“ชีวิตชอบลุ้นไหมครับ?” ลุ้นหวย ลุ้นมวย ลุ้นผลสอบ ลุ้นโบนัส ลุ้นนั่น ลุ้นนี่ ชอบอะไรแบบนี้ไหมครับ? ท่ามกลางความตื่นเต้นของเหตุการณ์ที่ต้องลุ้น รสชาติของความสำเร็จคงจะมีอรรถรสเกินบรรยาย
แต่ถ้าไม่ล่ะ!? รสชาติของความผิดหวังนี่มันจะเป็นยังไงกัน!?
ผมคนนึงล่ะ ที่ไม่ค่อยปรารถนาจะลิ้มรสความผิดหวังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าต้องลุ้นรสอาหารจากร้านที่ไม่รู้จัก!!?? สมัยนี้เราโชคดีที่มีอินเตอร์เน็ต มีกูเกิ้ล อยากหาร้านอร่อย search แป๊บเดียวก็รู้ละ ส่วนใหญ่ก็มักจะ search เจอร้านอร่อยเจ้าเดิมนั่นล่ะครับ คนมาทานเยอะ มารีวิวเยอะ แม้จะเป็นร้านเดิมๆ ก็ไปเถอะ… อร่อยแน่นอน ไม่ต้องลุ้น
วันนี้ผมมีร้านอาหารน้องใหม่ อยากให้ลองเปิดใจไปชิมกันดูครับ อยู่แถวๆ เลียบคลองทวีวัฒนา ชื่อร้านเก๋ๆ ว่า Canale House (คานาเล่เฮ้าส์) ร้านอาหารเก๋ๆ ที่มีน้องคนนึงแนะนำให้ผมไปลิ้มลอง มาครับ ตามผมไปพิสูจน์รสชาติร้านนี้กัน
บรรยากาศและการตกแต่งร้าน
ร้าน Canale House อยู่ตรงปากซอยเพชรเกษม 102/4 ร้านตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ปากซอยเลย แถมได้ทำเลดีอยู่ริมคลองทวีวัฒนาด้วย การตกแต่งร้านเป็นสไตล์ Loft ที่ใช้ไม้ เหล็ก ปูน กระจก เป็นโครงสร้างหลัก
มีการแบ่งพื้นที่เป็นหลายโซนครับ ทั้งโซนครอบครัว (อยู่ริมสระน้ำ มีที่ให้เด็กวิ่งเล่น) โซนนั่งชิลล์ริมน้ำ โซนห้องแอร์ โซนนั่งฟังเพลงด้านใน โซนห้องคาราโอเกะ โซนร้านกาแฟ
พื้นที่ร้านกว้างมาก ที่จอดรถก็กว้าง จอดรถได้เยอะทีเดียว (กะคร่าวๆ น่าจะได้ประมาณ 50 คัน) เหมาะกับการจัดเลี้ยงเป็นหมู่คณะ การสังสรรค์ของครอบครัวหรือที่ทำงาน
ยิ่งพอตกเย็น ไฟในร้านเริ่มเปิด ยิ่งทำให้บรรยากาศดีขึ้นไปอีกนะครับ บรรยากาศนี่เหมาะแก่การนั่งชิลล์จริงๆ สิ่งเดียวที่ผมขอติในเรื่องบรรยากาศก็คือ ยุงครับ มันเป็นเรื่องยากที่ร้านริมน้ำจะไม่มียุง (เป็นกันทุกร้านแหล่ะ) แต่ทางร้านเค้าก็รับมือด้วยการเตรียมยาจุดกันยุงและสเปรย์กันยุงไว้บริการลูกค้าครับ
ส่วนที่ชอบที่สุดคือร้านนี้ออกแบบคำนึงถึงผู้พิการและผู้สูงอายุด้วยนะครับ ผมชอบจุดนี้มากจริงๆ
ดังนั้นในส่วนของบรรยากาศร้านผมให้คะแนน 4.5/5 ครับ (ขอหักเรื่องยุงไปนิดนึงนะครับ)
อาหารและรสชาติอาหาร
สไตล์อาหารของทางร้านจะเป็นอาหารนานาชาติครับ แต่จุดเด่นจะเป็นเรื่องของอาหารไทยและอาหารทะเลที่สดอร่อยไม่ใช่เล่นเลย และเนื่องจากผมมีจุดประสงค์จะไปรีวิวร้านนี้ (รุ่นน้องบอกว่าอร่อยจริง) ผมจึงมากับครอบครัวและสั่งอาหารมาหลายรายการเพื่อจะได้ชิมหลายๆ จานครับ (ถ้ามากับยัยหมวย 2 คน คงได้ทานแค่ 3-4 อย่างแน่นอน) ดังนั้นขอเริ่มรีวิวเลยละกันนะครับ
1. เห็ดเข็มทองคั่วเกลือ : ตอน พนง. ยกมาเสิร์ฟ ผมนึกว่ามันคือปลาเส้นทาโร่ทอดกรอบ แต่พอได้ทานเข้าไปคำแรก ผมถึงกับติดใจ เฮ้ย!!! นี่มันกับแกล้มในฝันเลยนี่หว่า!!
