ไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว ที่คนส่วนใหญ่มักมองว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ “พื้นที่เสี่ยงภัย” ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส ถ้าเลือกได้อย่าไปใกล้ 3 จังหวัดนี้!! สำหรับเรา แรกๆ ก็แอบหวั่น แต่ไม่รู้ทำไม ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เราลงไปเที่ยว 3 จังหวัดนี้บ่อยเหลือเกิน (และเราก็ยังสบายดี อ้วนท้วนเหมือนเดิม 555) แต่ไม่ต้องกังวล รีวิวนี้จะพาคุณไปพบกับ 13 พิกัด สงขลา – ปัตตานี กับรูท (Route = เส้นทาง) เที่ยว ที่ทั้งเฟี้ยวและปลอดภัย!! มาติดตามกันครับ
13 พิกัดเที่ยวที่อยากพาทุกคนไปรู้จักอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและปัตตานี แม้จะเป็นโซนเฝ้าระวัง แต่ถือว่าอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ที่เที่ยวในจังหวัดสงขลานั้นหายห่วง ส่วนที่เที่ยวในปัตตานีนั้นส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมือง ซึ่งได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ – ทหาร เป็นอย่างดี มีจุดตรวจและด่านเฝ้าระวังหนาแน่นครับ
จังหวัดปัตตานี
อดีตหัวเมืองฝ่ายใต้ปลายแหลมมาลายู ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณในอดีต เป็นเมืองท่าที่มีความเจริญด้านเศรษฐกิจสูงมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นั่นคือเรื่องราวในอดีตที่ส่งผลให้ปัจจุบัน เราพบว่า จ.ปัตตานี เป็นหนึ่งในจังหวัดน่าเที่ยว ที่มีทั้งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองสะอาด ผู้คนอัธยาศัยดี และมีวัฒนธรรมผสมผสานอย่างลงตัว ไปดูพิกัดท่องเที่ยวแนะนำใน จ.ปัตตานี กันครับ
1. ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว (หรือศาลเจ้าเล่งจูเกียง)
ศาลเจ้าชื่อดังแห่ง จ.ปัตตานี ใครไปใครมา ไม่แวะมาเที่ยวที่นี่ถือว่าพลาด!! ศาลเจ้าแห่งนี้เกิดจากความศรัทธาของพี่น้องชาวปัตตานีเชื้อสายจีน ที่มีต่อ “ก่อเหนี่ยว แซ่ลิ้ม” สตรีชาวจีน ที่อาสาเป็นตัวแทนทางบ้าน มาตามหาพี่ชาย “ลิ้มเตาเคียน” ซึ่งเดินทางมาค้าขายที่ จ.ปัตตานี แต่เงียบหายไปหลายปี
“ลิ้มกอเหนี่ยว” ลั่นวาจาไว้ว่าหากทำการไม่สำเร็จ นางจะขอยอมตาย สุดท้ายเมื่อตามพบพี่ชายซึ่งได้ดิบได้ดีเป็นนายช่างใหญ่ นางอ้อนวอน แต่ถูกพี่ชายปฏิเสธที่จะกลับเมืองจีนในตอนนั้น เนื่องจากยังติดภารกิจในการสร้างมัสยิดกรือเซะอยู่ อีกทั้งตนมีครอบครัวอยู่ที่นี่แล้ว จึงไม่สะดวกจะกลับไป นางจึงผิดหวังที่ไม่สามารถทำตามความตั้งใจได้ จึงผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ใกล้ๆ มัสยิดกรือเซะนั่นเอง
ลิ้มเตาเคียน เสียใจกับการจากไปของน้องสาว จึงจัดงานศพตามประเพณีอย่างสมเกียรติ จากนั้นจึงตั้งฮวงซุ้ยให้กับนาง อยู่บริเวณหมู่บ้านกรือเซะนั่นเอง แต่ว่ากันว่าสุดท้าย ลิ้มเตาเคียน ก็สร้างมัสยิดไม่สำเร็จ หลังจากพยายามสร้างหลังคามัสยิดแต่ก็โดนฟ้าผ่าจนพังลงมาถึง 3 ครั้ง จนท้อและล้มเลิกการสร้างมัสยิดไป ผู้คนเชื่อกันว่าเกิดจากคำสาปแช่งของลิ้มกอเหนี่ยว นั่นเอง!!
