ถ้ากดเข้ามาอ่านบทความนี้ เราเชื่อว่ารัสเซีย คือ หนึ่งใน Bucket List ที่คุณอยากไป แต่สงสัยไหม ว่าทำไมจำนวนคนไทยที่ไปเที่ยวรัสเซียกลับไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่

  • ค่าครองชีพก็ไม่ได้แพงไปกว่าไทย
  • การคมนาคมขนส่งก็สะดวก
  • เป็นประตูสู่ยุโรปที่คนไทยมาได้ไม่ต้องขอวีซ่า
  • เป็นประเทศใหญ่ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่เที่ยวเยอะมาก
  • สถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่ มีความคลาสสิคไม่แพ้ประเทศดังๆ ในยุโรป
  • ชื่อเสียงด้านศิลปะ วรรณกรรม บัลเล่ต์ ก็ดังไปทั่วโลก
  • ฯลฯ

ถ้าคำตอบของคุณ คือ เรื่องตั๋วแพง, เรื่องภาษา แล้วไม่รู้จะไปหาข้อมูลเที่ยวได้ที่ไหน มาครับ บทความนี้คือคำตอบ “12 วันในรัสเซีย เที่ยวยังไงให้รอด!?” เราไปมาแล้วทั้งๆที่พูดรัสเซียไม่ได้สักคำ ตามมาครับ เริ่มจาก EP1 กันเลยเจาะลึก Moscow (มอสโก) กินหรู อยู่สบาย เที่ยวตามได้เลย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ครั้งแรกที่รัสเซีย ควรเริ่มที่มอสโก

เรื่องพื้นที่บนแผนที่โลกคงไม่มีใครจะใหญ่เกินรัสเซีย เพราะมีพื้นที่มากถึง 10,000,000 ตร.กม. (อ่านไม่ผิดครับ 10 ล้าน ตารางกิโลเมตร) เรียกว่าครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่อาศัยได้ถึง 1 ใน 8 ของโลก ดังนั้นหากจะเที่ยวรัสเซียให้ทั่วชีวิตเดียวคงจะไม่พอแน่!! ดังนั้นเรามาเริ่มต้นง่ายๆ กันที่เมืองหลวงอย่าง “มอสโก (Moscow)” กันก่อนครับ

มอสโก (Moscow) เป็นหนึ่งในมหานครสำคัญของโลก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน การศึกษาและการเดินทางของประเทศ มี “แม่น้ำมัสกวา (Moskva)” ไหลผ่าน มีประชากรอยู่อาศัยกว่า 1 ใน 10 ของประเทศ ทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป

สำหรับเรา มอสโก (Moscow) คือมหานครที่มีส่วนผสมที่ลงตัว ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้เกือบทุกแนว จะชอปปิ้งก็ได้ จะเที่ยวชมเมืองก็ดี มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ มีพิพิธภัณฑ์ดีๆ หลายแห่ง แหล่งชอปปิ้งก็เยอะ มีคาเฟ่ชิคๆ มีอาหารเก๋ๆ อยู่แทบทุกมุมถนน แถมขนส่งมวลชนก็สะดวกสุดๆ การเริ่มต้นรู้จักรัสเซียผ่านเมืองหลวงอย่างมอสโก จึงเป็นทางลัดที่ช่วยประหยัดเวลาเที่ยวครับผม

สำหรับคนอยากประหยัดค่าตั๋ว (เครื่องบิน)

อุปสรรคแรกสำหรับคนอยากเที่ยวรัสเซีย นั่นคือ “ค่าตั๋วเครื่องบินแพง” แต่รู้ไหมถ้ารู้จักวางแผน เราจะประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินไปได้หลายพันเชียวล่ะ เรามีคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับคนอยากหาตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด ดังนี้