เห็ดเข็มทองที่ชุบแป้งและทอดกรอบมาอย่างดี (กรอบนานด้วยนะ) คั่วด้วยพริกซอย ต้นหอมซอย และเกลือนิดๆ เมนูนี้กินเพลินมาก
ราคา 150 บาท
คะแนนรีวิว 5/5 เลยครับ
====================
2. หอยสะดุ้ง : แค่ฟังชื่อก็จี๊ดละ 55555 เมนูนี้เป็นหอยแครงลวก จัดใส่มาในถ้วยใบเล็กพร้อมกระเทียมสด พริกซอย มะนาว ตะไคร้ซอย และใบสะระแหน่ ในส่วนของรสชาตินั้นกลางๆ ไม่จัดจ้านมาก ไม่เผ็ดมาก หอยแครงสดจริง ลวกกำลังดี (1 ถ้วยเล็ก มีหอยหลายตัวนะ) การจัดจานทำได้สร้างสรรค์มาก ผมชอบไอเดียเค้านะ 1 ถ้วยที่เสิร์ฟมานี่พอดีคำเลยครับ
ข้อติ คือ การนำเอาตะไคร้ซอยไปไว้ด้านล่างสุด เวลาตักทาน เราจะตักตะไคร้ซอยได้ไม่หมดถ้วยใน 1 คำ เพราะตะไคร้อัดกันแน่นอยู่ด้านล่าง ผมเสนอให้แบ่งตะไคร้ซอยไปโรยเป็นเลเยอร์ไว้ด้านบน โดยไม่ต้องใส่เยอะมาก จะได้ตักทานง่ายๆ
ราคา 120 บาท
คะแนนรีวิว 4/5 หักคะแนนเรื่องการตักยาก กับรสชาติที่ยังไม่แซ่บถึงใจผม (สำหรับคนอื่น อาจจะกำลังดีนะ)
====================
3. ส้มตำปูม้า : เมนูนี้ไม่ใช่เมนูปกติที่ผมจะสั่งมาทาน เนื่องจากผมชอบตำปูปลาร้า (5555555) แต่เผอิญว่าที่บ้านผมเค้าไม่ทานปลาร้ากัน มันก็มาลงเอยที่ส้มตำปูม้าไฮโซจานนี้!! เรื่องความสดนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ เรียกว่าสด สะอาด ไม่จู๊ดๆ แน่นอน
ส่วนรสชาติส้มตำร้านนี้จะเป็นไปในโทนตำไทย ออกหวานนิดๆ แต่ไม่หวานมาก มะละกอยังคงกรอบ ผักไม่สลด สำหรับรสชาตินั้นมีความนัว แต่ไม่ปี๊ดป๊าด เด็กทานได้ ฝรั่งทานดีครับ
ราคา 180 บาท
คะแนนรีวิว 4/5
====================
4. พล่ากุ้งแม่น้ำ : ตอนที่ พนง. ยกมาเสิร์ฟ ผมแอบอุทานในใจว่า “โอ้โห!! เล่นใหญ่แฮะ” ก็แหม… นี่มันพล่ากุ้งแม่น้ำนะครับ กุ้งเนื้อแน่นย่างมาพอสุก (มาพร้อมหัวกุ้งที่ยังมีมันกุ้งเยิ้มๆ น่ากิน) ราดมาด้วยเครื่องยำพล่า (พล่าต่างกับยำตรงที่จะย่างเนื้อมาไม่สุกมาก นำมาผสมเครื่องยำที่มีตะไคร่หรือข่าเข้าไปด้วย โดยจะมีมะนาวทำให้เนื้อสุกอีกทีครับ)
พล่าร้านนี้ผมว่ามีรสเปรี้ยวนำอยู่นิดๆ เผ็ดหน่อยๆ แต่จะไม่หวานมากครับ เมื่อทานเนื้อกุ้งกับเครื่องยำพล่า รสชาติเข้ากันดีนะครับ