ต่อมาจึงมีคนนำต้นมะม่วงหิมพานต์ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตาย มาแกะสลักเป็นรูปเจ้าแม่ แล้วตั้งศาลเจ้าขึ้นที่หมู่บ้านกรือเซะเพื่อระลึกถึงความเด็ดเดี่ยวของนาง ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมา กราบไหว้สักการะ ใครมีเรื่องอะไรก็มาขอเจ้าแม่ช่วย ทั้งเรื่องค้าขาย เรื่องทุกข์ร้อน และส่วนใหญ่ก็มักสมหลังทุกรายไป
ราวปี 2423 พระจีนคณานุรักษ์ (ตันจูล่าย ต้นสกุล “คณานุรักษ์”) เห็นว่าที่ตั้งศาลเจ้าแม่เดิมนั้นไม่สะดวกในการประกอบพิธี จึงทำการบูรณะศาลเจ้าซูก๋ง บนถนนอาเนาะรู ในตัวเมืองปัตตานี และได้อัญเชิญองค์เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวมาประดิษฐาน ณ ที่ตั้งใหม่มากระทั่งทุกวันนี้
การเดินทางมาสักการะศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวนั้นสะดวกมาก มีที่จอดรถเยอะ มีการบริหารจัดการเป็นอย่างดี ด้านในนอกจากจะมีรูปสลักเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวแล้ว ยังมีศาลเทพเจ้ากวนอู และศาลเจ้าแม่กวนอิมอยู่ด้วย สำหรับใครที่อยากไหว้เจ้าแต่ทำไม่เป็น จะมีเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าคอยให้คำแนะนำครับ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/5DYEYF6ApCr
ที่อยู่ : ถนนอาเนาะรู ตำบล อาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี ปัตตานี 94000
2. มัสยิดกรือเซะ (มัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์)
นี่คือมัสยิดที่ถูกกล่าวถึงในตำนานของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ช่วงเวลาแท้จริงในการสร้างยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา รูปทรงของประตูมัสยิดมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบโกธิค (Gothic) ของยุโรป และตะวันออกกลาง
แม้ตำนานกล่าวไว้ว่ามัสยิดแห่งนี้ไม่สามารถสร้างให้แล้วเสร็จได้เพราะคำสาปของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว แต่เมื่อกรมศิลปากรเข้ามาสำรวจเพื่อทำการบูรณะมัสยิด ก็พบว่าโครงสร้างโดมของมัสยิดนั้นไม่แข็งแรง ขาดมสมดุล จึงเป็นเหตุให้พังทลายลงมา ทั้งยังไม่พบร่องรอยถูกเผาหรือถูกฟ้าผ่าตามตำนานกล่าวอ้างแต่อย่างใด
มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านกรือเซะ ริมทางหลวงหมายเลข 42 การเดินทางมานั้นสะดวกครับ มีที่จอดรถสบายเลย คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวมัสยิด ควรแต่งกายสุภาพ เพื่อให้ความเคารพศาสนสถาน ผู้ชายไม่สวมเสื้อกล้าม-กางเกงขาสั้น ผู้หญิงแต่งตัวให้มิดชิดและควรมีผ้าคลุมศีรษะตามธรรมเนียมศาสนาอิสลามด้วยนะครับ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/8iNNzZBy44v
ที่อยู่ : บ้าน กรือเซะ ตำบลบานา อำเภอเมืองปัตตานี ปัตตานี 94000
3. มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี
ศูนย์รวมใจพี่น้องมุสลิมใน จ.ปัตตานี และจังหวัดใกล้เคียง สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2497 ด้วยจุดประสงค์ให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ เป็นของขวัญจากรัฐบาลสู่พี่น้องชาว จ.ปัตตานี มัสยิดแห่งนี้ใช้เวลาสร้างและตกแต่งนาน 9 ปี
รูปทรงภายนอกมีต้นแบบจาก “ทัชมาฮาล” ด้านในประดับด้วยหินอ่อน ส่วนตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น มียอดโดมสีเขียวขนาดใหญ่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยโดมเล็ก 4 ด้าน มีสระน้ำเบื้องหน้ามัสยิด ช่วยสะท้อนแสงเงาให้มัสยิดดูงดงามอลังการ ออกแบบโดย นายประสิทธิผล ม่วงเขียว สถาปนิกกรมการศาสนา
