ประเทศไทยมี 76 จังหวัด กับ 1 เมืองหลวง (คือ กทม.) แต่เราเคยนับกันไหมครับว่ามีกี่จังหวัดที่เรานึกถึงเมื่อรู้สึกอยากไปท่องเที่ยว? กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, กระบี่, สงขลา, ชลบุรี, ระยอง, ขอนแก่น, อุบลฯ, โคราช ลองนับๆ ดูก็พบว่ามีไม่กี่จังหวัดที่เราจะเลือกเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยว

แล้วอีกหลายสิบจังหวัดที่เหลือล่ะ ไม่น่าเที่ยวเหรอ!? ถ้าเราเปิดใจที่จะเข้าไปสัมผัส “ทุกจังหวัดมี มีของดีที่รอการค้นพบเสมอ” อย่างเมื่อไม่นานมานี้ ที่เราได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ จ.นครพนม จังหวัดติดริมแม่น้ำโขง ชายแดนไทย-ลาว จังหวัดที่คนอาจไม่ได้นึกถึงเป็นลำดับแรก แต่พอได้มาสัมผัส เค้ากลับบอกว่านี่คือ “นครแห่งความสุขริมโขง” จริงดิ!?

งั้นมาหาคำตอบไปด้วยกันครับ ว่าความสุขที่ “นครพนม” อยู่ที่ไหน?

การเดินทาง

จะมาเที่ยวที่ จ.นครพนม สมัยนี้สะดวกมาก ถ้างบเยอะหน่อยก็นั่งเครื่องบินมาเลยครับ ใช้เวลาแค่ 1 ชม. สายการบินราคาประหยัดก็มีให้เลือกทั้ง Thai Air Asia และ Nok Air แต่ถ้างบการเดินทางจำกัด ก็ยังมีรถทัวร์ปรับอากาศให้เลือกเดินทางอีกเช่นกัน

ทริปนี้เราเลือกแผนการเดินทางโดยนั่งเครื่องบินของ Thai Air Asia ไปลงที่ จ.นครพนม แล้วใช้บริการรถเช่าของโรงแรมเลยครับ ทริปนี้เราพักที่โรงแรม R Photo ซึ่งทางโรงแรมมีรถเช่าไว้บริการ ราคาค่าเช่าก็มาตรฐานครับ ซึ่งส่วนนี้เดี๋ยวจะให้ข้อมูลกันต่ออีกทีนะ

 

มารู้จัก จังหวัดนครพนม กันสักนิด

“จ.นครพนม” นับเป็นจังหวัดชายแดนอีสานที่ติดกับแม่น้ำโขง เป็นจังหวัดชายแดนที่สำคัญที่มีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ด้วยจุดเด่นที่เป็นเมืองอากาศดี วิวสวย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่อดีตผู้นำของเวียดนาม อย่างประธานาธิดีโฮจิมินห์ เคยลี้ภัยมาพำนักอยู่ถึง 7 ปี ก่อนจะกลับไปกู้ชาติจากฝรั่งเศสได้จนสำเร็จ

ทำให้ชาวเวียดนามมีความผูกพันกับ จ.นครพนม มาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีชาวไทยเชื้อสายเวียดนามที่อาศัยอยู่ใน จ.นครพนม อีกเป็นจำนวนมาก นับเป็นตัวชี้วัดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง 2 ประเทศได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีองค์พระธาตุพนม พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อายุกว่า 2,300 ปี ยิ่งในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะมีเทศกาลงานประเพณีต่างๆ อาทิ งานประเพณีไหลเรือไฟกลางแม่น้ำโขง ยิ่งใหญ่และหาชมได้ยากครับ

 

ที่พักแนะนำใน จ.นครพนม

ด้วยความที่ทริปนี้เราตั้งใจมาเที่ยวพักผ่อนชาร์จพลัง ชะลอจังหวะชีวิตให้เนิบๆ หน่อย เน้นเที่ยวชิลล์ๆ ไปไห้วพระบ้าง เดินตลาดบ้าง เดินชมเมืองบ้าง หาของอร่อยทานบ้าง เราเลยให้ความสำคัญกับที่พักและการเดินทางในจังหวัดพอสมควร เรียกว่า “ต้องนอนดี เที่ยวสบาย” อะไรประมาณนี้

เราเลยเลือกพักที่ R Photo Hotel โรงแรมอารมณ์บูทีค ตกแต่งสไตล์ Industrial นิดๆ แต่เก๋ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ตรงใจคนบ้ากล้องสุดๆ เค้าใช้กล้องถ่ายรูปในการตกแต่งโรงแรมเยอะมาก!! เยอะจนเรานับไม่ไหว มองไปมุมไหนก็มีกล้องถ่ายรูปวางไว้เต็มไปหมด สมชื่อโรงแรม R Photo ซะจริงๆ

ในส่วนของห้องพักนั้นมี 3 Room Type แต่ละ Room Type ก็ตั้งชื่อเก๋ๆ ให้เข้ากับธีมกล้องถ่ายรูป อาทิ