ส่วนตัวแล้วเวลาทานพล่าหรือยำ ผมมักทานแกล้มกับแอลกอฮอล์ (ซึ่งทำให้ลิ้นชา 55555) ผมจึงคาดหวังให้พล่ามีรสที่จัดกว่านี้ แต่ถ้าถามยัยหมวยซึ่งเป็นคนไม่ทานรสจัดมาก (รสจัดแต่ไม่เผ็ดมาก) ยัยหมวยบอกว่าโอเคเลยกำลังดี ถามคนอื่นๆ ในบ้าน ก็บอกโอเคหมดนะ
ราคา 600 บาท ราคานี้กับกุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นตัวโตๆ ผมว่าคุ้มมากนะ
คะแนนรีวิว 4.5/5 หักคะแนนที่ไม่ถูกใจคอเหล้าเล็กน้อยนะ 555555
====================
5. แป๊ะซะปลาช่อน (แบบไทย) : เมนูนี้ซี๊ดซ้าดกันทั้งบ้านเลยครับ!!! ไม่รู้ว่าแป๊ะซะแบบอื่นเป็นยังไง แต่แป๊ะซะแบบนี้แหล่ะของชอบของครอบครัว น้ำแกงส้มที่ใส่มานั้นรสชาติถูกใจ
มีความเปรี้ยวหอมของน้ำมะขาม มีความหวานกำลังดีของน้ำตาลปี๊บ รสชาติเผ็ดนิดๆ ซดน้ำเพลินมาก ทีเด็ดของจานนี้คือปลาช่อนที่ทอดมาถูกใจมากครับ เนื้อกรอบ นุ่ม อร่อย ไม่เละเลย ต้มไปนานๆ ก็ยังไม่เละ ชอบๆๆ
เมนูนี้คือเมนูแนะนำที่ควรสั่งทานกันทุกโต๊ะครับ 555555
ราคา 350 บาท
คะแนนรีวิว 5/5 ไม่รู้จักหักอะไรอ่ะ
====================
6. ปลากะพงลอยแพ : พนักงานเสิร์ฟบอกว่า “อันนี้เมนูแนะนำ 3 ดาว” มีหรือที่ผมจะไม่ลองสั่งมาชิม และบอกเลยว่ามันอร่อยสมกับที่เป็นเมนูแนะนำประจำร้านจริงๆ ครับ จานที่ยกมาเสิร์ฟนั้นถือว่าใหญ่พอประมาณ
เนื้อปลาที่เห็นในจานดูจะไม่สมกับขนาดตัวปลาที่รองอยู่ด้านล่างเลย คือ เนื้อมันเยอะ อร่อย คั่วมาแห้งกำลังดี คือไม่แห้งมาก เนื้อปลากรอบนอก เนื้อในนุ่มกำลังดี หอมมะกรูดกับเครื่องสมุนไพร
ผมให้ทุกคนจัดอันดับ Top 3 ของอาหารที่สั่งมา จานนี้อยู่ใน Top 2 เลยล่ะครับ
ราคา 450 บาท
คะแนนรีวิว 5/5 อันนี้อร่อยจริง ควรสั่งมาทานนะครับ
====================
7. กรรเชียงปูผัดพริกเกลือ : เมนูนี้รสชาติได้มาตรฐานครับ ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนเพชรบุรี อาหารทะเลนี่ผมทานมาเยอะมากตั้งแต่เด็กๆ หากจะมีเมนูปูร้านไหนมาทำให้ผมถูกใจได้ ร้านนั้นคงต้องเด็ดจริงๆ
สำหรับกรรเชียงปูร้านนี้เนื้อหวานและสดดีครับ การผัดเนื้อปูกับพริกเกลือถือว่าอร่อยได้มาตรฐาน แต่ผมเคยทานเมนูนี้ที่ฮ่องกงมาแล้ว (ตอนนั้นยอมว่ารับอร่อยจนต้องดูดนิ้วเลยล่ะ)
ข้อดีคือเนื้อปูหวานอร่อย แป้งทอดกรอบนั้นกรอบนานแม้จะทิ้งไว้จนเย็นแป้งก็ไม่น่วมครับ ผมแนะนำทางร้านไปว่ารสชาติสามารถผัดให้ถึงเครื่องได้มากกว่านี้ จานนี้อร่อย แต่ยังไม่เข้มข้นมากเท่าที่ผมเคยทานครับ