  1. เกาะติด Facebook Fanpage ที่ชี้เป้าตั๋วโปรฯ ของสายการบินต่างๆ อาทิ ChangTrixGet หรือ เพื่อนบอกโปร เป็นต้น
  2. รอช้อนซื้อตั๋วโปรฯ จากสายการบินที่มักปล่อยโปรฯ แรงๆ อย่าง Qatar Airways ทริปรัสเซียรอบนี้เราก็สอยตั๋วโปรฯ มาจากสายการบินนี้แหล่ะ
  3. ใช้บริการเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินราคาถูก อย่าง Skyscanner, Traveloka หรือ Google Flight

เพื่อให้ได้ตั๋วโปรฯ ราคาพิเศษ บางครั้งอาจมีเงื่อนไขที่ทำให้คุณไม่สะดวกอยู่บ้าง อาทิ

  1. ตั๋วโปรฯ แต่ไม่ได้บินตรงไปยังปลายทางที่ต้องการ อาจต้องแวะต่อเครื่องที่ประเทศอื่นก่อน แถมระยะเวลารอเปลี่ยนเครื่องก็อาจจะนานตั้งแต่ 3-16 ชม. ก็เป็นได้
  2. เพราะภาษีสนามบินของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เพื่อให้ได้ตั๋วโปรฯ​ เราอาจต้องไปขึ้นเครื่อง (หรือไปลงเครื่อง) ที่ประเทศอื่น อย่าง เวียดนาม, มาเลเซีย หรือสิงคโปรฯ
  3. (ต่อเนื่องจากข้อ 2) เราต้องวางแผน เผื่อเวลาเดินทาง เพื่อไปขึ้นเครื่องบินในประเทศนั้นๆ ด้วย

ทริปรัสเซีย 12 วัน รอบนี้เราได้ตั๋วโปรฯ ของสายการบิน Qatar Airways กว่าจะไปถึงก็ต้องต่อเครื่องกันหลายตุ๊บหน่อย 5555 รูทเดินทางไป-กลับของเราเป็นแบบนี้

  • ขาไป : แอร์เอเชีย ดอนเมือง (กรุงเทพฯ) -> โฮจิมินห์ซิตี้ (เวียดนาม) / กาตาร์แอร์เวย์ โฮจิมินห์ซิตี้ (เวียดนาม) -> โดฮา (กาตาร์) -> มอสโก (รัสเซีย)
  • ขากลับ : กาตาร์แอร์เวย์ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) -> โดฮา (กาตาร์) -> สุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับทั้งหมด ประมาณคนละ 18,000 บาท เราเดินทางช่วงหยุดสงกรานต์พอดี ราคานี้ถือว่าโอเคที่สุดสำหรับเราในช่วงนั้น ซึ่งถ้าเลือกบินนอกช่วงหยุดเทศกาล ก็จะได้ราคาตั๋วที่ถูกกว่านี้อีกเยอะครับ

เตรียมความพร้อมก่อนลุยเที่ยวมอสโก

ข้อนี้สำคัญมาก!!! มอสโกขึ้นชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้ว เราสองคนก็หวั่นๆ ถ้าของมีค่าหาย ของถูกขโมย หรือบัตรเครดิตถูกโจรกรรมข้อมูลตั้งแต่เริ่มทริป!! คงไม่สนุกแน่ๆ

  • เวลาเดินทางต่างประเทศไม่ว่าจะขึ้นเครื่องบิน เรือ รถยนต์ รถบัส รถไฟ หรือต้องนอนในที่สาธารณะ ปูเป้เป็นคนขี้กังวล ซุ่มซ่ามหน่อยๆ เลยกลัวของหายมากกกกค่ะ!!
  • เวลางีบหลับระหว่างทางเดินชอบเอาของมีค่าสะพายไว้แนบตัว จะรู้สึกอุ่นใจกว่า และพะวงกับของน้อยลง ทำให้ช่วยหลับสนิทขึ้นด้วยค่ะ
  • ถ้าไปเที่ยวแล้วนอนน้อย หลับไม่เต็มอิ่ม ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกมึนหัว ตึง หงุดหงิด ทำให้การเที่ยวไม่เต็มที่ เดี๋ยวมีงอแงกับแฟนอีก!! คงทำให้ทริปแย่แน่ๆ ค่ะ