  1. ห้อง 35 มม. (ล้อกับกล้องฟิล์ม 35 มม.) ราคา 790 บาท/คืน ขนาดห้อง 24 ตร.ม. อยู่ชั้น 1-2
  2. ห้อง Medium Format (ล้อกับกล้อง Medium Format) ราคา 990 บาท/คืน ขนาดห้อง 24 ตร.ม. อยู่ชั้น 3-5 ซึ่งจะรับลมชมวิวได้ดีกว่าชั้น 1-2
  3. ห้อง Large Format (ล้อกับกล้อง Large Format) ราคา 1,990 บาท/คืน ขนาดห้อง 100 ตร.ม. ภายในตกแต่งพิเศษ ชุดโซฟา มีห้องอาบน้ำพร้อมจาอ่างกุชชี่

ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครับ เครื่องนอนคุณภาพดี นอนแล้วหลับยาว (จนไม่อยากลุก) มีปลั๊กให้เสียบชาร์จไฟได้หลายช่อง มี Wi-Fi ไว้เอาใจสายโซเชี่ยล และด้วยความที่เจ้าของโรงแรมเป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพ ในห้องพักทุกห้องจึงมีภาพถ่ายขาวดำสวยๆ จากสถานที่หลายแห่งใน จ.นครพนม ประดับไว้ด้วยครับ

บริเวณ Reception ก็ยังประดับด้วยกล้อง

บริเวณ Lobby มีกล้องเยอะมาก

ที่นอน นอนสบายมาก

ห้องพักมาตรฐานของโรงแรม

ห้องน้ำซีทรู เซ็กซี่มาก

ห้อง Large Format คืนละ 1,990 บาท

ห้อง Large Format พื้นที่เยอะมาก

ห้องน้ำของห้อง Large Format มีอ่างจากุชชี่ด้วย

ในห้องจะตกแต่งด้วยภาพถ่ายสวยๆ ที่ถ่ายในจังหวัดนครพนม

ราคาห้องพักข้างต้นจะรวมอาหารเช้าแบบบุพเฟ่ต์ พร้อมเมนูพิเศษไข่กระทะ, ก๋วยจั๊บญวณ และเซ็ตข้าวเหนียวหมูยอ ราคาที่พักรวมอาหารเช้าแล้วจัดเต็มได้แบบนี้บอกเลยว่าพิเศษมาก!!

 

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีรถเช่าไว้ให้บริการสำหรับลูกค้าที่มาพักอีกด้วย โดยเมื่อจองที่พักแล้วให้แจ้งกับทางโรงแรมว่าต้องการเช่ารถ ในวันที่เราเดินทางมาถึง จ.นครพนม ทางโรงแรมจะส่งเจ้าหน้าที่ขับรถคันนั้นไปรับเราที่สนามบิน จากนั้นเราก็เข้ามาเช็คอินที่โรงแรม แล้วก็นำรถไปใช้ได้เลย

อัตราค่าบริการรถเก๋ง

  • ค่าเช่ารถขับเองอยู่ที่ 1,200 บาท/วัน (ไม่รวมค่าน้ำมัน)
  • ค่าเช่ารถพร้อมคนขับอยู่ที่ 1,700 บาท/วัน (ไม่รวมค่าน้ำมัน)
  • บริการรับส่วนตัวรับ-ส่ง สนามบิน เที่ยวละ 500 บาท

อัตราค่าบริการรถตู้

  • ค่าเช่ารถตู้พร้อมคนขับอยู่ที่ 1,800 บาท/วัน (ไม่ร่วมค่าน้ำมัน)
  • บริการรับ-ส่ง สนามบิน เที่ยวละ 100 บาท/คน

อัตราค่าบริการยานพาหนะอื่นๆ

  • รถตุ๊กตุ๊ก (ไปรับ-ส่ง ในตัวเมืองนครพนม) 100 บาท/เที่ยว
  • จักรยานยนต์ 250 บาท/วัน (ไม่รวมค่าน้ำมัน)
  • จักรยานปั่นเดี่ยว 60 บาท/วัน
  • จักรยานปั่นคู่ 100 บาท/วัน

สำหรับเราถือว่าสะดวกมาก เพราะลงเครื่องแล้วมีรถส่วนตัวมารับเลย ส่วนเรทค่าเช่ารถก็มาตรฐาน ไม่ได้แพงไปกว่าศูนย์รถเช่าแต่อย่างใด ทริปนี้เราเลยเช่ารถขับเที่ยวเองซะเลยครับ

 

รวมที่เที่ยวครบรสเมืองนครพนม

เช็คอินที่พักเรียบร้อย รถเช่าก็พร้อม จากนี้เราจะพาทุกคนไปสัมผัสที่เที่ยวน่าสนใจใน จ.นครพนม โดยมีคนนครพนมแท้ๆ พาเที่ยว ร้านไหนอร่อย ที่เที่ยวไหนที่ Unseen ทริปนี้เราจัดให้เต็มแบบ Travel Like a Local เลยคร๊าบบบบ!!

