Site icon ibreak2travel (หนีงานไปเที่ยว)

3 วัน 2 คืน กับพิกัดเที่ยว “ปูซาน, เกาหลีใต้ (Busan)” ฉบับคนวันลาน้อย!! (อัพเดทปี 2023)

อันยองฮาเซโย!! ทักทายจาก “ปูซาน (Busan)” ค่า!! เราสองคนห่างหายจากการมาเที่ยวเกาหลีใต้ไปตั้ง 3 ปี นับตั้งแต่ Covid-19 ระบาด ช่วงนั้นแทบทุกประเทศปิดการเข้าออก จะเข้าก็ยาก ทั้งเรื่องเอกสาร ทั้งการเฝ้าระวัง ฯลฯ แต่ความเกาหลีอ่ะเนอะทุกคน ถึงจะไปเที่ยวไม่ได้ แต่ซีรีส์เกาหลียังคอยแวะเวียนมาหาเราไม่เคยพัก ทั้ง กงยู, พัค โบกอม, พัค ซอจุน, คิม ซูฮย็อน ฯลฯ โอ๊ย!! ใจบางไปหมด

และในช่วง Work from Home ที่ปูเป้กำลังเพลินกับซีรีส์เกาหลีนี่แหล่ะ จู่ๆ ก็ได้ยินชื่อเมืองริมทะเลเมืองนึง ที่มักจะถูกพูดถึงในซีรีส์เกาหลีหลายต่อหลายเรื่อง (โดยเฉพาะซีรีส์รักโรแมนติก) นั่นก็คือเมือง “ปูซาน (Busan)” ค่ะ ทั้งเรื่อง Fight For My Way (พักซอจุนเป็นพระเอก), The King : Eternal Monarch (อีมินโฮเล่น) หรือแม้กระทั่ง Hometown Cha-Cha-Cha (หัวหน้าฮง) แต่ละเรื่องนี่เต็มไปด้วยฉากสวยโรแมนติกของเมืองริมทะเลอย่าง “ปูซาน (Busan)” เต็มไปหมดเลยค่ะ ใช่ค่ะมันคือ Super Soft Power ที่แท้ทรู (>_<) ปูเป้ก็เลยตั้งใจไว้ว่า Covid-19 ซาลงเมื่อไหร่ จะชวนพี่ต้นไปเที่ยว “ปูซาน (Busan)” ให้ได้เลย!!

แล้วในที่สุดฟ้าก็เป็นใจ!! Covid-19 ถูกลดระดับให้เป็นโรคท้องถิ่น น่าฟ้าเกาหลีใต้เปิดแล้ว ทริปนี้ปูเป้กับพี่ต้นจะพาทุกคนไปสัมผัสความโรแมนติกของเมือง “ปูซาน (Busan)” ช่วงต้นฤดูร้อน เก็บทุกพิกัดยอดนิยม ทั้งกิน เที่ยว ถ่ายรูป มูเตลู และตามรอยซีรีส์ แบบรวบรัด 3 วัน 2 คืน “เหมาะกับคนทำงานที่วันลาน้อย” จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่า!!

ทำความรู้จัก “ปูซาน (Busan)” กันสักนิด

ปูซาน (Busan : 부산광역시) เป็นเมืองท่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงโซล และยังเป็นเมืองริมชายทะเล เมืองตากอากาศยอดฮิตของประเทศเกาหลีใต้ด้วย “ปูซาน (Busan)” เป็นเมืองที่ครบทั้งภูมิประเทศสวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขา ทะเล และบ้านเมืองน่ารัก ไปเที่ยวไหนก็มีแต่ที่เที่ยวทำให้ใจฟู แถมยังมีรถไฟแคปซูลปุ๊กปิ๊กเป็นกิมมิค, คาเฟ่ริมทะเลเก๋ๆ เต็มชายหาด, สถานที่ท่องเที่ยว และจุดชมวิวสวยๆ บนภูเขาก็เยอะค่ะ ปูเป้ชอบปูซานนะ Vibe ชิลล์ๆ เอื่อยๆ มีอะไรทำเยอะเลย

นี่เป็นทริป “ปูซาน (Busan)” ครั้งแรกของเรา ปูเป้กับพี่ต้นมาเกาหลีใต้ช่วงเดือนพฤษภาคม 2023 ก่อนเข้าสู่ฤดูร้อนที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวเป็นที่สุด!! อากาศดี ลมพัดเย็นสบายชื่นใจอุณหภูมิราวๆ 14-24 องศา ไม่หนาวจัด ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆ ถ่ายรูปแล้วตัวกลมๆ มีแดดบ้าง มืดช้าประมาณทุ่มกว่าๆ ยังฟ้าใสเที่ยวได้อยู่ค่ะ เมือง “ปูซาน (Busan)” เหมาะมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ครบทั้งคาเฟ่ ชายหาด ฟ้าใส ดอกไม้บาน เที่ยว “ปูซาน (Busan)” ช่วงนี้ จัดว่าถูกที่ถูกเวลา

ทริปนี้ปูเป้กับพี่ต้นจะพาไปอัพเดต “ปูซาน (Busan)” แบบ 3 วัน 2 คืน ว่าหลังโควิดปี 2023 จะยังคงมนต์ขลังเหมือนในหนังกับซีรีส์ที่เคยดูไหม?

บินตรงสู่โซลกับ AirAsiaX

ทริปนี้ปูเป้และพี่ต้นบินตรงสู่โซล (Seoul) ด้วยสายการบิน “แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (AirAsiaX)” จากสนามบินสุวรรณภูมิ – อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ใช้เวลาบินตรงแค่ 5.30 ชม. ไฟล์ทมีวันละ 2 เที่ยวบิน เวลาบินดี ออกดึก ถึงเช้าแล้วเที่ยวต่อได้เลยจ้า

สำหรับ “แอร์เอเชียเอ็กซ์ (AirAsiaX)” แม้จะเป็น Low-cost airlines แต่ตารางบินดี เซฟเวลาเที่ยวได้มาก ที่สำคัญคือ “ตรงเวลา” ดีสุดๆ ซึ่งล่าสุดเดือนมิถุนายน 2566 แอร์เอเชีย และแอร์เอเชีย เอ็กซ์ คว้าแชมป์ “รางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในเอเชีย ปี 2566” ซึ่งประกาศรางวัลสายการบินยอดเยี่ยมประจำปีโดย AirlineRatings.com