ไปเที่ยวก็ไม่อยากตกเป็นเหยื่อเสียเงินให้โจร! เก็บของมีค่าสะพายกับตัวปลอดภัยดีกว่าค่ะ

  • ถ้าเดินทางแบบนี้ หรือไปเที่ยวยุโรปที่ขโมยเยอะๆ ปูเป้แนะนำ กระเป๋าคาดอกกันขโมย Pacsafe” รุ่น Go Sling Bag
  • จริงๆ แล้วกระเป๋าคาดอกราคาถูกๆ ก็ใช้ได้นะ แต่แค่ “กันขโมยไม่ได้” เท่านั้นเองจ้า!!
  • คนเดินทางบ่อยๆ จะทราบดีว่า สินค้าของแบรนด์ Pacsafe” จะมีชื่อเสียงเกี่ยวกับอุปกรณ์เดินทาง มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย การป้องกันการโจรกรรม หรือป้องกันขโมยได้ดี
  • โดยรวมกระเป๋าสะพายรุ่นนี้ใช้งานได้ดีค่ะ ใส่ของเยอะ เปิดหยิบของค่อนข้างสะดวก ซิปรูดลื่นดี ใช้งานง่าย ชอบที่สามารถปรับสายเป็น Crossbody ได้ดี คุ้มค่าตัวใบละสองพันนิดๆ และซื้อความปลอดภัยให้เพิ่มขึ้น และกันขโมยด้วยค่ะ

ตัวกระเป๋ากันน้ำ กว้างใส่ของจุ เก็บของมีค่าได้เยอะทั้งเงินสด, บัตรเครดิต, โทรศัพท์, Passport และเอกสารต่างๆ 
มีตัวล็อคกระเป๋าเกี่ยวไว้กับเสาและที่อื่นๆ ไม่ต้องกลัวหาย กันขโมย หรือจะสะพายกระเป๋าแนบตัวไว้ ก็อุ่นใจดีกว่าค่ะ

จุดเด่น กระเป๋าคาดอกกันขโมย Pacsafe Go Sling Bag

  • กระเป๋าดีไซน์ใหม่ สวยทันสมัย ใส่ของจุ
  • ฟังค์ชั่นการใช้งานมาแบบครบๆ ใช้ได้จริง
  • มีซิปล็อคแบบป้องกันการแอบเปิดกระเป๋า
  • มีช่อง RFID Safe ป้องกันบัตรเครดิตถูกขโมยข้อมูล (ถ้ารูดบัตรไม่ได้เวลาไปเที่ยวเศร้าเลยนะคะ!!)
  • มีตัวล็อคแข็งแรงใช้ล็อคกระเป๋ากับวัตถุอื่นๆ
  • มีตาข่ายสแตนเลส ป้องกันการกรีดกระเป๋า
  • สายกระเป๋าเสริมสแตนเลส ป้องกันการตัดสาย
  • สามารถเลื่อนสายกระเป๋าเป็น Crossbody ได้
  • เข้าง่ายได้กับทุกชุด มีความชิคๆ คลูๆ และมี 3 สีให้เลือกทั้งสีน้ำเงิน สีชมพู และสีดำ
  • มีการรับประกัน 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อสินค้าโดยเกิดจากความบกพร่องของวัสดุ หรือความผิดพลาดในการผลิต

จริงๆ แล้วกระเป๋าคาดอกราคาถูกๆ ก็ใช้ได้นะ ราคาไม่กี่ร้อย แต่แค่ “กันขโมยไม่ได้” เท่านั้นเองจ้า!!
กระเป๋ากันขโมยแบบนี้ เที่ยวปลอดภัยกว่า “กระเป๋าสะพายคาดอก Pacsafe Go Anti-Theft Sling Pack” >>
ลิ้งค์ : https://shope.ee/8UWO9VkoWP

ที่พักเอาไงดีหล่ะ ?