 

1. ต้นไม้ยักษ์ วัดจอมศรี .นามะเขือ

เริ่มจากโลเคชั่นลับที่น้อยคนนักจะรู้จัก นั่นคือ ต้นจามจุรี หรือต้นก้ามปูยักษ์ ณ วัดจอมศรี ต.นามะเขือ ครับ ต้นก้ามปูต้นนี้ตั้งเด่นอยู่กลางวัด ปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียว ดูทั้งขลัง ทั้งร่มรื่นเลยละครับ

 

2. โบถส์นักบุญอันนา หนองแสง (Saint Ann, Nongsaeng Church)

เป็นโบสถ์คริสต์ที่มีความเก่าแก่สวยงามแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บริเวณบ้านหนองแสง ถนนสุนทรวิจิตร ซึ่งเป็นถนนเรียบริมฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี .. 1926 โดยบาทหลวงเอดัวร์ นำลาภ โบสถ์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่รวมกัน เช่น คนญวน คนไทย คนจีน คนลาว เป็นต้น มีสถาปัตยกรรมแบบโคโรเนียลก่อด้วยอิฐปูน ภายนอกสีเหลืองสวยงาม การก่อสร้างใช้วัสดุก่อสร้างบางอย่างนำเข้ามาจากเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม

แต่เดิมด้านข้างของตัวอาคารนี้เป็นโบสถ์ประกอบพิธีทางศาสนา แต่ในสมัยกรณีพิพาทอินโดจีน ถูกฝรั่งเศสทิ้งระเบิดถล่มเมืองนครพนม ทำให้โบสถ์พังเสียหาย ต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์หลังใหม่เพื่อใช้ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์สืบต่อมาถึงในปัจจุบัน

มุมถ่ายรูปสวยๆ ของโบสถ์จะอยู่บริเวณด้านหน้าโบสถ์ตรงประตูทางเข้าจากถนนด้านหน้า เวลาถ่ายให้ลองย่อตัวลงต่ำๆ บนพื้นจะเห็นแนวเหล็กที่เป็นรางประตู 2 ฝั่งโค้งเข้าหากัน ลองถ่ายให้ติดแนวเหล็กนี้ โดยมีโบสถ์อยู่ด้านหลัง จะให้ภาพที่น่าสนใจ ยิ่งถ้าไปช่วงเย็นแสงสวยๆ จะยิ่งทำให้ภาพมีมิติขึ้นอีกครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : .ในเมือง .เมืองนครพนม นครพนม 48000
พิกัด : https://goo.gl/maps/pp27DeXpjeB2

 

3. อุโมงค์นาคราช

อุโมงค์นาคราช ส่วนหนึ่งของเส้นทางปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขงของ จ.นครพนม รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 70 กม.  เป็นอุโมงค์จักรยานที่เน้นให้นักปั่นได้กินลม ชมวิว ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง อุโมงค์วางตัวขนานกับแนวแม่น้ำโขงระยะทางประมาณ 307 เมตร สามารถมองเห็นวิวฝั่ง สปป.ลาว ได้อย่างสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คและแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวนครพนม

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : .สุนทรวิจิตร .ในเมือง .เมืองนครพนม นครพนม 48000
พิกัด : https://goo.gl/maps/99JPV7GMdKk

 

4. ตลาดต้องชม ถนนคนเดินเมืองนครพนม

ถนนคนเดินแห่งนี้มีชื่อว่า “ตลาดต้องชม” เป็นศูนย์รวมความชิลล์ยามเย็นในตัวเมืองนครพนมครับ สินค้าที่วางขายนั้นหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ ของพื้นเมือง ขนม ของกิน ฯลฯ ใครไป ใครมา ก็ต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยว “ตลาดต้องชม” ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนสุนทรวิจิตร เลียบไปกับแม่น้ำโขง จุดเริ่มต้นคือบริเวณหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ เปิดเฉพาะวันศุกร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ราว 17:00 น. เป็นต้นไป

นอกจากร้านค้าต่างๆ บนถนนคนเดินแล้ว ยังมีร้านอาหารเก๋ๆ ที่ชุบชีวิตตึกเก่าๆ อาคารไม้โบราณ เอาใจคนชอบร้านแนวๆ บรรยากาศดีๆ เช่นร้าน นาฬิกา ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูหนาว อากาศเย็นๆ ยิ่งได้บรรยากาศดีสุดๆ เลย

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : .ในเมือง .เมืองนครพนม นครพนม 48000
พิกัด : https://goo.gl/maps/Tcr9qfxibPk

 