เวลาจองตั๋ว แนะนำให้เลือก “แพ็คสุดคุ้ม” คุณจะได้ทั้ง

#ไปเกาหลีไปกับแอร์เอเชีย จองตั๋วเครื่องบิน : www.airasia.com

ลงทะเบียน K-ETA ก่อนไปเกาหลีใต้

ต้องรู้!!! คนไทยจำเป็นต้องขอ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ก่อนเข้าประเทศเกาหลีใต้ คือ การลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือผ่านแอปพลิเคชัน K-ETA เพื่อเป็นการสกรีนเบื้องต้นก่อนเข้าประเทศเกาหลีใต้แบบไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ ด้วยบ้านเรามีคนหนีไปเป็นผีน้อย (ลักลอบเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย) กันเยอะมากกกกกค่ะ

เอกสารที่ใช้ในการลงทะเบียน K-ETA คือ

  1. หนังสือเดินทางที่ยังมีมากกว่า 6 เดือนก่อนหมดอายุ และมีการถ่ายรูปหน้าหนังสือเดินทางลงในระบบด้วย
  2. ข้อมูลโรงแรม หรือที่พักในเกาหลีแบบชัดเจน
  3. รูปถ่ายหน้าตรงชัดเจน (ปูเป้เซลฟี่หน้าตัวเองแบบชัดๆ ก็ผ่านนะคะ)
  4. ค่าธรรมเนียมประมาณ 10,000 วอน ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต

หลังจากลงทะเบียน K-ETA

อัพเดทล่าสุด!!! มีผลบังคับใช้วันที่ 3 ก.ค. 2023
1. “K-ETA” ขยายอายุจาก 2 ปี เป็น 3 ปี สำหรับคนที่ลงทะเบียนใหม่หลังวันที่ 3 ก.ค. 2023 เวลาเกาหลี 0:00 น.
2. ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี และอายุ 65 ปีขึ้นไป ไม่ต้องลงทะเบียน K-ETA ก่อนเดินทางเข้าเกาหลีแล้ว

หมายเหตุ : การได้รับ K-ETA แล้วมีโอกาสที่ทาง ตม. เกาหลีไม่อนุญาตให้ผ่านด่านเข้าเมืองจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ กรณีปูเป้กับพี่ต้นยื่น Passport ให้กับเจ้าหน้าที่ ตม.เกาหลีแล้วก็ยิ้มแย้ม และปั๊มตราประทับให้ไวมากไม่ถาม ไม่ขอเอกสาร สงสัยดูจากหุ่นพี่ต้น คนนี้ตัวกลมๆ ไม่น่าจะหนีมาเป็นผีน้อยแน่ๆ ค่ะ 555

ไปเที่ยว “ปูซาน (Busan)” กัน

การเดินทางในเกาหลีใต้จะสะดวกรวดเร็วง่ายขึ้นแบบไม่ต้องพกเงินสด และพกเหรียญให้หนักกระเป๋าค่ะ ก่อนบินแนะนำให้เตรียม บัตร T-money (รับที่เกาหลี และประเทศไทย) สามารถซื้อผ่าน Klook ได้สะดวกรวดเร็ว วันไปรับบัตรใช้แค่ QR cord ก็ได้รับ T-money เลยค่ะ

บัตร T-Money เป็นบัตรแทนเงินสดที่ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อ แค่สแกนบัตรก็ชำระเงินได้สะดวกสบาย, สามารถเช็คยอดเงินเหลือในบัตร และเติมเงินในบัตรที่ร้านสะดวกซื้อ หรือตู้ในสถานีรถไฟใต้ดินก็ได้ค่ะ

  • สนใจซื้อ บัตร T-money (รับที่เกาหลี และ ประเทศไทย) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ ซิมการ์ดใช้ในเกาหลีพร้อมอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด และบัตร T-money ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ รับซิมการ์ดที่ไทย : ซิมดีแทค GO INTER ใช้ในเอเชีย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

ทำประกันภัยการเดินทาง เพิ่มความอุ่นใจให้ทุกทริป

เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยิ่งถ้าอยู่ต่างบ้านต่างถิ่น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา เรื่องที่ควรจัดการได้ อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งเครื่องบินดีเลย์ กระเป๋าหาย (หรือล่าช้า) ประสบอุบัติเหตุ ป่วยไข้ ทรัพย์สินสูญหาย และปัญหาจุกจิกอีกมากมาย ที่จะพาลทำให้ทริปนั้นกลายเป็นฝันร้ายเอาง่ายๆ

เพื่อความอุ่นใจ ต้นกับปูเป้เลยเลือกทำประกันภัยการเดินทางเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ สมัยเป็น Blogger ใหม่ๆ เราก็ซื้อประกันภัยการเดินทางเป็นรายเที่ยวครับ แต่หลังๆ นี่เดินทางปีนึง หลายทริปมากๆ เราเลยเลือกทำประกันภัยการเดินทางกันเป็นรายปี 5555 (ใครที่เดินทางปีนึงเกิน 3-4 ทริป ซื้อ ประกันการเดินทางชับบ์ Chubb Travel Buddy แบบรายปี ปีคุ้มสุดครับ)

ประกันภัยการเดินทางกับ “Chubb Travel Buddy (คู่หูนักเดินทาง)” เค้าดูแลครอบคลุมทั้ง…

ที่สำคัญสามารถซื้อออนไลน์ได้ง่าย เลือกแผนได้ตามที่เราต้องการ ซื้อปุ๊ปได้กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางเลย เคลมไวไม่งอแง เบี้ยเริ่มต้นหลักร้อย ความคุ้มครองหลักล้าน ถูกใจเราสองคนสุดๆ!!

สนใจซื้อ ประกันการเดินทางชับบ์ Chubb Travel Buddy พร้อมได้รับส่วนลดพิเศษ คลิกที่นี่
อย่าลืมกรอกโค้ด NENGAN18 เพื่อรับส่วนลดน๊า!