ช่วงที่ปูเป้อยู่ Moscow ปูเป้เลือกพักที่  “Hotel Ibis Moscow Kievskaya” เพราะที่นี่ตอบโจทย์ ครบโดนใจปูเป้มากๆ
ชื่อโรงแรม : ibis Moscow Kievskaya (Ibis Москва Киевская)
ที่อยู่ : Kievskaya Ulitsa 2, Dorogomilovo, Moscow, 121059, Russian Federation 121059
โทร : +7495660-53-53

  • ห่างจากรถไฟใต้ดิน Kievskaya Station เพียง 300 เมตร เดิน 4 นาที ออกจากโรงแรมข้ามถนนก็ถึงจ้า… สะดวกสุดๆ
  • สถานีนี้อยู่ในเส้นสีนําตาลซึ่งเป็นรถไฟวงหลักของ Moscow
  • เดินทางสะดวกจากสนามบิน
  • จาก Moscow เพียง 5 สถานีก็ถึง Komsomlskaya metro เพื่อสถานีรถไฟที่ Leningradsy railway station ไป St.
    Petersburg
  • ใกล้ศนยู ์กลางช้อปปิง้ ร้านอาหาร มี Brandname Outlet ชื่อวา่ Tsum discount เป็นของห้าง tsum เอา Collection
    เก่าๆมาลดราคา

ภาษารัสเซียพูดไม่ได้ แต่ก็ยังเที่ยวได้ (นะเฟ้ย)

เรื่องภาษาคงจะเป็นปัญหา ถ้าเป็นเมื่อ 5 ปีที่แล้วนะ แต่นี่ปี 2018 แล้วครับผม ปีนี้รัสเซียเป็นเจ้าภาพบอลโลกครับ แถมเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมากๆ แล้ว ต่อให้ไม่มีโดราเอมอน แต่เราก็ยังมีอินเตอร์เน็ตและแอพฯ มือถือ เพียงแค่เตรียมตัวให้เป็นตามคำแนะนำพื้นฐานดังนี้

  1. มี SIM โทรศัพท์ที่ใช้ในรัสเซียได้ หาซื้อได้จากที่ Arrival Hall ของสนามบินเลยครับ สัญญาณ 3G/4G ทะลุทะลวง มีหลายค่ายให้เลือก เช่น MTC, Megafone, Beeline แต่ต้องบอกกับพนักงานนะ “ว่าจะเอา SIM ที่ใช้ได้ทั่วรัสเซีย” ไม่งั้นจะได้ซิมที่ใช้ได้เฉพาะเมืองเท่านั้น ราคาเหมา 8 วัน แบบ 10GB = 800 RUB และแบบ Unlimited = 1,200 RUB
  2. มีแอพฯ Google Translation เอาไว้ช่วยในการสื่อสารและแปลความหมายต่างๆ
  3. Yandex Metro หรือ Google Map : ใช้ดูเส้นทางรถไฟใต้ดินได้ทั้งในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
  4. ให้เซฟชื่อภาษารัสเซียของสถานที่ที่เราจะไป พร้อมภาพของสถานที่นั้นๆ เอาไว้ เวลาสอบถามจากคนรัสเซีย เค้าจะได้รู้ว่าเราจะไปไหน

จะเที่ยวให้อุ่นใจ อย่าลืมทำประกันการเดินทาง

เพราะเรา 2 คนเดินทางต่างประเทศบ่อย แถมยัยปูเป้เป็นคนขี้กลัว ขี้กังวล กลัวว่าถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิด หรืออุบัติเหตุเวลาไปต่างประเทศแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงอาจทำให้ทั้งทริปกร่อย  ก่อนหน้านี้ยัยปูเป้ใช้บริการประกันการเดินทางมาหลายเจ้าละ แต่มันก็ยังมีขาดๆ เกินๆ ยังไม่โดนใจ

ทริปนี้เราเลยทำ ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ พลัส เปิดปิดจากไทยวิวัฒน์ ประกันนี้โดนใจเรา และคิดว่าน่าจะโดนใจหลายๆ คน เพราะสาระสำคัญมันอยู่ตรงที่