ด้วยความที่เรากับยัยหมวยชื่นชอบสถาปัตยกรรมอินเดีย-ตะวันออกกลางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้มาเห็นมัสยิดกลาง จ.ปัตตานี ด้วยตาแล้วรู้สึก “ว๊าวมาก” เราเห็นวัดพุทธสวยวิจิตรมาก็เยอะแล้ว แต่มัสยิดกลางแห่งนี้ก็สวยโดดเด่นไม่แพ้ใคร ถามว่าดียังไง มันก็ดีต่อใจสำหรับชาว จ.ปัตตานี ที่มีศาสนสถานสวยๆ แห่งนี้เป็นศูนย์รวมใจอยู่กลางเมือง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวยังมัสยิดกลาง ทางมัสยิดมีที่จอดรถกว้างขวางครับ แต่ขอความร่วมมือในการแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อให้เกียรติศาสนสถานด้วย ผู้ชายไม่สวมเสื้อกล้าม-กางเกงขาสั้น ผู้หญิงแต่งตัวให้มิดชิดและควรมีผ้าคลุมศีรษะตามธรรมเนียมศาสนาอิสลามด้วยนะครับ
ถ้าจะให้พีค เราแนะนำให้มาตั้งกล้องถ่ายภาพช่วงพลบค่ำ – Blue Hour ครับ เพราะทางมัสยิดจะเปิดไฟสวยมากในช่วงกลางคืน สีสันฉูดฉาด น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง สลับกันไป แอบเสียดายนิดนึง ตรงที่เรามาถึงค่ำไปหน่อย ฟ้าเลยมืดสนิทอย่างที่เห็น (งานนี้ต้องกลับมาแก้มือ)
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/5qngSqBYJ2N2
ที่อยู่ : มัสยิด กลาง จังหวัด ปัตตานี ตั้ง อยู่ ถนน ยะรัง เลข ทะเบียน ที่ 249, ตำบล อาเนาะรู อำเภอเมืองปัตตานี ปัตตานี 94000
4. Pattani Sky Walk (ปัตตานี สกายวอร์ค) ณ สวนสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา
หลังๆ เราได้ยินว่ามีที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในบ้านเราสร้าง Sky Walk เพื่อใช้เป็นตัวดึงดูดผู้คนให้มาสัมผัสความแปลกใหม่ ตื่นใจกับวิวมุมสูง ซึ่งส่วนใหญ่ Sky Walk มักจะถูกสร้างเหนือผืนป่าหรือสวนสาธารณะ เช่นเดียวกับ Pattani Sky Walk แห่งนี้ ที่ถูกสร้างไว้เหนือเส้นทางศึกษาธรรมชาติในสวนสาธารณะสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กลางเมืองปัตตานี
Sky Walk ปัตตานี มีความสูงราว 12 เมตร สร้างเป็นรูปตัวแอล ระยะทางยาว 400 เมตร เชื่อมต่อจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีอยู่เดิมภายในสวน โดยโครงสร้างเป็นเหล็กทั้งหมด รับน้ำหนักได้ประมาณ 400 กิโลกรัม/ตร.ม. มีบันไดขึ้นลงได้ 2 จุด และศาลาพักผ่อนอีก 5 จุด ความน่าสนใจอยู่ที่พื้นตาข่ายเหล็ก ที่สามารถมองทะลุลงไปเห็นพื้นดิน สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวได้ในทุกย่างก้าว!!!
นอกจากจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของคนต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา ที่สามารถลบภาพความหวาดระแวงออกมาแต่งเติมความสุข ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว sky walk ปัตตานีคือช่วงเย็น วันไหนฟ้าเปิดจะได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยงามมาก
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าโกงกาง อันอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณหลากหลาย และนกนานาชนิดภายในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ในอนาคตจะมีโครงการก่อสร้างหอกระโดดสูง และเชือกปีนป่าย เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยเต็มรูปแบบอีกด้วย เป็นไง… น่าเที่ยวดีไหมล่ะ!!