Train To Busan : นั่งรถไฟไปปูซาน

จาก “โซล (Seoul)” เดินทางไปเที่ยว “ปูซาน (Busan)” สะดวกสบายมากกกก!! หลังจากรับกระเป๋าเดินทางให้เดินออกจาก Departure Hall ของ Incheon International Airport, Terminal 1 แล้วเรานั่งรถไฟยาวๆ ไปเมือง “ปูซาน (Busan)” กันค่ะ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีรถไฟตรงจากสนามบิน Incheon ตรงดิ่ง “ปูซาน (Busan)” เลย

ต่อที่ 1 : รถไฟ AREX หรือ Airport Express

ขึ้น รถไฟความเร็วสูง AREX หรือ Airport Express จากสนามบินอินชอน (Incheon International Airport) ไปสถานีปลายทางคือ Seoul station จอดจุดเดียวที่โซล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 43 นาที ที่นั่งของ AREX แบบระบุที่นั่ง วิ่งยาวๆ ทำให้ได้นั่งยาวๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋าหายระหว่างทางเพราะทุกคนลงพร้อมกัน เป็นการเดินทางเข้าโซลที่สะดวกสบายค่ะ

ปูเป้ซื้อ บัตรโดยสารรถไฟความเร็วสูง AREX Incheon Airport Express Train (แบบเที่ยวเดียวในโซล) ผ่าน Klook ราคาจะถูกกว่าซื้อที่หน้าสถานี สะดวกใช้งานโดยไม่ต้องปริ้นท์เอกสารให้วุ่นวาย ซื้อปุ๊ปจะได้ Voucher แล้วนำ QR Code ไปสแกนเพื่อออกตั๋วจริงที่หน้าตู้อัตโนมัติซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลช่วยเหลือ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่เป็นนะคะ ^^

กรณีเดินทางจากสนามบินอินชอน (Incheon Airport) เข้าโซล (Seoul) (ยังไม่ไปเที่ยวปูซาน (Busan)ทันที) แนะนำวิธีการเดินทางเข้าโซลดังนี้

1. K-Limousine รถบัสลีมูซีนจากสนามบินอินชอน (ICN) เข้าโซล
รถบัสวิ่งจากสนามบินอินชอนเข้าโซล รถบัสวิ่งและจอดตามจุดต่างๆ ทั่วโซล (ทั้งทงแดมุน/ นัมซาน, กังนัม/COEX, Jamsil/สถานีขนส่ง East Seoul, ศาลาว่าการกรุงโซล) รถบัสที่นั่งกว้างขวางสบาย ซื้อเสร็จแล้วแคปหน้าจอใช้งานได้เลย ไม่ต้องไปรับบัตรที่เคาน์เตอร์ ไม่ต้องยกกระเป๋าเอง ราคาดีกว่าซื้อด้านหน้า สะดวกสบายมากค่ะ

2. บริการรถรับส่งที่สนามบิน
ถ้าทริปไหนเดินทางแล้วมีกระเป๋าหลายใบ ไปหลายคนแล้วอยากนั่งสบายๆ ต่อเดียวถึง เราสองคนจะใช้ บริการรับส่งสนามบินพร้อมคนขับให้รถไปส่งที่โรงแรม หรือวันเดินทางกลับให้รถไปรับโรงแรมแล้วไปส่งที่สนามบินอินชอนเลย สะดวกสุดๆ (กรณีเที่ยวบินเกิด Delay ก็ไม่ต้องกังวลเพราะพนักงานขับรถจะรอให้บริการคุณอยู่ที่สนามบินค่ะ)

  • สนใจซื้อ บัตรรถไฟความเร็วสูง AREX Incheon Airport Express Train ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บัตรรถบัสลีมูซีนระหว่างสนามบินอินชอน (ICN) และโซล (จากสนามบินอินชอนเข้าโซล) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
  • สนใจซื้อ บริการรถรับ-ส่งที่สนามบินพร้อมคนขับ ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

ต่อที่ 2 : รถไฟความเร็วสูง KTX (Korea Train Express)

หลังจากนั่งรถไฟ AREX หรือ Airport Express จากสนามบินอินชอน จะมาสุดสายที่สถานี Seoul Station ขึ้นบันไดเลื่อนให้เดินตรงไปที่สถานีรถไฟโซล (Seoul KTX Train Station) จะมีทางเดินเชื่อมต่อถึงกัน จากนั้นไปขึ้น รถไฟความเร็วสูง KTX (Korea Train Express) จากโซล (Seoul) ไป “ปูซาน (Busan)” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง สะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา นั่งชมวิวเพลินๆ ได้หลับสักตื่นก่อนไปเที่ยวก็ดีงาม (กรณีเดินทางด้วยรถบัสจะใช้เวลาประมาณ 4.30- 5.30 ชั่วโมง)

หลังจากเทียบราคาแล้ว ปูเป้ซื้อ บัตรโดยสารรถไฟ Korea Rail Pass (KR Pass) แบบ Flexible 2 วัน ผ่าน Klook ราคาดีงามกว่าซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์ ซื้อแล้วได้รับ Voucher จาก Klook ทันที จากนั้นสามารถนำเลขของ Voucher ไปจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลยจะได้ไม่ต้องลุ้นว่ามีรอบเวลารถไฟที่ต้องการ หรือมีที่นั่งไหม? หรือต้องยืนตลอดสายค่ะ

บัตรโดยสารรถไฟ Korea Rail Pass (KR Pass), Flexible แบบ 2 วัน
ตั๋วรถไฟแบบ Flexible 2 วัน ขาไประบุวันที่เดินทาง ส่วนขากลับสามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนวันที่กลับได้

วันเดินทางขึ้นรถไฟให้ปริ้นท์ “เอกสารใบจองรถไฟ KORAIL Train Ticket ฉบับจริง” มายื่นกับเจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ (เอกสารใบนี้มาจากการนำเลข Voucher ที่ระบุในใบจองของ Klook ไปจองที่นั่ง และรอบเวลารถไฟออนไลน์ผ่านเว็บไซต์รถไฟเกาหลี KORAIL)

ถึงเวลาขึ้นรถไฟแล้ว ภายใน รถไฟความเร็วสูง KTX (Korea Train Express) สะอาดกว้างขวาง รถวิ่งเงียบสนิท ที่นั่งรถไฟแบ่งเป็น 2-2 ด้านซ้ายและขวา เก้าอี้เบาะกำมะหยี่ นั่งสบาย เหยียดขาได้ยาวๆ ปรับเอนหลังได้เยอะ มีโต๊ะพับได้สำหรับทานอาหาร ที่ชารต์แบตมือถือ มีห้องน้ำ และที่วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่ด้านหลัง ส่วนสัมภาระกระเป๋าใบเล็กวางไว้ชั้นวางเหนือศีรษะเราได้เลย

ข้อดีการจองที่นั่งรถไฟความเร็วสูง KTX (Korea Train Express)ล่วงหน้า :