  • เลือก เปิดปิด ได้ตามใจ (จ่ายเงินตามจริง) เหลือก็เก็บไว้ทริปหน้า
  • มีแพ็คเหมาวัน 10, 20, 30 วันให้เลือกตามใจ
  • สามารถ Top up วันเดินทางได้ แม้อยู่ ตปท. ผ่านแอพฯ
  • บริการช่วยเหลือ 24 ชม. โดยทีมผู้เชี่ยวชาญในทุกประเทศทั่วโลก
  • บริการให้ความช่วยเหลือเป็นภาษาไทย
  • ไม่จำกัดอายุผู้ทำประกัน
  • คุ้มครองรวมถึงกิจกรรมสุดเหวี่ยง อย่าง ดำน้ำ เล่นสกี บันจี้จัมพ์
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วยสูงสุด 5 ล้าน!!
  • ที่สำคัญคือ ไม่ต้องสำรองจ่ายเอง ข้อดีนี้ยัยปูเป้ชอบมาก!! 

ทั้งหมดนี้ตอบโจทย์เรา 2 คนเป็นที่สุด!! ความอุ่นใจจะบังเกิดในทริปของเราจากนี้ไปอีกยาวๆ ครับผม!! สมัครประกันภัยการเดินทาง พลัส เปิด-ปิด ไทยวิวัฒน์และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.thaivivat.co.th/ecommerce/th/gtip.php

หมายเหตุ : เมื่อซื้อประกันการเดินทางแล้ว “ต้องใช้แอพฯ เปิดโหมดการคุ้มครอง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศไทยนะครับ”

เทคนิคการเตรียมตัวเที่ยวรัสเซีย

นอกจากเรื่องเทคนิคการจองตั๋วและเรื่องภาษาแล้ว ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายข้อที่เรารวบรวมไว้ให้คุณได้อ่าน อาทิ การแลกเงิน, สภาพอากาศ, การระวังภัยจากมิจฉาชีพ ฯลฯ เพื่อให้มิตรรักทุกคนได้เที่ยวรัสเซียอย่างสนุกและปลอดภัยครับ

อ่าน : 12 เทคนิค ไว้เตรียมตัวเที่ยว “รัสเซีย” ให้สนุกและปลอดภัย

การเดินทางในรัสเซีย ถ้าเข้าใจมันก็ไม่ยากเท่าไหร่นะ

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองเหมือนอย่างเราสองคน ควรต้องศึกษาวิธีการเดินทางพื้นฐานในมอสโกและรัสเซียให้เข้าใจก่อน เราจึงขออธิบายให้เข้าใจดังนี้

1. การเดินทางเข้าเมือง Moscow จาก Domodedovo Airport

จากในสนามบิน ให้สังเกตป้ายดาวสีแดงพร้อมรูปรถไฟกับข้อความว่า “AEROEXPRESS TRAIN” นี่ล่ะคือยานพาหนะที่จะพาเราเดินทางจากสนามบินสู่ตัวเมืองมอสโก เราสามารถใช้รถเข็น เข็นรถเดินยาวๆ ไปเลยครับ จนกระทั่งถึงจุดจำหน่ายตั๋ว ซึ่งเราจะลองซื้อผ่านตู้อัตโนมัติก็ได้ มีเมนูภาษาอังกฤษให้เลือก ค่าตั๋วแค่เที่ยวละ 500 RUB/คน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

รถไฟ AEROEXPRESS นี่เป็นรถไฟ 2 ชั้น ดีไซน์ทันสมัย ภายในสะอาด มีที่นั่งสบายๆ มีช่องให้วางกระเป๋าเดินทาง ปลายทางของรถไฟขบวนนี้มีสถานีเดียว คือ “สถานี Paveletsky (Павелецкий вокзал)” ซึ่งจะพาเราเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟใต้ดินสายวงกลามเส้นสีน้ำตาล

เมื่อ AEROEXPRESS มาถึงปลายทาง ให้เดินลงรถไฟแล้วเข้าไปในอาคารรถไฟใต้ดิน“สถานี Paveletsky (Павелецкий вокзал)” จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน เพื่อเดินทางไปยังสถานีปลายทางที่ต้องการต่อไปได้เลยครับ