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/rpBziTqinir
ที่อยู่ : ตำบล รูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี ปัตตานี
5. วัดช้างให้ (วัดราษฎร์บูรณะ) หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด!!
วัดเก่าแก่กว่า 300 ปี ตำนานแห่ง “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ที่พี่น้องชาวไทยกราบไหว้บูชากันมานานแสนนาน เมื่อมาถึงปัตตานีแล้ว “วัดช้างให้” คือศาสนสถานที่ต้องไม่พลาดมาเยี่ยมเยือน!! สำหรับนักท่องเที่ยว การเดินทางมาวัดช้างให้นั้นสะดวกมาก เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟวัดช้างให้เลยครับ หรือจะมาด้วยรถส่วนตัวก็มีที่จอดกว้างขวาง
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งเริ่มสร้างวัด พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี (จ.ปัตตานี ในปัจจุบัน) ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้อธิษฐานและปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลติดตามไป ช้างได้เดินมาหยุดอยู่บริเวณนี้ แล้วร้องขึ้น 3 ครั้ง
ครั้นจะใช้บริเวณนี้สร้างเมือง น้องสาวของท่านกลับไม่ชอบ พระยาแก้มดำจึงให้สร้างวัดขึ้นแทนแล้วตั้งชื่อว่า “วัดช้างให้” แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ท่านลังกา” หรือ “สมเด็จพะโคะ” หรือ “หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
ก่อนมรณะภาพ หลวงปู่ทวด ได้เคยสั่งเสียไว้ว่าหากท่านมรณะภาพ ให้นำศพมาฌาปนกิจที่วัดนี้ ปัจจุบันมีการสร้างสถูปบรรจุอัฐิส่วนหนึ่งของของท่านไว้ที่วัดช้างให้ (อีกส่วนนำกลับไปเมืองไทรบุรี) เพื่อให้ผู้คนที่เลื่อมใสได้มากราบไหว้ขอพรเรื่อยมา
ด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ของตำนาน “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” วัดช้างให้แห่งนี้จึงมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาทำบุญสักการะอย่างต่อเนื่อง ยิ่งวัตถุมงคลของวัด ยิ่งยอดนิยม เพราะเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลเรื่องความแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุและภัยพิบัตินานับประการ!!
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/6oNK8uFLsFq
ที่อยู่ : ตำบล ควนโนรี อำเภอ โคกโพธิ์ ปัตตานี 94180
6. OTOP ผ้าลายจวนตานี ต.ทรายขาว
ถ้าถามถึงหัตถกรรมท้องถิ่นที่เลื่องชื่อของ จ.ปัตตานี “ผ้าลายจวนตานี” จะถูกพูดถึงเสมอ นี่คือหัตถกรรมผ้าทอลายดั้งเดิมของ 3 จังหวัดภาคใต้ ในอดีต จ.ปัตตานี คือเมืองท่าสำคัญในคาบสมุทรมาลายู
การค้าขายก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะสินค้าประเภทผ้าไหม เส้นไหม และฝ้าย งานทอผ้าแบบท้องถิ่นจึงถูกแทนที่ด้วยงานทอแบบประณีต จนเกิดรูปแบบลวดลายเฉพาะตัวที่เรียกว่า “จวนตานี” หรือ “ผ้าลิมา” หรือ “ผ้ายกตานี” ขึ้นนับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ที่ศูนย์ OTOP ผ้าจวนตานี บริเวณ ต.บ้านทรายขาว จะมีการสาธิตวิธีการทอผ้าจวนตานีให้กับนักท่องเที่ยวได้รับชม นอกจากนี้ศูนย์นี้ยังใช้เพื่อการสอนทอผ้าให้กับชาวชุมชนอีกด้วย
ลวดลายและกรรมวิธีการทอผ้าจวนตานีนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ้าจวนตานีจะมีแถบริ้วลวดลายวางเป็นแนวแทรกอยู่ระหว่างผืนผ้าและชายผ้าทั้งสองด้าน สีผืนผ้านิยมเลือกใช้สีที่ตัดกัน บริเวณท้องผ้าจะใช้สีหลัก อาทิ ม่วง เขียว ฟ้า น้ำตาล
