด้านในปราสาทจะมีช่องหน้าต่างอยู่ตลอดสองข้างทางเพื่อให้แสงสว่าง แต่จะทำระแนงบังตาไว้ เพื่อป้องกันการลอบสังเกตการณ์จากด้านนอก
KNP_3359
วิวเมือง Himeji เมื่อมองจากยอดปราสาท สามารถเห็นได้ไกลมาก
KNP_3403
ปราสาทนี้มีตราสัญลักษณ์เป็นผีเสื้อกลางคืนครับ
KNP_3299
จับแฟนมาเป็นนางแบบถ่ายคู่กับปราสาทซะเลย
KNP_3503
มุมทางเดินหน้าปราสาทก็ถ่ายรูปสวยนะครับ
IMG_1198_2_1024
บริเวณด้านหน้าปราสาท (หลังจากจุดจำหน่ายตั๋ว) จะมีชาวเมืองแต่งตัวเป็นนักรบ ซามูไร และนินจา ให้เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยครับ (ถ่ายฟรีนะ)

หลังจากเดินเที่ยวปราสาท Himeji จนหมดแรง เราก็ต้องเติมพลังกันด้วยข้าวหน้าปลาไหลครับ จริงๆ แถวปราสาท Himeji มีร้านอาหารน่าสนใจหลายร้านนะครับ แต่มาถึงเมืองนี้แล้วต้องลองข้าวหน้าปลาไหลครับ ร้านก็อยู่ไม่ไกลจากตัวปราสาทเท่าไหร่นะ หากเดินย้อนกลับมาจากปราสาท ร้านจะอยู่ทางขวามือครับ

Meal-at-Himeji
ข้าวหน้าปลาไหล อาหย่อยๆๆ

พออิ่มท้องแล้วเราก็ได้เวลาไปเดินย่อย ด้วยการเที่ยวชมสวน Kokoen สวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมซึ่งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของปราสาท Himeji ครับ (หากนั่งรถไปลงที่ป้าย Himeji เมื่อลงรถแล้วให้เดินไปทางซ้ายของปราสาทครับ)

IMG_1210_1024
บริเวณช่องจำหน่ายตั๋วด้านหน้าสวน Kokoen จะมีขนมพื้นเมืองวางจำหน่ายอยู่ครับ
IMG_1212_1024

สวนโคโคเอ็น (Kokoen Garden) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเริ่มเปิดให้เขาชมเมื่อปี 1992 เพื่อรำลึกวันครบรอบ 100 ปีเมือง Himeji โดยใช้พื้นที่ของอาคารฝั่งตะวันตกของปราสาท ซึ่งเคยเป็นบ้านของขุนนางเก่าในอดีต พื้นที่สวนแบ่งออกเป็น 9 ส่วนใหญ่ๆ แต่ละส่วนมีสไตล์การตกแต่งแบบสมัยเอโดะในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตรงกลางของสวนเป็นบ้านที่ขุนนางเคยอยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีสวนชาซึ่งบริเวณนี้ผู้เข้าชมยังได้เรียนรู้พิธีชงชาสไตล์ญี่ปุ่น จากนั้นก็ไปนั่งดื่มชา ท่ามกลางความงามของสวนสนและดอกไม้สวยๆ ฟินมากครับ

KNP_3553
เมื่อเดินเข้ามาจากจุดจำหน่ายตั๋ว นี่เป็นวิวแรกที่ผมเห็น สวยมากๆ เลยครับ อาคารที่เห็นนั่นคือ… ห้องน้ำนะครับ 5555

ภาพด้านบนนี้เป็นห้องน้ำนะครับ 5555 ขนาดห้องน้ำยังสวย

KNP_3560
ตรงนี้เป็นบริเวณทางเข้าสวนครับ จะมีป้ายแผนที่สวนตั้งอยู่ตรงทางเข้าเลย
KNP_3580-Edit
ระเบียงทางเดินที่พาเราค่อยๆ ลัดเลาะไปตามพื้นที่ต่างๆ ของเรือนน้ำชา
KNP_3594
สวนน้ำตกขนาดเล็ก สไตล์เอโดะ สวยงามมากเลยครับ
KNP_3596
แนวตั้งสักใบนะครับ
KNP_3601
เมื่อเดินมาเราจะมองเห็นเรือนน้ำชาอยู่ทางซ้าย ทางขวาจะเป็นบ่อน้ำและสวนสวยๆ อีกสไตล์นึงครับ
KNP_3620
มุมนี้อยู่ด้านหลังเรือนน้ำชาครับ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่อยากแนะนำให้เพื่อนๆ ลองไปสัมผัสดูก็คือ “การชิมชาเขียวญี่ปุ่นแท้ (มัทฉะ)” คิดค่าใช้จ่ายเพียง 500 เยน แต่เราจะได้ลิ้มลองรสชาติ “ชาเชียวที่แท้จริง” ที่เกิดจากการใช้ผงชาเขียวแท้ มาชงด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม เสิร์ฟพร้อมขนมหวานรสละมุน เมื่อทานด้วยกันแล้วบอกเลยว่าเข้ากันสุดๆ

ชาเขียวมัทฉะ มีกลิ่นหอมใบชา ตัวน้ำชามีความขมนิดๆ แต่รสชาติของน้ำชานั้นมีมิติมาก ผมยังไม่เคยได้รับรู้สัมผัสแบบนี้จากการดื่มชาเขียวจากที่ไหนๆ เลย จริงๆ

ในพิธีชงชานั้นจะมีคุณป้าท่าทางใจดี ยิ้มแย้ม คอยให้คำแนะนำเรา เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนของพิธีชิมชาครับ แต่ต้องบอกว่าพิธีชิมชานี้เป็นอย่างย่อนะครับ เพราะถ้าเต็มขั้นเลยต้องมีขั้นตอนมาก เกรงจะเสียเวลา