คำแนะนำ : กรณีที่บินมาไฟลท์ดึก หรือมาเที่ยวกันหลายๆ คน เราแนะนำให้ใช้บริการ Taxi หรือ Uber จะเดินทางสะดวกกว่าครับผม
ข้อควรระวัง : สถานีรถไฟใต้ดินที่รัสเซียไม่มีลิฟท์นะครับ 5555 บันไดเลื่อนที่ลงไปยังสถานีใต้ดินจะยาวมาก!!! ทางลาดต่างๆ ก็ค่อนข้างชัน ไม่สะดวกต่อการลากกระเป๋าใหญ่ไปๆ มาๆ นะ

เดินตามป้าย AeroExpress Train ไปเลย

เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ใช้งานง่ายจ้า มีเมนูอังกฤษ

หน้าตาของเจ้ารถไฟ AeroExpress

ภายในกว้าง นั่งสบาย ช่องทางเดินก็กว้าง

2. การเดินทางระหว่างเมืองในรัสเซีย

ความที่เป็นประเทศใหญ่ ระบบขนส่งพื้นฐานจึงต้องพร้อม การเดินทางระหว่างเมืองในรัสเซียจึงมีตัวเลือกเยอะ ทั้งรถบัส รถไฟ เครื่องบิน ในทริปนี้เราตั้งใจจะเที่ยว 2 เมือง คือ มอสโก (Moscow) และ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) เราเลยเลือกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ (สำหรับเรา) นั่นคือ “การนั่งรถไฟตู้นอน Red Arrow”

จากมอสโก เรานั่งรถไฟเที่ยว 23:55 น. มุ่งสู่ เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ใช้เวลา 8 ชม. กับประสบการณ์พิเศษรถไฟตู้นอนแบบ 2 เตียง ราคาคุ้มกับคุณภาพ รถไฟใหม่ เครื่องนอน (เตียง, หมอน, ผ้าห่ม)​ สะอาด มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มีของกินเยอะ แถมมีบริการอาหารเช้าด้วยนะ เก๋กู๊ดมากๆ

คำแนะนำ : ถ้าชอบความเป็นส่วนตัว กลัวขโมย กลัวเสียงกรน ให้จองแบบ “Luxury Compt.” หรือ “Купе (คูเป้)” ห้องเดี่ยว มี 2 เตียง ราคา 7,996 RUB / ห้อง (rate 0.55 ตกห้องละ 4,563 บาทต่อ 2 คน) ถือว่าซื้อประสบการณ์ดีๆ นอนบนรถไฟสักครั้งก็คุ้ม ยิ่งจองเร็วก็ยิ่งราคาถูก หรือถ้ารีบขอแนะนำรถไฟด่วน “Sapsan (ซับซาน)” นั่งแค่ 4 ชม.ก็ถึงแล้ว

อ่านวิธีจองโดยละเอียดที่นี่ : How to จองรถไฟระหว่างเมืองในรัสเซีย ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

สถานีรถไฟของมอสโกนี่กว้างขวาง ทันสมัยเลยครับ

โฉมหน้าหัวรถไฟของเรา

มันเป็นประสบการณ์พิเศษ ที่ยังไม่ได้สัมผัสจากรถไฟบ้านเรา

3. การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินในมอสโก

นี่คือระบบขนส่งใต้ดินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!!! 5555 ไม่ได้ล้อเล่นนะ เราพูดจริง เพราะมอสโก คือ มหานครที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในยุโรป คิดสัดส่วนเป็น 1 ใน 10 ของประเทศเลยทีเดียว!! ระบบขนส่งมวลชนของรัสเซียจึงต้องรองรับการเดินทางของผู้คนหลายล้านคนต่อวันได้ และรถไฟใต้ดินของมอสโกนี่แหล่ะ โหดสุดๆ