  1. เราจะได้รอบรถไฟตรงตามความต้องการทำให้แพลนการเดินทางทุกอย่างไม่คลาดเคลื่อน
  2. ถ้าไม่อยากตีตั๋วยืนตลอดทางเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าๆ หรือหารถไฟกลับโซลไม่ได้ หลังซื้อบัตรรถไฟ KTX ทางออนไลน์แล้ว แนะนำให้ “จองที่นั่งรถไฟออนไลน์ล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ที่ไทย” ขอย้ำอีกครั้ง!!! ให้จองรถไฟเที่ยวขาไป-ขากลับตั้งแต่อยู่ไทย เพราะที่นั่งรถไฟ KTX เต็มไวมากกกก!! โดยเฉพาะวันหยุด และวันเสาร์-อาทิตย์
  3. ขั้นตอนการจองรถไฟง่ายๆ ให้นำเลข Voucher ที่ระบุในเอกสารของ Klook นำมาจองรอบเวลารถไฟผ่านทางเว็บไซต์ผ่าน KORAIL ด้านล่าง Voucher ใน Klook จะระบุขั้นตอนการจองที่นั่งออนไลน์บนเว็บไซต์รถไฟ หรือถ้าไม่สะดวกก็ให้เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์จัดการให้ได้ แต่อาจจะต้องลุ้นกับที่นั่งเต็ม และรอบรถไฟหน่อยนะคะ
  4. พอจองรอบรถไฟแล้ว วันเดินทางให้นำ “ใบจองรถไฟ KORAIL Train Ticket ฉบับจริง” มาโชว์ต่อเจ้าหน้าที่ (ไม่ต้องออกตั๋วจริงอีกครั้งค่ะ) ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวเพื่อออกตั๋วจริงที่สถานีรถไฟ มีเวลาเหลือๆ สำหรับซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และขนมไปทานบนรถไฟ ทำให้ขึ้นรถไฟสะดวกรวดเร็วมากขึ้นเยอะเลย

สนใจซื้อ บัตรโดยสารรถไฟ Korea Rail Pass (KR Pass) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

เช่ารถเที่ยวใน “ปูซาน (Busan)”

ทริปปูซานนี้ปูเป้กับพี่ต้นเดินทางหลายรูปแบบทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน แท็กซี่ และเช่ารถยนต์ขับเที่ยว สรุปแล้วเราสองคน ชอบฟีล “ขับรถเที่ยวปูซาน (Busan)” มากที่สุด และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ขับรถในเกาหลีใต้” ด้วยค่ะ เราเช่ารถผ่าน Klook ทำให้เที่ยวสะดวกสบายมากขึ้น, จุดไหนสวยก็จอดรถถ่ายรูป, ได้อิ่มเอมกับธรรมชาติแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา หรือรอบรถบัส, ทำให้ได้ไปสถานที่เที่ยวไกลจากตัวเมืองที่ไม่สะดวกเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือถ้ามีรถสาธารณะก็อาจจะต้องต่อหลายต่อ หรือราคานั่งแท็กซี่ก็สูงกว่าเช่ารถอีก เพราะยังมีที่เที่ยวดังๆ สวยๆ อีกมากมายที่คนไทยไม่ค่อยไปกันเพราะห่างจากตัวเมืองปูซาน (Busan) เช่น

การเช่ารถในปูซาน

ปูเป้กับพี่ต้นเช่ารถยนต์เที่ยวปูซาน “Busan” ผ่าน Klook สำหรับวิธีและขั้นตอนการจองรถง่ายแป๊ปเดียวเสร็จ ว่าไปจริงๆ ก็ง่ายกว่าจองรถเช่าที่ประเทศญี่ปุ่นซะอีกค่ะ

รายละเอียดการเช่ารถยนต์ผ่าน Klook :

ปูเป้เลือกสเปกการเช่ารถตามรายละเอียดด้านล่าง ราคาเช่ารถยนต์เริ่มวันละ 2 พันกว่าๆ ขึ้นอยู่กับขนาดรถยนต์, แพ็กเกจประกันภัยรถยนต์ และบริษัทเช่ารถค่ะ

ก่อนรับรถยนต์ :
พนักงานรับรถจะอธิบายรายละเอียดการจองรถด้วยภาษาอังกฤษ ให้เตรียมเอกสารดังนี้

  1. ปริ้นท์ Voucher การจองรถยนต์ผ่าน Klook
  2. Passport ของคนขับรถ (กรณีมีคนขับ 2 คน แนะนำให้แจ้งว่าใครเป็นผู้ขับขี่หลักด้วยค่ะ)
  3. ใบขับขี่สากลแบบ 1 ปี ตามอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนน ณ นครเจนีวา 1949 ที่ยังไม่หมดอายุ
    (การทำใบขับขี่สากลต้องทำที่กรมการขนส่งทางบก ค่าธรรมเนียม 505 บาท ใช้เวลาแป๊ปเดียวก็ได้เล่มเรียบร้อย)
  4. บัตรเครดิตในนามชื่อคนจองจะใช้ของคนขับคนไหนก็ได้

หลังจากนั้นพนักงานจะให้เอกสาร Rental Contract พร้อมอธิบายรายละเอียดการส่งคืนรถพร้อมเติมน้ำมันให้เต็มถัง และเวลาเกิดอุบัติเหตุให้ติดต่อเบอร์อะไร (ซึ่งปูเป้ทำประกันภัยครอบคลุมทุกอย่างแล้วเลยไม่กังวลเรื่องนี้ค่ะ) ก่อนรับรถพนักงานจะพาไปตรวจรับรถ, เช็คสภาพรถ และสอนวิธีการใช้รถคร่าวๆ ค่ะ

ขับรถเที่ยวเกาหลีครั้งแรก

ปูเป้ได้รถยนต์ยี่ห้อเกีย KIA ใหม่เอี่ยมแบบ 5 ที่นั่ง ระบบปรับอากาศ เกียร์ออโต้ ขนาดพื้นที่ห้องโดยสารรถยนต์กว้าง วางกระเป๋าและสัมภาระได้เยอะ ภายในรถสะอาดมาก กลิ่นดี สมรรถนะรถดี ขับนิ่ม วิ่งเงียบ เดินทางสะดวกถูกใจมาก

ยกตัวอย่าง ทริปเที่ยวปูซาน 1 วันแบบสบายๆ ขับรถไป 4 ที่เที่ยว รวมระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร มีค่าทางด่วนอีกนิดหน่อย และค่าน้ำมัน 14,100 วอน (คิดเรท 0.025 ประมาณ 353 บาท) ซึ่งค่าน้ำมันไม่แพงนะ ยิ่งถ้ามา 2-4 คน คุ้มกว่านั่งแท็กซี่อีก, ประหยัดเวลาการเดินทางรวดเร็วทำให้เที่ยวได้เยอะขึ้น, แม้วันฝนตก หรือจะแดดร้อนแรง อากาศจะหนาวก็ยังเดินทางสะดวกเที่ยวได้อยู่ ปูเป้ว่าคุ้มอยู่สำหรับการซื้อความสะดวกสบายในการเที่ยวค่ะ