25581028-10-35-24-knp_7878
นี่คือ “มัทฉะ” แท้จ้า
25581028-10-40-33-knp_7887
เจ้าหน้าที่ของเรือนชงชา มาคอยแนะนำวิธีการดื่ม
25581028-10-41-48-knp_7890
แค่การเสิร์ฟยังต้องมีขั้น มีตอน
KNP_3631_Rev2
ส่งท้ายสวน Kokoen กันอีกภาพ

เสร็จจากสวน Kokoen ก็ได้เวลาเดินชอปปิ้งกับชมเมืองแล้ว เราเลยไปเดินดูของย่านการค้า Miyukidori กัน

KNP_3547
งานประติมากรรมสวยๆ ที่มีให้เห็นตลอดสองข้างทางในเมือง
IMG_1216_1024
ถนนย่านการค้าครับ เริ่มดึกแล้ว ร้านรวงบางร้านเริ่มปิดแล้ว
IMG_1228_1024
ขนมสไตล์ญี่ปุ่นนี่มันน่ากินจริงๆ
IMG_1220_1024
วาฟเฟิลร้านนี้อร่อยครัส คอนเฟิร์ม
IMG_1221_2_1024
วาฟเฟิลร้านนี้อร่อยครัส คอนเฟิร์ม
IMG_1227_1024
อย่างอื่นไม่สน สนใจแต่ขนม พูดเลย
25581028-15-14-42-knp_8233-hdr
ภาพแสงเย็นในช่วงก่อนใบไม้แดง

และที่พลาดไม่ได้ก็คือการไปยืนดูวิวยามค่ำคืนของปราสาท Himeji ที่ตั้งตะหง่านอยู่ใจกลางเมือง หากใครชอบการถ่ายรูป ผมแนะนำให้ไปตั้งกล้องรอเลยครับ มุมดีสุด น่าจะเป็นที่ระเบียงชมเมือง บริเวณ สถานี JR Himeji ครับ

KNP_3722
ค่ำแล้ว ปราสาท Himeji ก็สวยสง่าไปอีกแบบ
KNP_3763
วิวเมือง Himeji ยามค่ำคืน
KNP_3767-Edit
วิวเมือง Himeji ยามค่ำคืน
KNP_3776-Edit
วิวเมือง Himeji ยามค่ำคืน
KNP_3789
วิวเมืองและปราสาท Himeji

คืนนั้นอุณหภูมินี่ประมาณ 4-5 องศาครับ ลมพัดมาเอื่อยๆ แต่ผมนี่ยืนถ่ายไปสั่นไปเลย 55555

เสร็จจากถ่ายภาพ เราก็ไปหม่ำนาเบะ (หม้อไฟ) กันที่ร้านใกล้ๆ โรงแรมครับ อาหารอร่อยมาก สดใหม่ และราคาไม่แพง หากใครไปเที่ยวที่ Himeji ผมแนะนำร้านนี้ครับ (อ่านชื่อไม่ออก ดูภาพเอาน๊า 5555)

IMG_1247_1024
โปรดจำป้ายร้านไว้นะครับ ร้านนี้อร่อย

ร้านอยู่บริเวณด้านหลังสถานี JR HIMEJI อยู่ด้านซ้ายมือระหว่างทางก่อนจะไปถึงโรงแรม

IMG_1232_1024
มีปลาดิบสดๆ ราคาก็ไม่แรง
IMG_1235_1024
มีนาเบะ (หม้อไฟ) น่ากิ๊นน่ากิน
IMG_1236_1024
ราคาแค่ 790 เยน แม่เจ้า!!
IMG_1239_1024
จัดปลาดิบก่อนเลยค่าาาา
IMG_1241_1024
นาเบะชุดนึงสำหรับ 1-2 คนครับ อร่อย สดใหม่ น้ำซุบก็รสชาติดี กินแล้วสดชื่น
IMG_1244_1024
มีของปิ้งย่างด้วยนะ รสชาติดีๆ บีบเลมอนหน่อย อร่อยเลย

เสร็จสิ้นกิจกรรมในวันที่ 3 แล้ว เราทั้งคู่ก็พากันกลับไปนอนตีพุง เก็บแรงไว้ไปเที่ยวกันต่อ โปรแกรมพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวเมืองโกเบกันครับ

อ่านต่อได้ที่นี่เลยจ้า ตะลุยโกเบ ไปเยี่ยมเจ้าหุ่นเหล็ก แล้วไปกินเนื้อโกเบกัน !!

KNP_3884
พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมหุ่นเหล็กหมายเลข 28 ที่เมืองโกเบกัน !!!

แนะนำที่เที่ยวในโอซาก้า (Osaka) : สวนสนุก Universal Studios Japan

Universal Studios Japan สถานที่เที่ยวสุดฮิตของโอซาก้า (Osaka) แม้เที่ยววันธรรมดาคนก็แน่นมากกกกกก!! ถ้าได้วันที่เดินทางไปแล้ว แนะนำให้เตรียมซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น (Universal Studios Japan) ไว้ล่วงหน้าก่อนจะยิ่งทำให้การสะดวก รวดเร็ว มีเวลาเที่ยวมากขึ้น ไม่เสียเวลาต่อคิว หรือต่อแถวซื้อบัตรด้านหน้าทางเข้า

  • สนใจซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกแบบสตูดิโอพาส  ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บัตรเอ็กซ์เพรสพาส 7 (Express Pass 7) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บัตรเอ็กซ์เพรสพาส 4 (Express Pass 4)  ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่