ส่วนบริเวณชายผ้าจะใช้เฉดสีแดง แต่ละแถบของผ้าจวนตานีจะมี 5 สี มีลาย 5-7 ลาย ลายที่นิยม อาทิ ลายตาราง, ลายโคม, ลายประจำ, ลายตะเกียงทอง เป็นต้น (โปรดดูรูปประกอบ อธิบายไปยังงงเลย 5555)
สนใจเข้าเยี่ยมชมศูนย์ OTOP ผ้าจวนตานีได้ที่
กลุ่มทอผ้าตำบลทรายขาว จ.ปัตตานี
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/qZ1CmZBRtKT2
ที่อยู่ : 94 หมู่ 3 บ้านทรายขาว(พลู), ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี, 94120
โทร. 089 298 8495
7. OTOP กล้วยเส้นปรุงรส ต.ทรายขาว
อีกหนึ่งสินค้า OTOP ของบ้านทรายขาว ที่เรากับยัยหมวยลงความเห็นกันแล้วว่า “ไม่เชียร์ไม่ได้” คือ “กล้วยเส้นปรุงรส” ของบ้านทรายขาวนี่ละครับ เรารู้สึกดีนะที่ชุมชนรวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่อหารายได้เสริม แต่สำหรับ “กล้วยเส้นปรุงรส” เราว่ามันไปได้ไกลกว่าแค่เป็นของฝาก ถ้าส่งเสริมดีๆ มันเป็น Snack ประจำชาติได้เลยล่ะ!!
กล้วยเส้นปรุงรสเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยการนำกล้วยน้ำว้าที่หาได้ง่ายมาแช่น้ำเกลือ, ฝานสไลด์ให้เป็นเส้นๆ เท่าก้านไม้ขีด, ล้างน้ำปูนใส, ทิ้งให้สะเด็ดน้ำแล้วทอดจนเหลืองกรอบ ทิ้งให้เย็นแล้วนำมาปรุงรส ปัจจุบันมีขายหลายรสครับ อาทิ รสสมุนไพร, รสปาปริก้า, รสต้มยำ, รสหวานงาดำ, รสเค็ม อร่อยไม่แพ้เฟรนช์ฟรายด์เลยล่ะ
สินค้า OTOP กล้วยเส้นปรุงรสของบ้านทรายขาว ถูกนำไปจำหน่ายในร้านค้าต่างๆ ภายในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียง ราคาไม่แพง ทานแล้วหยุดไม่ได้ 55555
ติดต่อ : สถานที่ตั้งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรน้ำตกทรายขาว หมู่ที่ 5 ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
โทร. 089 2954584, 087 293 2514
8. ชุมชนท่องเที่ยวบ้านทรายขาว (เที่ยวน้ำตก, เดินป่า, นั่งรถจี๊ป, เที่ยวเขารังเกียบ)
อีกหนึ่งกิจกรรมโคตรสนุกที่ไม่อยากให้พลาดถ้ามาเที่ยว จ.ปัตตานี คือ การร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวของชุมชนทรายขาวครับ ชุมชนทรายขาวนี้เป็นชุมชนที่รวมตัวกันอย่างแข็งแรงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ดีมาก จนได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเทียว (Tourism Award 2017) เลยล่ะ
กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนบ้านทรายขาว ประกอบ
- กิจกรรมเดินป่าเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว พิชิตยอดเขาสันกาลาคีร
- กิจกรรมนั่งรถจิ๊ปโบราณขึ้นจุดชมวิว ดูดาวบนดินเมื่อยามเย็น และชมทะเลหมอกยามเช้า
- ชมหินผาพญางูที่มีตำนานมาแต่โบราณ
- ชมวัดทรายขาว วิหารหินอ่อน
- ชมมัสยิดโบราณที่สร้างมาสามร้อยกว่าปี
- ชมสวนชิมผลไม้
- เยี่ยมชมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของบ้านทรายขาว สนุกกับการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
- เยี่ยมชมกลุ่มสินค้า OTOP ชื่อดังของชุมชน อาทิ ผ้าทอลายจวนตานี ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยเส้น และส้มแขก เป็นต้น
ค่าบริการในการนั่งรถจี๊ปท่องเที่ยวชุมชน (ตามโปรแกรมด้านบน) อยู่ที่ 500 บาท/ครึ่งวัน และ 1,000 บาท/วัน