ราคา 400 บาท
คะแนนรีวิว 3.7/5 ผมเชื่อว่าถ้าไปทานคราวหน้า รสชาติจะเข้มข้นได้กว่านี้ครับ
====================
8. กุ้งกระทะร้อน : “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง” เพลงนี้แต่งมาเพื่อจานนี้เลยครับ 55555 ก็กุ้งกระทะร้อนจานนี้เค้าผัดกุ้งกับมันกุ้งครับ โอ้โห… สุขใดจะเสมอเหมือน กุ้งกระทะร้อนจานนี้ผัดจนเครื่องซึมเข้าเนื้อกุ้ง
กุ้งสด เนื้อแน่น มีกลิ่มหอมของเครื่องผัดและมันกุ้ง ผมบอกเลยว่ามันนัว มันกินกับข้าวสวยได้เพลินดีจัง เป็นเมนูที่รู้ว่าอ้วนแน่ แต่ผมก็ไม่แคร์!!!!!
ราคา 350 บาท
คะแนนรีวิว 4.5/5 หักไป 0.5 ที่ทำให้ผมอ้วนขึ้น
====================
9. ต้มยำกุ้งแม่น้ำมะพร้าวอ่อน : “ไม่สั่งแล้วจะเสียใจนะ” พูดสั้นๆ ได้เท่านี้เลย เฮ้ย!! ไม่ใช่ๆ ขออธิบายอีกนิด คือ น้ำต้มยำนี่ใช่เลยครับ ทานได้ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชาติ คือ ครบทุกมาตรฐานที่ทุกต้มยำกุ้งดีๆ ควรจะมี
ที่สำคัญคือเค้าไม่หวงเครื่องครับ กุ้งตัวโตๆ ใส่กันเข้ามาให้เต็มหม้อไฟ เห็ดฟาง มะพร้าวอ่อน โอ้โห… ผมซดน้ำจนไม่เหลือเลยครับ (แย่งกับน้องชาย)
หมายเหตุ : คราวหน้าหักก้ามกุ้งออกก็ได้นะ มันเกะกะ
ราคา 400 บาท
คะแนนรีวิว 5/5 นี่ถ้าหักก้ามกุ้งออกจะให้ 6/5 เลยนะ
====================
10. เผือกหิมะ : หลังจากระดมทานอาหารหลักมาถึง 9 เมนู ต้องขออนุญาตจบด้วยเมนูของหวานแนะนำของทางร้านครับ เผือกหิมะจานนี้อร่อยอ่ะ พูดตรงๆ คือ ด้านนอกที่เคลือบน้ำตาลนั้นก็ไม่ได้หวานจนแสบคอ
ส่วนด้านในที่เป็นเนื้อเผือกก็มีความนุ่มคล้ายครีมแต่ไม่เละ แปลกดีครับ ปกติเคยเจอว่าเนื้อเผือกจะแห้งๆ หรือไม่ก็ร่วนเละๆ แต่จานนี้มาดีเลยล่ะ
ใครที่ชอบเผือก (หมายถึงเผือกจริงๆ นะ) ควรสั่งมาทานตบท้ายครับ อร่อยนะ
ราคา 200 บาท
คะแนนรีวิว 5/5 ผมนี่ชอบเผือกมากจริงๆ (หมายถึงเผือกจริงๆ นะ)
====================
เครื่องดื่ม : นอกจากเครื่องดื่มปกติ อาทิ น้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั่น ผมก็สั่งเบียร์ Hoegaarden Rosee กับ Strongbow Gold Apple มาทานครับ ที่นี่มีเบียร์อร่อยหลายยี่ห้อนะครับ สนใจสั่งมาดื่มได้เลย ราคาก็มาตรฐานนะ ไม่ได้แพงไปกว่าร้านอาหารทั่วไป