สิ่งที่ชอบที่สุดของรถเกาหลีขอยกให้ “ระบบนำทาง GPS ของรถยนต์เกาหลี” ระบบสัมผัสแม่นยำดีมาก หน้าจอกว้าง ใช้งานง่ายเป็นภาษาอังกฤษ หาพิกัดง่ายและสะดวกมากกกก!! ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีในการขับรถครั้งแรกที่เกาหลีได้สะดวกดี และง่ายขึ้นมากค่ะ ถ้าให้เปรียบเทียบ GPS ที่เกาหลีใช้งานง่ายกว่าของญี่ปุ่นอีกค่ะ

การใช้ GPS คือตัวช่วยที่ดีมาก

GPS นี่แหละ!! ที่ช่วยทำให้การขับรถในเกาหลีครั้งแรกง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ เริ่มต้นพิมพ์ชื่อสถานที่เป็นภาษาอังกฤษ ระบบ GPS จะให้เลือกเส้นทางด่วน หรือทางปกติ หน้าจอบอกรายละเอียดชัดเจน เช่น

สนใจ บริการเช่ารถที่ Busan และต่างประเทศ ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

แนะนำโรงแรมในปูซาน (Busan)

1. ใกล้กับสถานีรถไฟ Busan Station

เป็นศูนย์กลางในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินจะไปไหนก็สะดวกรวดเร็ว เดินทางไปรอบเมืองได้ง่าย และใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูง (KTX) ลากกระเป๋าแค่ 5 นาทีก็เดินทางกลับโซล (Seoul) ได้สะดวกสบาย มีท่าเรืออยู่ด้านหลังสถานีรถไฟปูซานสามารถขึ้นเรือข้ามฟากไปญี่ปุ่นได้ด้วยค่ะ

2. ย่านชายหาดควังกาลี Gwangalli Beach (광안리해수욕장)

โด่งดังด้วยวิวสะพาน Gwangan Bridge สวยๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กของเมืองปูซาน เดินทาง MRT สายสีเขียวลงสถานี Gwangalli แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาทีก็จะเห็นหาดขาวๆ และสะพานควังกัน สะพานแขวนแห่งแรกในเกาหลีกันแล้วค่ะ ตื่นเช้ามาเห็นสะพานนี้คงดีต่อใจสุดๆ

3. ย่านชายหาดแฮอุนแด Haeundae Beach (해운대해수욕장)

ย่านนี้เป็นอีกย่านที่อยากแนะนำ เพราะมีครบทุกอย่างทั้งคาเฟ่สวยๆ ริมทะเล ร้านอาหาร ชายหาด ร้านรวงขายของ เหมาะสำหรับคนที่อยากไปนั่งรถไฟปุ๊กปิ๊กช่วงเช้า เพราะไม่ไกลจากสถานีขึ้น  Sky Capsule Haeundae Blue Line Park ช่วงเย็นแวะไปจุดถ่ายรูปที่ The Bay 101 และยังมีแหล่งรวมร้านอาหารให้เรานั่งชิลล์รับลมเย็นๆ ด้วยค่ะ

จองที่พักออนไลน์

จองออนไลน์ผ่าน Booking.com คุณจะได้ดีลราคาพิเศษในทุกการจอง ได้สิทธิประโยชน์ในฐานะสมาชิก Booking.com

1. ใกล้กับสถานีรถไฟ Busan Station

3. ย่าน Haeundae Beach

รวมพิกัด กิน-เที่ยว “ปูซาน (Busan)” (อัพเดต 2023)

1. รถไฟปุ๊กปิ๊ก Sky Capsule ริมชายทะเล

รถไฟปุ๊กปิ๊กชวนฝันที่แฟนๆ ซีรี่ส์มากมายอยากมาสัมผัสความโรแมนติกสักครั้ง ด้วยระยะทางสั้นๆ เพียง 2 กิโลเมตร ลัดเลาะหน้าผาจากสถานี Cheongsapo Haeundae Blue Line Park ไป Mipo โดยมีวิวสวยๆ ของทะเล “ปูซาน (Busan)” เป็นจุดขาย ใครมาปูซานแล้วไม่ได้ลองนั่งเจ้า Sky Capsule สายนี้ละก็… คุณพลาดแล้วล่ะ มันดีมว๊ากกกกกก!!

มุมถ่ายรูปสวยๆ แนะนำให้รอจังหวะรถไฟคันอื่นสวนมา จะได้รถไฟสีสดๆ น่ารักประกอบซีนได้เป็นอย่างดี ยิ่งตอนที่รถไฟเคลื่อนไปถึงริมทะเล (หลังรถเคลื่อนออกมาสัก 10-15 นาที) มุมตรงนี้วิวสวยมากกก!!

รถแต่ละคันนั่งได้ไม่เกิน 4 คน แต่ ปูเป้ขอแนะนำว่านั่งคันละ 2 คนกำลังดี จะได้มีพื้นที่ให้ถ่ายเซลฟี่กันแบบไม่แน่นจนเกินไป ตอนจองตั๋วเราสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งแบบ “เที่ยวเดียว” หรือ “ไป-กลับ” ก็ได้

ปูซาน Sky Capsule นี่ฮิตมากนะคุณ!!!