เรามีโอกาสได้สัมผัสกิจกรรมท่องเที่ยวน้ำตกทรายขาวและนั่งรถจี๊ปขึ้นยอดเขารังเกียบเพื่อนมัสการพระพุทธมหามุนินท์โลกนาถและศาลทวดรังเกียบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวทรายขาวนับถือมาเป็นเวลายาวนาน รวมถึงได้ชมผาพญางู ชะง่อนหินรูปทรงคล้ายหัวงู ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ออกมาได้เหมือนซะจริงๆ ชมภาพทางด้านล่างได้เลยครับ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/pMDz2QvBSnH2
ที่อยู่ : 31/4 4072, ตำบล ทรายขาว อำเภอ โคกโพธิ์ ปัตตานี 94120
โทร. 073 467 485
จังหวัดสงขลา
หัวเมืองใหญ่แห่งภาคใต้ เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นศูนย์กลางทั้งเศรษฐกิจ การค้า การศึกษา การท่องเที่ยว ฯลฯ เป็นเมืองที่ผสานความต่างด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข หลายคนอาจเข้าใจว่า สงขลาเป็นอำเภอนึงในจังหวัดหาดใหญ่ แต่ไม่ใช่เว้ย!! หาดใหญ่ต่างหาก ที่เป็นอำเภอนึงในจังหวัดสงขลา!!
หลังจากเต็มอิ่มกับ 7 พิกัดเที่ยวเฟี้ยวๆ ใน จ.ปัตตานี ไปแล้ว คราวนี้มาดูพิกัดเที่ยวใน จ.สงขลา กันบ้าง หลายคนอาจบอกว่าเที่ยว จ.สงขลา จนทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ยังหรอก รีวิวนี้ยังมีพิกัดเฟี้ยวๆ ที่อยากแนะนำให้รู้จักอีกหลายที่ครับ มาติดตามต่อกัน ^_^
9. ตลาดน้ำบางกล่ำ ณ ท่าน้ำบางหยี
เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานสำหรับตลาดน้ำน้องใหม่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นพิกัดแฮงเอาท์ สุดเฟี้ยว ที่เราอยากแนะนำให้มาเที่ยวกัน!! ตลาดน้ำบางกล่ำ อยู่บริเวณท่าน้ำวัดบางหยี ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ไม่ถึง 15 กม. เป็นศูนย์รวมสินค้าหลากหลาย ทั้งจากทะเลสาบสงขลา คลองบางกล่ำ สินค้า OTOP ในท้องถิ่น ตลอดจนอาหารและขนมอร่อยๆ ก็มีให้เลือกกินกันเยอะเลยล่ะ
เรากับยัยหมวยเดินสำรวจตลาดน้ำบางกล่ำ ก็เจอของกินกับขนมชื่อแปลกๆ หลายอย่าง แน่นอนว่าเราตะลุยชิมแหลก 55555 แต่ที่ประทับใจ คือ อัธยาศัยไมตรีของพ่อค้าแม่ขายในตลาดเนี่ยแหล่ะ ทุกคนยิ้มแย้ม แถมได้ก็แถม ให้ชิมได้ก็ชิม โหย… ถ้ามีเวลาเยอะๆ คงได้คุยกันยาว
ของดีอีกอย่างที่นอกเหนือจากสินค้าและอาหาร นั่นก็คือ “การแสดงพื้นเมือง” ที่ตลาดน้ำบางกล่ำจัดให้มีการแสดงพื้นเมือง ให้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวได้ชม เราชอบจังที่ได้เห็นเด็กๆ วัยรุ่นที่นี่พยายามอนุรักษ์การแสดงท้องถิ่นอย่างรำมโนราห์ไว้
ตลาดน้ำบางกล่ำ เปิดทุกวันศุกร์ – เสาร์ ตั้งแต่ 15:00 น. เป็นต้นไป
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/CziKwbJacaP2
ที่อยู่ : บริเวณท่าน้ำวัดบางหยี ริมคลองบางกล่ำ ต.บางกล่ำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
10. Street Arts ย่านเมืองเก่า
สมัยก่อนใครที่ชอบไปขีดๆ เขียนๆ ฝาผนัง ก็มักจะโดนด่าว่า “ไอ้พวกมือบอน” มาสมัยนี้ ถ้าแม้นมีฝีมือวาดภาพเก๋ๆ ให้ผนังเก่าๆ ดูมีเรื่องราว คนเหล่านั้นจะถูกยกย่องว่าเป็น “Street Artists” นี่ไงล่ะ เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลากว่าคนจะยอมรับ
เดี๋ยวนี้จะไปที่ไหนๆ ก็มักเห็นงาน Street Arts เก๋ๆ อยู่ทั่วมุมเมืองไปหมด ของแบบนี้ถ้ารู้จักใช้ มันจะช่วยปลุกมุมโทรมๆ ให้กลายเป็นมุมเฟี้ยวๆ ได้เลยล่ะ!! ที่ย่านเมืองเก่าในตัวเมืองสงขลานี่ก็เช่นกัน ชาวเมืองเค้าร่วมแรงร่วมใจพัฒนาพื้นที่เมืองเก่า ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แล้วก็ทำได้ดีเลยด้วย!!