5. พระธาตุเรณูนคร

เป็นพระธาตุคู่เมืองของชาวเรณูนคร ประดิษฐานอยู่วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร พระธาตุองค์นี้สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2461 โดยจำลองแบบมามาจากองค์พระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า มีความสูง 35 เมตร กว้าง 8.37 เมตร มีซุ้มประตูโดยรอบ 4 ด้าน ภายในเจดีย์บรรจุคัมภีร์พระธรรม พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันต์ธาตุ เพชรนิลจินดา หน่องา และของมีค่าที่เจ้าเมืองเรณูนครกับประชาชนนำมาบริจาค

นอกจากนี้ยังเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันจันทร์ เชื่อกันว่าผู้ที่ได้ไปนมัสการ จะได้อานิสงค์ส่งผลให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ สิ่งของบูชาพระธาตุ ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีเหลือง ธูป 15 ดอก เทียนขาว 2 เล่ม ชาว อ. เรณูนคร จะจัดให้มีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุเรณูนคร เป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 11 – 15 ค่ำ เดือน 4 รวม 5 วัน 5 คืน

เดิมเมืองเรณูนคร เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวผู้ไทยซึ่งยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นไว้เป็นอย่างดี อาทิ ธรรมเนียม การต้อนรับด้วยการบายศรีสู่ขวัญ การเลี้ยงอาหารแบบพาแลง การชวนดูดอุ การฟ้อนรำผู้ไทย ถ้าใครชอบท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อ.เรณูนคร ยินดีต้อนรับครับผม

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : ตำบล โพนทอง อำเภอ เรณูนคร นครพนม 48170
พิกัด : https://goo.gl/maps/67NY8YGd4YK2

 

6. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร

ถ้าพูดถึง จ.นครพนม สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงก็คือวัดพระธาตุพนมแห่งนี้ครับ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของ จ.นครพนม มีหลักฐานเชื่อได้ว่าพระธาตุองค์นี้มีอายุกว่า 2,300 ปี!! สร้างโดย พระมหากัสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๕๐๐ อีกรูป ซึ่งได้นำพระอุรังคธาตุหรือกระดูกหน้าอก ของสมเด็จพระสัมมนาพุทธเจ้ามาเพื่อบรรจุไว้ในพระธาตุแห่งนี้

พระธาตุพนมมีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ ความสูง 53.6 เมตร ฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร มีกำแพงล้อมพระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า (เนินดินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร) ความสูงโดยรวมของพระธาตุพนม คือ 56.6 เมตร

ปัจจุบันวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร มีฐานะเป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นเอก ถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ถึงคราวพระราชพิธีราชาภิเษกทุกรัชกาลมา จะต้องนำน้ำจากสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ไปร่วมพิธีด้วยเพื่อประกอบพิธีมุรธาภิเษก และเมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือ ว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีเดิม จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานต้นไม้ ทอง เงิน น้ำอบและผ้าคลุมส่งไปนมัสการพระธาตุพนมทุกปี และเมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาเป็นพุทธบูชาทุกปีมา

งานนมัสการพระธาตุพนมประจำปี ถือเอาวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีเป็นวันแรกของงาน ไปสิ้นสุดเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 พระธาตุพนมนี้เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดย เฉพาะอย่างยิ่งชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมถึงประชาชนลาวด้วย ในฤดูเทศกาล เพ็ญเดือน 3 ของทุกปี พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ มาสมโภชและนมัสการพระธาตุพนม

ของฝาก ห้ามพลาด!!

มานมัสการพระธาตุพนมเสร็จแล้ว ห้ามพลาดร้านของฝาก!! ไม่ไกลจากวัดพระธาตุพนม มีร้านกาละแม “พรประเสริฐ” ร้านขนมของฝากชื่อดังแห่ง อ.ธาตุพนม เนื้อกาละแมของที่ร้านนั้นเหนียวนุ่ม ละมุนลิ้นมาก เวลาทานจะได้กลิ่นใบตองแห้งอบอวลในปาก รสชาติไม่หวานมาก ถูกใจเลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : 183/13 ถนนชยางกูร ตำบล ธาตุพนม อำเภอ ธาตุพนม นครพนม 48110
พิกัด : https://goo.gl/maps/X8u7s2b1dfN2

 

7. พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (หลังเก่า)  เดิมเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของ พระยาอดุลยเดชสยามเมศวรภัคดีพิริยพาหะ (อุ้ย  นาครทรรพ) เทศาภิบาลมณฑลอุดรธานี  ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมคนแรก ก่อสร้างสร้างระหว่างปี  ..  2455-2457  ผู้สร้างเป็นชาวญวน ชั้นบนและล่างไม่มีเสา และไม่มีการตอกตะปูแม้แต่ดอกเดียว ใช้การเข้าเดือยไม้

ต่อมาพระยาอดุลยเดชฯ ได้ขายอาคารหลังนี้ให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้เป็นที่พักของ ผู้ว่าฯ เมื่อ .. 2470  ในราคา 2 หมื่นบาท และในระหว่างวันที่ 12-13 .. 2498  ในหลวงและพระราชินี  เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ทางจังหวัดจึงจัดให้จวนแห่งนี้เป็นที่ประทับแรม 

ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน  และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดนครพนม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ได้รับอิทธิพลในรูปแบบการก่อสร้างจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงครามอินโดจีน เป็นประตูโค้งครึ่งวงกลมหน้าต่างโค้ง เหนือประตูหน้าต่างเป็นลายปูนปั้น หรือแกะสลัก หลังคาไม่ลาดชันนัก อาคารมีเสาเป็นเสาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ทั้งสิ้น เนื่องจากแม้จะมีอายุที่เก่าแก่มากแล้ว แต่ยังคงรักษาสภาพและความสวยงามต่างๆ ไว้ได้อย่างดีและยังคงความสวยงามจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, .สุนทรวิจิตร, ตำบลในเมือง .เมือง นครพนม, 48000
โทร : 042 -511 -574, 085 -853 -8503
เวลาทำการ : เปิดวันพุธวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 .
พิกัด : https://goo.gl/maps/QCdT3FQ9f8F2

 

8. ลานศรีสัตตนาคราช

องค์พญาศรีสัตตนาคราช เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ .นครพนม ประดิษฐานบนริมฝั่งแม่น้ำโขง บนลานศรีสัตตนาคราช  ตัวองค์พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าเพราะมี 7 เศียร ลำตัวเดียว ถือได้ว่าเป็น ตระกูลพญานาคที่สืบสายพันธุ์มาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาค  ซึ่งต่างร่ำลือว่า หากใคร มาขอพรหรือบนบานองค์พญาศรีสัตตนาคราช อาจสัมฤทธิ์ผลเพราะเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์  ทำให้บรรยากาศ บริเวณนี้คักคักไปด้วย ผู้คนแน่นขนัดจากทั่วสารทิศทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ 

องค์พญานาคทองเหลืองมีน้ำหนักรวม 9,000 กก. ถือว่าใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน  มีความสวยงาม โดดเด่น เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร ประดิษฐานบนแท่นฐานแปด เหลี่ยม กว้าง 6 เมตร ความสูงรวมฐาน 15 เมตร มีน้ำหนักรวมประมาณ 9 ตัน โดยจะประดิษฐานหันหน้าไปทางน้ำโขง ใช้งบประมาณเฉพาะองค์พญานาคประมาณ 9 ล้านบาท

วัตถุประสงค์การก่อสร้าง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ วัฒนธรรมประเพณี และความเชื่อชาวไทยลาว ที่ผูกพันธ์อยู่กับองค์พญานาค เช่นเดียวกับความผูกพันในลำน้ำโขง ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าล้วนศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค ในฐานะที่เป็น ผู้ดูแลปักปักษ์รักษาแถบลุ่มน้ำโขง รักษาพุทธศาสนา รวมถึงองค์พระธาตุพนม   

ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ .นครพนม ที่มีความสวยงามโดดเด่น เชื่อมกับเส้นทาง 3 ที่สุดของ .นครพนม

  1. มีสวยที่สุด คือ สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนมคำม่วน
  2. งามที่สุด จะเป็นตัวเมืองที่มีความสวยงามเรื่องวิวทิวทัศน์ 2 ฝั่งโขง รวมถึงองค์พญานาคแลนด์มาร์ค
  3. ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ องค์พระธาตุพนม ที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าการท่องเที่ยว ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว ให้สนใจมาเที่ยวชม เป็นการเตรียมพร้อมสู่การเป็นเมืองการค้าชายแดน.

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : ทางหลวงจังหวัด นครพนมมุกดาหาร ตำบล ในเมือง .เมืองนครพนม นครพนม 48000
พิกัด : https://goo.gl/maps/g6j4kJTP38C2

 

9. อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์

จังหวัดนครพนม ถือเป็นจังหวัดที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเวียดนาม รวมถึงเป็น เส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ  เนื่องจากของ ลุงโฮ  หรือ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์   เคยเดินทางเข้ามาอยู่ในพื้นที่นครพนม ช่วงปี 2466 –2474  โดยพำนักอยู่ที่ บ้านนาจอก .หนองญาติ .เมือง .นครพนม  จึงทำให้บ้านนาจอกเป็นสถานที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ของชาวนครพนม และชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม  มีการก่อสร้างหมู่บ้านมิตรภาพไทยเวียดนามขึ้น  เมื่อปี 2547

อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ บ้านนาจอก .หนองญาติ .เมือง .นครพนม  สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่เคยลี้ภัยมาอาศัยอยู่ .นครพนม ในช่วงระหว่างการทำสงครามโลก ประธานโฮจิมินห์ คือ นักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เรียกร้องให้เวียดนามมีสิทธิ์ในการปกครองตนเอง ให้เป็นเอกราชจากประเทศฝรั่งเศส