ใครไม่อยากพลาดแนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้า (และเช็ครอบรถไฟ) ได้ที่ Website กรณีที่ไม่อยากจองล่วงหน้า แนะนำให้ Walk-in เช้าๆ หน่อย (ยิ่งวันหยุดยิ่งคนเยอะ) ให้ขึ้นที่สถานี Cheongsapo คนจะน้อยกว่าขึ้นจากสถานี Mipo ค่ะ

การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานี Seomyeon แล้วเปลี่ยนไปลงสถานี Jungdong ออก Exit 7 แล้วนั่งแท็กซี่ไปสถานี Cheongsapo Haeundae Blue Line Park อีก 5 นาที ค่าโดยสารประมาณ 5,000 วอน สบายกว่าเดินเยอะ!!
พิกัด : https://naver.me/xagROtyb

2. Cheongsapo Lighthouse ประภาคารสีแดงริมทะเล

ประภาคารชื่อดังแห่งหมู่บ้านชาวประมง Cheongsapo ที่ปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการทีวีมากมาย เป็นอีกหนึ่งใน Landmark ยอดนิยมของ “ปูซาน (Busan)” ที่มักจะมีคนแวะมาถ่ายรูปเช็คอินกันเป็นประจำ ยิ่งช่วงฤดูร้อน ราวๆ เดือน มิ.ย. – ก.ค. ที่ท้องฟ้าใสๆ ก็มักจะมีคู่รักมากมายพากันมาเดินเที่ยว และเก็บภาพความทรงจำฤดูร้อนคู่กับประภาคารแห่งนี้เสมอๆ

ใครอยากชมวิวสวยๆ แนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ วันหน้าฟ้าเคลียร์ไม่มีเมฆบัง วิวยามเช้าจาก Cheongsapo Lighthouse นั้นสวยจนใจฟูเลยล่ะ ก่อนกลับแวะมาเก็บรูปสักนิดตรงข้ามประภาคารสีขาว มุมสวยๆ เลยจ้า

พิกัด : https://naver.me/FRWNbCH2

3. Wave on Coffee

คาเฟ่สุดชิค สุดเก๋ ชื่อดัง และ Classy ที่มาแรงแซงทุกคาเฟ่ใน “ปูซาน (Busan)” เค้าออกแบบร้านมาให้คุณได้ปล่อยจอย เอนหลังจิบกาแฟ ละเลียดฟองคลื่น ชื่นชมวิวทะเลได้แบบเต็มตา ทุกมุมของร้านจะเห็นวิวทะเลที่สวยมากตรงปกทุกอย่าง ร้านนี้จะห่างไกลจากตัวเมือง “ปูซาน (Busan)” ประมาณเกือบ 50 กิโลเมตรแนะนำให้นั่งแท็กซี่ หรือ เช่ารถ มาจะสะดวกในการเดินทางมากกว่าค่ะ

ตัวร้าน Wave on Coffee เป็นตึก 4 ชั้น ดีไซน์แบบ Loft Freeform ชั้นบนเป็น Rooftop พร้อม Daybed ให้นั่งชิลล์ๆ ได้ทั้งวัน ชั้น 2-3 เป็นโซน Indoor ที่ล้อมรอบด้วยกระจกเกือบ 360 องศา จัดแบ่งพื้นที่เป็นแนว Co-working space มีมุมสงบให้นั่งทำงาน มีมุมให้นั่งชมวิว ชั้นล่างเป็น Coffee & Pastry Station พร้อมที่นั่งโซน Outdoor กว้างๆ ให้ลูกค้าได้เลือกมุมนั่งชมวิวทะเลได้ตามอัธยาศัย ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ลมทะเลดีมาก

กาแฟและขนมของทางร้านจัดว่าเริ่ด ราคาก็จัดว่าแรง (เครื่องดื่ม 2 ขนม 2 เราจ่ายไปราวๆ 30,000 วอน) แต่ถ้าคิดว่าจ่ายให้กับบรรยากาศและวิวดีๆ แบบนี้ มันก็คุ้มอยู่นะ

เค้าบอกว่าสถาปนิกที่ออกแบบคาเฟ่ Wave on Coffeeนี้ เป็นสถาปนิกดังของเกาหลี (รางวัลเพียบ) แถมเค้ายังเป็นโลเคชั่นถ่ายหนัง ซีรีส์ รายการทีวีอยู่เป็นประจำ ได้รับทั้งรางวัล World Architecture Award Winner และ Top 80 Asia Restaurant & Hotels Winner by Farmani Group อีกด้วยนะ!!

การเดินทาง : สามารถขับรถมาจาก “ปูซาน (Busan)” ได้เลย หรือนั่ง KTX สถานี Wollae แล้วต่อด้วยแท็กซี่
พิกัด : https://naver.me/GIqtjWHg

4. Gamcheon Culture Village

จากหมู่บ้านลี้ภัยสงครามสุดแออัด สู่ “หุบเขาสีพาสเทล หมู่บ้านวัฒนธรรมแห่งปูซาน” ก้าวแรกของการพัฒนาเมืองเพื่อการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้!! ย้อนกลับไปช่วงสงครามเกาหลีปี 1950 หมู่บ้าน “คัมชอน” แห่งนี้เคยเป็นที่หลบภัยสงคราม ผู้คนมากมายที่อพยพกันมาเริ่มตั้งรกราก สร้างชุมชน จนเนินเขาแห่งนี้กลายเป็นชุมชนแออัด เมื่อเวลาผ่านไปบ้านเรือนเริ่มทรุดโทรม ในปี 1990 ทางรัฐบาลและชุมชนท้องถิ่นจึงร่วมมือกันปรับภูมิทัศน์ชุมชนแห่งนี้ให้สวยงาม กลายเป็น “หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน” อย่างที่เห็นในปัจจุบัน!!

ไฮไลท์ของ Gamcheon Culture Village อยู่ที่จุดชมวิวด้านบนสุดของเนินเขา บนนั้นจะมีรูปปั้น Little Prince และหมาจิ้งจอก นั่งชมวิวหมู่บ้านคัมชอนอยู่ พร้อมที่นั่งว่างให้เราไปนั่งเคียงคู่ชมเมืองด้วยกัน

นอกจากนี้ยังมีงาน Installation Art และงาน Street Art กระจายตัวอยู่ตามตรอก ตามมุมต่างๆ ของหมู่บ้าน ให้เราสนุกกับการเดินสำรวจหมู่บ้าน ไปพร้อมๆ เก็บ Collection งาน Art เหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน

การเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี Toseong station exit 6 เสร็จแล้วแนะนำให้นั่ง Taxi มาลงที่หมู่บ้านค่ะ (ให้คนขับดูรูปก็รู้แล้วว่าจะไปที่ไหน) ใช้เวลาแค่ 5 นาที ปูเป้ว่าสะดวกกว่ารอรถบัสค่ะ
พิกัด : https://naver.me/I5camaQb

5. Rendeja-Vous Haeundae

Rendeja-Vous Haeundae อีกหนึ่งคาเฟ่ที่เหมาะแก่การชมวิวพาโนราม่าของหาด Haeundae เป็นที่สุด!!