- Hoegaarden Rosee 195 บาท
- Strongbow (Gold Apple) 90 บาท
สรุปค่าอาหารทั้งหมด ดังนี้ครับ
- ราคารวม 4,065 บาท
- ได้ส่วนลดเดือนเกิด 10% (เฉพาะค่าอาหาร) น้องชายเกิดเดือนนี้ เลยได้ส่วนลดโดยบังเอิญ
- จ่ายจริง 3,760 บาท ราคารวม VAT แล้ว
- ไม่มีค่า Service Charge นะครับ น้องพนักงานบริการดีมาก ควรค่าแก่การให้ทิปครับ
หลังจากทานอาหารครบทุกเมนูแล้ว (แต่ยังไม่ได้เช็คบิล) ผมเลยแจ้งกับทางผู้จัดการร้านว่าผมขออนุญาตรีวิวร้านครับ ซึ่งทางร้านก็คงจะทราบแหล่ะ เพราะเห็นผมเอาแฟลชมาถ่ายภาพอาหารซะขนาดนั้น (แฮะๆ)
ทางร้านก็อนุญาตให้ถ่ายภาพรีวิวได้ครับ โดยชวนให้ผมไปถ่ายบรรยากาศโดยรอบ แนะนำให้ไปถ่ายภาพจากด้านบนประภาคาร รวมถึงชวนให้เข้าไปถ่ายภาพในครัวด้วย
ทำไมถึงต้องมา Canale House
ร้านนี้บรรยากาศดี ตกแต่งสวยเก๋ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นกันเอง มีอาหารรสชาติดีมาก มีความสดอร่อย ในราคาที่สมเหตุสมผล เจ้าของร้านมีความใส่ใจต่อลูกค้าแม้กระทั่งผู้สูงอายุหรือผู้พิการ สถานที่สะอาด เดินทางสะดวก จอดรถง่าย ห้องน้ำก็กว้างขวาง สะอาด ประตูกว้าง มีที่ยึดจับสำหรับคนนั่งรถวีลแชร์
ถ้าคุณอยู่แถวฝั่งธนบุรี ย่านทวีวัฒนา หรือบางแค
ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ไปลอง
ร้าน Canale House ครับ
คะแนนรีวิวร้านโดยรวม : 4.6/5 คะแนน
เวลาทำการ : 16:00 – 00:00 น. (4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน)
ที่อยู่ : 4 – ซอย เพชรเกษม 102 แขวง บางแคเหนือ เขต บางแค กรุงเทพมหานคร 10160
โทรศัพท์ : 02 421 9388, 081 981 1833
GPS : 13.7086272,100.3734001
ขอบคุณร้านอาหาร Canale House ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับการรีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ร้านนี้จะกลายเป็นร้านแฮงเอาท์อันดับต้นๆ ของย่านฝั่งธนฯ แน่นอน!!!
มาดูบรรยากาศร้านในโซนอื่นๆ กันบ้างนะครับ
บรรยากาศในครัว
ผมจู่โจมเข้าไปในครัว โดยพนักงานไม่ทันตั้งตัวครับ แน่นอนว่าเขินกล้องกันทุกคน แต่เมื่อพิจารณาจากความสะอาดโดยรวม รวมถึงระเบียบเรื่องการรักษาความสะอาดต่างๆ ผมถือว่าร้านนี้ใส่ใจเรื่องสุขลักษณะเป็นอย่างดีครับ