สร้างขึ้นภายใต้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ โดยได้รับทุนสนับสนุนงบประมาณ 45 ล้าน จากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ร่วมกับชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม เปิดเป็นทางการวันที่ 19 พฤษภาคม 2559 ซึ่งตรงกับวันเกิดของท่านโฮจิมินห์ พร้อมจัดงานเฉลิมฉลอง  ครบรอบ 126 ปี วันคล้ายวันเกิดของ ลุงโฮ  หรือ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์   

ภายในอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ มีหุ่นขี้ผึ้งท่านโฮจิมินห์ มีการจำลองบ้านหลังเดิมที่ท่านที่เคยอาศัยอยู่ ข้าวของเครื่องใช้วางอยู่ภายในบ้าน ด้านหลังจำลองบรรยากาศเป็นภูเขาสูง ด้านในบริเวณขายของที่ระลึกจะมีชุดอ๋าวหญ่าย (ชุดประจำชาติเวียดนาม) จำหน่ายให้ซื้อ และเช่าชุด พร้อมหมวกและรองเท้าส้นเตารีดสูงเพื่อนใส่เดินถ่ายรูปในบริเวณนั้น ในราคา 100 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : 48 หมู่ 5 บ้านนาจอก, .หนองญาติ .เมือง .นครพนม
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 .
พิกัด : https://goo.gl/maps/gp9ZhogrLbw

 

10. บ้านลุงโฮจิมินห์ หมู่บ้านนาจอก

บ้านลุงโฮจิมินห์  ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ที่ได้มีการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ หากอยากมาดูบ้านหลักแรกในพื้นที่จริงต้องมาที่บ้านนี้ ขับเลยอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ประมาณ 300 เมตร จะเป็นที่ตั้งของบ้านลุงโฮหลังแรก

ในช่วงปี พ.ศ. 2467–2474 ลุงโฮได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครพนม เข้ามาอาศัยพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อกอบกู้เอกราชของเวียดนามในช่วงระหว่างการทำสงคราม เพื่อเตรียมการ ปฏิวัติสู้กับประเทศฝรั่งเศส   โดยมาอาศัยอยู่กับเพื่อนที่ มาจากเวียดนามที่ถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทร่วมอุดมการณ์เดียวกัน  เพื่อนสนิทของลุงโฮเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

ซึ่งปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาและเป็นสถานที่แสดงประวัติเกี่ยวกับลุงโฮรวมถึงบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และ เรื่องราวการใช้ชีวิตของลุงโฮที่ประเทศไทยโดยในปัจจุบัน ภายในบ้านลุงโฮจะแบ่งบ้านเป็น 2 หลังบ้านหลังแรกตั้งอยู่ด้านหน้า  คือ บ้านของเพื่อนคนสนิทลุงโฮ ที่เข้ามาเคลื่อนไหวจัดตั้ง ต่อมากลายเป็นที่พักลุงโฮจุดแรกในจังหวัดนครพนม

บ้านพักอาศัยของลุงโฮ ตั้งอยู่ด้านหลังของบ้านคนสนิท  แทรกตัวอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของแมกไม้นานานชนิด ที่ลุงโฮได้ปลูกไว้ ได้แก่ ต้นมะพร้าว หมาก พลู กล้วย  ภายในบ้านถูกแบ่งออกเป็น 3 ห้อง คือ 2 ห้องนอน ห้องโถง   มีข้าวของเครื่องใช้ที่จำลอง ในสมัยก่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน ห้องนอน  บ้องสูบยา ภายในยังมีรูปท่านประธานโฮจิมินห์ เพื่อให้คง บรรยากาศเดิม ไว้

ข้อมูลเพิ่มเติม

เวลาทำการ : เปิดทำการ  08.30 – 16.30  ไม่เสียค่าเข้าชม
พิกัด : https://goo.gl/maps/5H51hem62wH2

 

รวมร้านอร่อยห้ามพลาดใน จ.นครพนม

โชคดีของเราที่ทริปนี้เราได้พี่ตูน สาวนครพนมแท้ๆ มาเป็นไกด์พาเราเที่ยว เราเลยได้แวะทานของอร่อยตลอดทริป สำหรับใครที่ตั้งใจมาเที่ยวพักผ่อนชาร์จพลังที่นครพนม เรารวบรวมร้านอร่อยเอาไว้ให้ตามนี้เลย

 

1. ร้านอาหารเวียดนาม R Restaurant

ที่ จ.นครพนม มีร้านอาหารเวียดนามอร่อยหลายร้านครับ แต่ก่อนมาเที่ยว จ.นครพนม เพื่อนหลายคนบอกว่าร้านอาหารเวียดนามที่โรงแรม R Photo นี่อร่อยจริง ดังนั้นมื้อแรกของเราที่ จ.นครพนม มันก็ต้องลองให้รู้กันไปว่าสมคำร่ำลือหรือไม่!!