ถนนโบราณ 3 สาย ในย่านเมืองเก่าสงขลา อย่าง ถนนนครนอก, ถนนนครใน และถนนนางงาม ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาให้กลายเป็นถนนท่องเที่ยว ที่รวมงานศิลปะ วิถีชีวิตท้องถิ่น พร้อมเรื่องราวของย่านเมืองเก่าให้นักท่องเที่ยวได้มาทำความรู้จัก
เราจะพบเจองาน Street Arts เก๋ๆ อยู่ตามมุมต่างๆ ของถนนทั้ง 3 สาย เพื่อเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของคนในย่านนี้ บรรดาตึกเก่า ห้องแถวไม้สไตล์จีน ตึกปูนเก่าทรงชิโนโปรตุกีส และอาคารยุคอาร์ตเดคโค ยิ่งช่วยขับเน้นเรื่องราวให้ดูคลาสสิคมาขึ้นไปอีก
หากอยากมาเดินเที่ยวย่านเมืองเก่า เราแนะนำให้มาช่วงบ่ายแก่ๆ จะได้ไม่ร้อนเกินไป เดินถ่ายรูปกับงาน Atreet Arts กับย่านเมืองเก่า แวะหาของอร่อยๆ ทานระหว่างทาง หรือจะไปนั่งชิลล์ตามร้านกาแฟเก๋ๆ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปบนถนนทั้ง 3 สาย ก็โอเคนะ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเดินเที่ยวชมย่านเมืองเก่า เราแนะนำให้ตั้งต้นบริเวณ “ประตูเมืองเก่าสงขลา” กันเลย แล้วเดินยาวๆ ไปตามตรอกซอกซอย ของถนนทั้ง 3 เส้นกันครับ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/GMaRTk91YsL2
ที่อยู่ : 491 ถนน นครนอก ตำบล บ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา สงขลา 90000
11. มัสยิดกลาง จ.สงขลา
น่าเสียดายที่เราไปถึงมัสยิดกลางเอาตอนพระอาทิตย์ลาลับฟ้าไปแล้ว!! แต่ที่นี่คืออีกหนึ่งพิกัดห้ามพลาดถ้ามาเที่ยว จ.สงขลา!! มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือ “มัสยิดกลาง จ.สงขลา” เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมใน จ.สงขลา เป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมาก ภายในตกแต่งสวยงาม โล่ง โอ่โถง โดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” ยิ่งถ้ามาในช่วงเวลาเย็นค่ำ ทางมัสยิดจะเปิดไฟสว่าง โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกฉาบด้วยสีของอาทิตย์อัสดง หรือหากวันไหนฟ้าเปิด ไร้เมฆบัง เราสามารถถ่ายดาวหมุนคู่กับมัสยิด โดยถ่ายจากอีกฝั่งของสระน้ำ ยิ่งทำให้ได้ภาพสะท้อนน้ำสวยไปอีกแบบครับ
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/TaA61Rvhg5v
12. ตลาดกิมหยง