คาเฟ่สุดเก๋ ตัวร้านมี 3 ชั้น ออกแบบบีชผสมกับสไตล์ Industrial Loft มีความดิบเท่ เน้นโชว์พื้นผิววัสดุที่เป็นโครงสร้าง อาทิ ไม้ ปูนขัด เหล็ก และหิน

ไฮไลท์ Rendeja-Vous Haeundae จะอยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 3 ที่มีมุมเช็คอินเป็นเก้าอี้หนึ่งตัว และวิวหาด Haeundae อยู่ด้านหลัง พื้นรอบๆ จะเป็นเศษไม้ และโขดหินจำลอง รูปที่ได้จากมุมนี้นั้นโคตรคูลไม่เหมือนใคร

ชั้นบนสุดของ Rendeja-Vous Haeundae จะเป็น Rooftop เหมาะจะนั่งชิลล์ๆ ชมวิวทะเล

การเดินทาง : สถานี Jung-dong Exit 7
พิกัด : https://naver.me/GJrFlL0w

6. ชายหาดแฮอุนแด (Haeundae Beach)

ที่นี่คือหาด “แฮอุนแด (Haeundae Beach)” ชายหาดยอดนิยมของ “ปูซาน (Busan)” (ไม่แพ้ Gwangalli Beach) และเป็นหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาหลี บรรยากาศดี หน้าหาดยาวถึง 1.8 กิโลเมตร มีแนวกันคลื่น มีพื้นที่นั่งเล่น มีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ตั้งอยู่รายรอบ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี

ถึงแม้ทรายจะไม่ฟูนุ่มละเอียดเท่ากับฝั่งทะเลอันดามันของไทย แต่บรรยากาศของหาดแฮอุนแดก็มีความเฉพาะตัว ตามแบบชายทะเลประเทศในเขตอบอุ่น มาเที่ยว “ปูซาน (Busan)” ทั้งที แวะมาเช็คอินที่หาด “แฮอุนแด” เดินเล่นริมทะเล ตามรอยซีรีส์ก็ดีไปอีกแบบนะคุณ!!

พิกัด : https://naver.me/FJ6tSGq

7. ตลาดแฮอุนแด (Haeundae Market)

ไม่ไกลจากหน้าหาดแฮอุนแด จะเป็นย่านการค้าที่เรียกว่า “ตลาดแฮอุนแด ” ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก สไตล์ Beach Market มากมาย บรรยากาศย่านนี้จัดว่าคึกคัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เหมาะแก่การเดินเสพบรรยากาศเป็นที่สุด

พิกัด : https://goo.gl/maps/MSaL94rz52TbU7Dk6

8. Haeundae Obok ซุปหมูและข้าว

สำหรับสายกินที่อยากลิ้มลองเมนูขึ้นชื่อของ “ปูซาน (Busan)” เราแนะนำให้มาร้าน Haeundae Obok เป็นร้าน “ข้าวต้มซุปหมู” ที่เก่าแก่ ตกทอดกันมาถึงรุ่นที่ 3 ตัวร้านตั้งอยู่ใน Haeundae Market บรรยากาศร้านจะโฮมมี่ๆ สบายๆ เป็นกันเอง มีเจ้าของร้านรุ่น 3 คอยรับออร์เดอร์ พร้อมสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี (เพราะเค้าเป็นคนเกาหลี ที่เคยอยู่อเมริกา)

เมนูเด่นๆ ของร้านนี้ ก็คือ “ข้าวต้มซุปหมูแฮอุนแดอบก” ที่อร่อยมากๆ น้ำซุปหอม มีมิติ เนื้อหมูผ่านการทำซูวีมาจนเปื่อยนุ่ม แล้วถ้าจะให้ครบเครื่อง ควรสั่ง “ซุนแด” หรือไส้กรอกเลือดหมู มาทานด้วย รสชาติเข้มข้น เคี้ยวหนุบหนับ ไม่มีกลิ่นคาวเลือด อร่อยไม่เหมือนใคร!!

อ้อ!! ร้านนี้เค้ามีน้ำดื่ม และเครื่องเคียงให้ทานฟรีนะคะ ทั้งกิมจิ พริก ผัก หัวหอม อยากทานอันไหนก็เดินไปตักใส่ชามมานั่งทานได้เลย ราคา 19,000 วอน/2 คน
พิกัด : https://naver.me/5pEsyC5R

9. Pocha ร้านเต้นท์แดงกินดื่ม

มาเกาหลีแล้ว ไม่แวะกิน-ดื่ม ที่เต๊นท์แดงได้ยังไง!! อยากรู้ว่าคนเกาหลีสังสรรค์กันดุแค่ไหน คุณต้องมาแฝงตัวสังเกตการณ์ที่นี่!! สำหรับร้านที่ต้นกับปูเป้แวะมา เป็นร้านที่อยู่ใกล้ๆ Busan Station จะมีโซนร้านเต๊นท์แดงอยู่ด้านหน้า Almond Hotel ใครผ่านไปผ่านมา ลองถ้าได้สบตากับเหล่าเจ้าของร้าน จะถูกดึงดูดเข้าไปราวกับต้องมนต์!!

Pojangmacha หรือ Pocha คือเต๊นท์แดง ขายอาหารข้างทางขวัญใจคนเกาหลีทุกเพศ ทุกชนชั้น เมนูในร้านส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่ทานคู่กับเครื่องดื่มแล้วเข้ากันดี

ซึ่งก็จะเป็นแนวๆ ปิ้งย่าง ต้ม และผัด อาทิ หมูสามชั้นย่าง ซุปไข่ปลารสเผ็ด ออมุก ฮอตต๊อก คิมบับ ต๊อกบ๊กกี รามยอน อะไรทำนองนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละร้าน แนะนำให้อ่านราคาในเมนูให้ดีก่อน โปรดอย่าสั่งอะไรที่นอกเหนือจากเมนู ไม่งั้นอาจมีค่าเสียหายที่คาดไม่ถึง 5555

พิกัด : https://goo.gl/maps/mb3c7qUyLy64eQhDA

10. Hong Kong Banjum 0410

คนที่ชอบทานอาหารเส้นๆ แนะนำร้าน Hong Kong Banjum 0410 ของเชฟแบคแบคจงวอน (Baek Jong-won) อาหารเกาหลีสไตล์จีนมีหลายสาขาทั่วโซล ญี่ปุ่น จีน และอเมริกาด้วย เราไปทานสาขาตึกชั้น 2 ตรงข้ามสถานีรถไฟปูซาน (Busan Station)

โดยรวมแล้วอาหารอร่อยทุกจาน ราคาก็น่ารัก อาหารรอไม่นาน อาหารจานใหญ่มากให้มาแบบแน่นๆ จุกๆ ทีเด็ดของร้านนี้ คือ