ร้าน R Restaurant จะตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลแบบเดียวกับโรงแรม เน้นการใช้โทนสีน้ำตาลเข้มและสีดำเป็นสีหลัก มีหน้าต่างบานใหญ่ๆ ให้แสงส่องเข้ามา วัสดุที่ใช้จะเป็นไม้, เหล็ก และกระจก ดูแล้วเท่ดีครับ

ก่อนเริ่มสั่งอาหารเราคิดว่าร้านของโรงแรม สงสัยจะราคาแพง แต่พอเห็นเมนูเท่านั้นแหล่ะตกใจเลย อาหารที่นี่ไม่แพงครับ!! ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 50 บาทเท่านั้นเอง!! พอรู้ว่าไม่แพง เราก็สั่งอาหารอย่างวู่วาม เน้นเมนูแนะนำเกือบทั้งหมด 55555 ยอมรับเลยครับว่าอาหารเวียดนามที่ R Restaurant นี่เด็ดจริงๆ ครับ

พิซซ่าเวียดนาม (70 บาท) : เมนูนี้ หอมน่าทานมาก เป็นพิซซ่าที่ใช้ข้าวเกรียบญวณเป็นฐาน ไส้เป็นหมูสับ หมูยอ แล้วโปะด้วยไข่เจียว จากนั้นโรยกระเทียมเจียวอีกที

ขนมเบื้องกุ้ง (70 บาท) : แป้งสูตรพิเศษ ทอดจนบางกรอบ กลิ่นหอม ไส้ข้างในเป็นถั่วงอก หมูสับ วุ้นเส้นและกุ้ง ยิ่งทานร้อนๆ ยิ่งอร่อย นี่เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดครับ

หมูชมสวน (50 บาท) : ไอเดียในการแต่งจานบรรเจิดมาก ด้วยการใช้ผักและไข่ห่อหมูแล้วมัดด้วยต้นหอมอีกที ดูเหมือนอาหารญี่ปุ่นเลย แถมรสชาติยังมีเอกลักษณ์

กุ้งพันตะไคร้ (100 บาท) : ปกติจะเจอแต่กุ้งพันอ้อย แต่อันนี้เป็นกุ้งพันตะไคร้ ให้กลิ่นหอม อร่อยดีครับ

ปากหม้อญวณ (50 / 100 บาท) : แป้งบาง เหนียวนุ่ม หนึบๆ หมูยอด้านในปรุงมาดีมาก รสเข้มข้น หอมกลิ่นพริกไทย

ขนมจอก (50 บาท) : เมนูนี้แปลกครับ เพิ่งได้ลองทานครั้งแรก ลักษณะเป็นแป้งผสมไส้ แล้วทอดในน้ำมันร้อนๆ อร่อย รสดี ไม่อมน้ำมัน

แหนมเนือง (190 / 220 บาท) : ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มครับ รสนัว ละมุนลิ้นมาก เป็นสูตรเด็ดของทางร้านเลย เมนูนี้ต้องสั่งนะ อร่อยจนเราต้องซื้อกลับ กทม. เลยล่ะ 55555

สลัดผลไม้ (80 บาท) : นี่คือเมนูที่ต้องสั่งมาทานปิดท้ายครับ (ห้ามพลาด) สลัดชามใหญ่ที่เต็มไปด้วยผลไม้, ดอกไม้ และผักที่คัดสรร ราดด้วยน้ำสลัดรสชาติดี ทานแล้วสดชื่นมาก

 

2. ร้านกาแฟ R-Cafe’

ทานคาวเสร็จแล้วต้องต่อด้วยของหวานครับ 5555 ไม่ต้องเดินไปไหนไกล เพราะติดกับร้าน R Restaurant ก็คือร้าน R Cafe’ ร้านกาแฟและเบเกอรี่ ที่อร่อยติด Top 5 ของ จ.นครพนม เลยครับ เรื่องรสนิยมด้านกาแฟและของหวานแต่ละคนคงต่างกัน ดังนั้นชอบหรือไม่ชอบเราอยากชวนให้แวะมาลองด้วยตัวเองครับ

การตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์อินดัสเทรียลเช่นเดียวกับตัวโรงแรม ตัวร้านมี 2 ชั้น รองรับลูกค้าได้เยอะเลย เมนูของที่ร้านนี้มีเยอะมาก ทั้งเครื่องดื่มทั้งที่ใส่กาแฟและไม่ใส่ เบเกอรี่ ไอศครีม คุ๊กกี้ มาการอง ฯลฯ แถมทางร้านยังรับทำขนมสำหรับ Coffee Break อีกด้วย เรียกว่าจริงจังและจัดเต็มมากครับ

ราคาเค้กที่ร้านไม่แพงครับ เฉลี่ยอยู่ที่ 55-75 บาท เมนูที่เราสั่งมาลองทานได้แก่

  • Choc Orange
  • Opera cake
  • Brownie cheese cake
  • Moose strawberries yogurt
  • Honey toast กับไอศกรีมแตงโม
  • Chocolate brownie cheesecake

เครื่องดื่มแนะนำได้แก่

  • Peach กุหลาบโซดา
  • Coconut latte

 