ตลาดกิมหยง” เป็นตลาด 2 ชั้นในร่มที่ใหญ่ที่สุดและดังที่สุดของหาดใหญ่ ถ้าถามว่าจะมาทำไม ตอบเลยว่าให้มา “ซื้อของฝาก” 5555 มาเที่ยวใต้ ไปเที่ยวกันให้ชุ่มปอดก่อน แล้ววันกลับค่อยแวะมาซื้อของฝากที่ตลาดกิมหยงครับ สินค้าในตลาดกิมหยงนั้นครอบจักรวาล มีทั้งนำเข้าจากประเทศมาเลเซียบ้าง อินโดนีเซียบ้าง ราคาก็จะถูกกว่าซื้อตามห้างทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีของกิน, ผลไม้, ของแห้ง, กาแฟ, ถั่วต่างๆ, ลูกพรุน, เกาลัด, สมุนไพรเครื่องยาจีน, เสื้อผ้า, ผ้าถุง, ผ้าปาเต๊ะ, โสร่ง และอีกจิปาถะ ฯลฯ ให้เลือกซื้อกันจนหนำใจ แต่อย่างไรก็ดี “โปรดตรวจสอบวันหมดอายุ” ให้เรียบร้อยก่อนซื้อ เพื่อความสบายใจนะครับ
13. ร้านอาหารเวียงจันทร์
ปิดท้ายกันที่ร้านอร่อย ที่แม้จะไม่ได้มิชลินสตาร์ แต่ก็อร่อยไม่แพ้ใคร นั่นคือ “ร้านเวียงจันทร์” แม้ชื่อร้านจะอยู่ลาว แต่อาหารที่ขายดันเป็นอาหารจีน!! 55555 แต่บอกเลยว่าอร่อย รสชาติโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ร้านเป็นตึกแถวห้องเดียว เงียบๆไม่วุ่นวาย จอดรถริมฟุตบาทได้เลย อร่อยทุกเมนู ขนาดผักกาดดองเกี่ยมฉ่ายยังอร่อยเลยคิดดู!!
เมนูแนะนำ ที่เราได้ลองชิมแล้ว เลยแนะนำต่อได้ ก็ได้แก่
- ผักกาดดองเกี่ยมฉ่าย
- แฮกึ๋น, หอยจ้อ (ทอดแห้งๆ ไม่เยิ้มน้ำมันทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย)
- ตับหมูทอด (กรอบนอก นุ่มใน)
- ปลาต้มบ๊วย
- ขาหมูพะโล้ (ห้ามพลาด)
- กุ้งผัด
- สะตอผัดกุ้ง
พิกัด GPS : https://goo.gl/maps/PQ22pyKn3A32
ที่อยู่ : ถนน นิพัทธ์อุทิศ 2 ตำบล หาดใหญ่ อำเภอ หาดใหญ่ สงขลา 90110
โทร. 074 243 668
ทริปนี้แม้ไม่ใช่ทริปหวือหวา ล่องทะเล ปีหน้าผา แต่เราอยากพาไปพบกับมุมใหม่ๆ ของ 2 จังหวัดภาคใต้ ที่รุ่มรวยด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม แล้วยังได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แตกต่าง ของชาวจังหวัดสงขลาและปัตตานี ที่พร้อมหยิบยื่นไมตรี ต้อนรับให้พวกเราลงไปเยี่ยมเยือนเสมอๆ ครับ
ภาพสวยมากค่ะ ขออนุญาตเจ้าของภาพ นำภาพบางภาพไปประกอบการทำปฏิทินของจังหวัดหน่อยนะคะ จะใส่เครดิตเจ้าของภาพไว้ใต้ภาพให้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ในการนำภาพของเราไปใช้ต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนนะครับ ไม่เช่นนั้นถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ครับ
อ๋อค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ??
ส่งอีเมล์มาที่ ibreak2travel@gmail.com โดยแจ้งรายละเอียดดังนี้ครับ
1. ชื่อหน่วยงานที่ต้องการใช้ภาพ
2. ภาพที่ต้องการใช้
3. ชื่อผู้ประสานงาน
เมื่อเราพิจารณาแล้วว่าควรสนับสนุน เราจะส่งภาพให้ครับ แต่ในกรณีที่ใช้ภาพเพื่อประโยชน์ด้านการค้า การนำภาพไปใช้จะมีค่าใช้จ่ายครับ