ร้านนี้จะมีสาขาทั่วเกาหลี ราคาอาหารจานใหญ่ ราคาดีคุ้มมากๆ แนะนำต้องมาลองค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/APcBH447u7nSJjLn9

11. วัดแฮดงยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)

สำหรับใครสายวัดวา แนะนำต้องมา วัดแฮดงยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) เป็นวัดพุทธเก่าแก่ที่สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ มีความเก่าแก่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดริมทะเลที่วิวสวยที่สุดตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง “ปูซาน (Busan)” บรรยากาศดี วิวสวยมาก คนเกาหลีมีความเชื่อว่าจะต้องมาวัดนี้เพื่อมาชมแสงแรกของปีและไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่

ทางเข้าวัดแฮดงยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) จะมีร้านค้าขายขนม ของฝาก ไอศกรีม น้ำส้มจากเกาะเชจู อาหารแบบจัดเต็มไม่ต้องกลัวหิวเลยค่ะ ตื่นตาตื่นใจน่าอร่อยทุกอย่างจริงๆ

วัดแฮดงยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) จะมีการขึ้นลงบันไดหินมากถึง 108 ขั้น ซึ่งได้เปรียบเปรยว่าเหมือนเราได้ทิ้งความปรารถนาทางโลก 108 ประการ มาวัดนี้แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมาเลยค่ะ เมื่อยขามากๆ ค่ะ

ด้านบนเนินเขาของวัดจะเป็นที่ตั้งของเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่หันหน้าออกทะเล ซึ่งจะมีกิมมิคน่ารักๆ ในการขอพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิม เริ่มแรกให้เราเลือกปีนักษัตรของตัวเอง แล้วเขียนคำอธิษฐานรอบกล่องพลาสติกซึ่งด้านในเป็นเทียนรูปนักษัตรของ พอเขียนเสร็จก็เอาไปถ่ายรูปวิวทะเลสวยๆ จากนั้นเอาไปจุดเทียน ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งจุดที่ชมวิวทะเลของวัดที่สวยงาม


การเดินทาง : วัดนี้ค่อนข้างห่างจากตัวเมือง “ปูซาน (Busan)” ประมาณ 30 กิโลเมตร เราไปที่นี่โดยเช่ารถยนต์ขับผ่าน Klook ค่ะ

12. หมู่บ้านชาวประมง Gijang Daebyeonhang Port

หมู่บ้านชาวประมงสุดคิ้วท์ที่เราเจอโดยบังเอิญระหว่างทาง ขณะมุ่งหน้าจาก วัดแฮดงยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple) เพื่อจะไปยัง Wave on Coffee ท่าเรือ Gijang Daebyeonhang Port นี้เคยได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งใน 100 หมู่บ้านชาวประมงที่สวยงามที่สุด จากกระทรวงการเดินเรือและการประมง และยังเป็นแหล่งจับปลากระตักที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลี

มุมสวยของหมู่บ้านนี้ คือฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้านค่ะ ตรงนี้จะมาคาเฟ่ชื่อ “NUBLUE” ตั้งอยู่ มองเผินๆ บรรยากาศคล้ายๆ กับหมู่บ้านชาวประมงแถวแคนาดาเลยล่ะ

พิกัด : https://naver.me/xLEABRma

13. ตลาดจากัลชิ (Jagalchi Market)

นี่คือตลาดชากัลจิชื่อดังและใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ “ปูซาน (Busan)” ด้วย ภายในตลาดจะแบ่งเป็นตลาดกลางแจ้งร้านค้าภายนอกอาคาร และภายในอาคารจะแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นแผงขายอาหารทะเลสดๆ ปลา กุ้ง ปลาหมึก ล็อปสเตอร์ ปู

โดยเราสามารถซื้อวัตถุดิบสดแบบเป็นๆ แล้วให้นำมาปรุงอาหารแบบสดๆ ให้ทานได้เลย หรือจะเดินขึ้นไปชั้น 2 ของอาหารก็จะเป็นร้านขายอาหารของชั้น 2 มีมากมายหลายร้านให้เลือก


การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี Jagalchi Station Exit 10
พิกัด : https://naver.me/xZObQj0f

14. ย่านชอปปิ้ง BIFF Square

ย่านการค้าบรรยากาศยามค่ำคืนจะคึกคักมาก มีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ เรียงรายสองข้างทาง รวมทั้งสตรีทฟู้ดแบบรถเข็นมากมายมาให้ได้อิ่มกันต่อ จากตลาดชากัลจิ (Jagalchi Market) เดินมาได้เลยจะอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามกัน อิ่มแล้วก็เหมาะมาเดินย่อยอาหาร ช้อปปิ้งซื้อของ


พิกัด : https://naver.me/FyxFw0bj

15. 마마된장 มาม่าเดวนจัง

ร้านอาหารเกาหลีเพื่อสุขภาพสไตล์รสมือแม่ที่มีจุดขายอยู่ที่การใช้เต้าเจี้ยวคุณภาพดีแทนการใช้ “MSIG หรือผงชูรส” เมนูหลักๆ จะเป็นเซ็ตเมนูที่เราสั่งจะเป็น เซ็ทซี่โครงวัวตุ๋น และบิบิมบับหอยแครง ในเซ็ตจะมีทั้งเครื่องเคียง จานหลัก ผัก และซุปครบครัน

ร้าน “มาม่าเดวนจัง (Mama Dwenjung)” มีหลายสาขา ปูเป้กับพี่ต้นไปทานสาขาตรง Nampo ร้านนี้ปิดตาสั่งยังอร่อย ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 11,000 – 15,000 วอน / เซ็ต อาหารวัตถุดิบ อาหารอร่อยทำแบบรสมือแม่ แนะนำมากๆค่ะ

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JbKpSzJUpyw4TgMA8

แนะนำสถานที่เที่ยว และกิจกรรมในปูซาน (Busan)

หลังจากเทียบราคาแล้ว ปูเป้ชอบซื้อตั๋วผ่าน Klook จะได้ ราคาถูกกว่า Walk-in ซื้อหน้าเคาน์เตอร์ และไม่เสียเวลาเที่ยวต่อคิวยาวรอนาน พอซื้อเรียบร้อยแล้วเราจะได้ QR Code ใน App ของ Klook วันที่ไปถึงก็แค่สแกน QR Code เข้าไปได้เลย หรือบางที่ก็ไปขึ้นตั๋วจริง สะดวกในการใช้มากๆ ค่ะ

Exit mobile version