Honey toast กับไอศกรีมแตงโม

Choc Orange

Opera cake

Moose strawberries yogurt

 

 

3. ส้มตำปองเต

ร้านส้มตำปองเต หรือร้านส้มตำคนสวย เป็นร้านส้มตำสุดแซ่บที่แนะนำโดยคนท้องถิ่นครับ ร้านนี้เป็นร้านส้มตำติดแอร์ นั่งสบายๆ เจ้าของร้านเป็นสาวสวยอัธยาศัยดี เมนูดีเด่น คือ บรรดาตำๆ ทั้งหลาย มีให้เลือกเยอะไปหมด ทั้ง ตำโคราช, ตำหลวงพระบาง, ตำไทยไข่เค็ม, ตำปูปลาร้า ฯลฯ

นอกจากนี้ก็ยังมีไก่ย่าง ปลาเผา ไส้กรอกอีสาน ปีกไก่ทอด หมูย่าง เอาไว้สั่งทานคู่ส้มตำด้วยครับ ราคาอาหารที่ร้านนี้ไม่แพง ปรุงสะอาด รสชาติถือว่าใช้ได้ เมนูที่เราสั่งมาลองทานได้แก่

  • ส้มตำหลวงพระบาง
  • ส้มตำโคราช
  • ไก่ย่าง
  • ไส้กรอกอีสาน
  • ตำไทยไข่เค็ม
  • ข้าวเหนียว
  • เครื่องดื่ม

เชื่อไหมว่ามื้อนี้แค่ 500 บาทครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : .ในเมือง .เมืองนครพนม นครพนม 48000
พิกัด : https://goo.gl/maps/PTgJhu5nQpk

 

4. River Bar & Restaurant โรงแรม The River

มื้อค่ำถ้าอยากนั่งทานอาหารอร่อยๆ เคล้าเสียงเพลงจากวงดนตรีเล่นสด ฝีมือดี คงไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่าที่ River Bar & Restaurant ครับ เป็นร้านอาหารสไตล์ New York – Asian Fusion ของโรงแรม The River อีกหนึ่งโรงแรมดังริมแม่น้ำโขง แห่ง จ.นครพนม ครับ

บรรยากาศร้านจะตกแต่งสไตล์ Loft ดูดิบๆ หน่อย เน้นโชว์พื้นผิวโครงสร้าง ที่ชั้น 2 เป็นระเบียงนั่งรับลมชิลล์ๆ เหมาะแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะใครที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์และเบียร์สด โปรดอย่าพลาด 5555

เมนูอร่อยห้ามพลาดของร้านนี้มีเยอะมาก แต่เราขอเลือกที่เด็ดๆ มาแนะนำดังนี้ครับ

  • หมูกรอบทอด
  • ต้มยำปลาน้ำโขง
  • ปลาเนื้ออ่อนทอด
  • ปลาจุ่มหม้อไฟ
  • ทอดมันกุ้ง
  • ตำถั่วฝักยาว

หมูกรอบทอด

ตำถั่วฝักยาว

ทอดมันกุ้ง

ต้มยำปลาน้ำโขง

ปลาเนื้ออ่อนทอด

ปลาจุ่มหม้อไฟ

ปลาจุ่มหม้อไฟ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้ง : บริเวณหน้าโรงแรม The River Hotel.
บริการ : อาหารไทย / จีน / ยุโรป/ เวียดนาม / เบียร์ / ไวน์
เวลาให้บริการ : 10.30 น.-24.00 น.

 

5. ร้านเนื้อย่างพรีเมี่ยม R-Grill

ปิดท้ายกันด้วยร้านอร่อยเอาใจคนชอบปิ้งย่าง เราขอพามารู้จักร้าน R-Grill ซึ่งเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารของโรงแรม R Photo ครับ ตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม ถ้าวันไหนฟ้าเคลียร์ไร้ฝน หลังคาผ้าใบของร้านจะเปิดออกให้เราได้นั่งรับลมดูดาวชิลล์ๆ ฟังเพลงเพราะๆ จากวงดนตรีสดของทางร้าน

สำหรับสายเนื้อย่าง เราบอกเลยว่าเมนูเนื้อของร้านนี้ Premium จัดหนักและจัดเต็มมากๆ แต่ราคาไม่แพงครับ ไม่ว่าจะเป็น

  • เนื้อโคขุนเกรด Premium
  • เสือร้องไห้
  • ลูกมะพร้าวสไลด์
  • พับในสไลด์
  • เนื้อริบอาย
  • เนื้อไพร์มริบ
  • เนื้อน่องลาย
  • เนื้อหมู, เบคอน
  • เนื้อไก่
  • ชุดผักรวม

เรื่องความสด ความนุ่ม รวมถึงการเตรียมวัตถุดิบทำได้ดี ยิ่งทานคู่น้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน ยิ่งทำให้เจริญอาหารเหลือเกินครับคุณเอ๋ย!!