บริการรถไฟใต้ดินของมอสโก มีมาตั้งแต่ปี 1935 นั่นคือ 80 กว่าปีก่อน กับระยะทางเพียง 11 กม. 13 สถานี ปัจจุบันขยายต่อเพิ่มมาอีก 214 สถานี ความยาว 364.9 กม. ครอบคลุมมอสโกและแคว้นใกล้เคียงอย่าง Krasnogorsk, Reutov, Lyubertsy และ Kotelniki จัดว่าเป็นระบบรถไฟใต้ดินที่ยาวเป็นอันดับ 7 ของโลก

ความพิเศษของสถานีรถไฟใต้ดินมอสโกนั้นมีเยอะมาก ทั้งการตกแต่งที่สวยวิจิตรอลังการ (แต่ละสถานีตกแต่งไม่เหมือนกันเลย), ทั้งความลึกที่อยากจะเรียกว่าลึกสุดโลก (สถานีที่ลึกที่สุด คือ Park Pobedy ลึกถึง 84 เมตร), แถมแต่ละสถานียังมีตำนานเมืองให้ติดตามอีกด้วย

เรียนรู้เรื่องราวของ Moscow Metro ได้ที่นี่ : https://russiau.com/using-moscow-metro/

การตกแต่งสถานีแต่ละแห่งนั้นวิจิตรมาก

แค่ทางลงสถานีก็ลึกสุดๆ แล้ว

สถานีนี้เค้าบอกว่าถ้าลูบปากรูปปั้นสุนัขแล้วจะโชคดี

สำหรับนักท่องเที่ยว เราแนะนำให้ซื้อบัตรรถไฟใต้ดินแบบเหมาเที่ยว (ใบนึงวนใช้หลายคนก็ได้) มีให้เลือกทั้งแบบ 20-40 เที่ยว หรือถ้าคิดว่าจะใช้บริการขนส่งมวลชนเยอะๆ ให้ซื้อแบบ Unlimited 7 วัน (ใช้ได้ทั้งรถไฟใต้ดิน, รถบัส, รถราง) ราคาเพียง 830 RUB เองจ้า ซื้อได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋ว (ที่เขียนว่า KACCA นั่นล่ะ)

มาแล้วต้องห้ามพลาด กับ 12 ที่เที่ยวในมอสโก

1. Red Square จัตุรัสแดง (Красная площадь)

ถ้าจะเริ่มทำแผนเที่ยวมอสโก จงปักหมุด “จัตุรัสแดง (Red Square, Красная площадь)” ไว้ก่อนเป็นอย่างแรก This is a center of Moscow!! จัตุรัสแห่งนี้รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญๆ ของมอสโก อาทิ มหาวิหารเซนต์เบซิล, พระราชวังเครมลิน, สุสานเลนิน, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์, ฯลฯ และยังเป็นสถานที่ประกอบพิธีการสำคัญของประเทศอยู่เสมอ!!

จัตุรัสกว้าง 70 x 695 เมตร แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอีวานมหาราช (ราวศตวรรษที่ 15) ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในช่วงแรกที่สร้างนั้นเพียงเพื่อใช้ปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลิน โดยการสร้างพื้นที่นอกกำแพงวังสำหรับใช้ยิง เพราะเดิมพื้นที่บริเวณนี้ขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ

ชื่อ “จัตุรัสแดง” นั้นได้มาเพราะจัตุรัสแห่งนี้ถูกล้อมรอบด้วยตึกสีส้ม-แดงทั้ง 4 ด้าน ซึ่งสีแดง คือคำว่า “красный (krásnyj)” ในภาษารัสเซีย แปลว่า สวยงาม เป็นสีแห่งโชคลาภ ความมั่งคั่งและชัยชนะ ส่วนพื้นของจตุรัสแดงนั้นเกิดจากการเอาหินแกรนิตและหินอ่อนมาตอกลงบนพื้นจนกลายเป็นลานหินโมเสกครับ

การมาเที่ยวจัตุรัสแดงควรเผื่อเวลาไว้เยอะๆ นะครับ เพราะที่นี่รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจเยอะมาก อาทิ

  • พระราชวังเครมลิน ซึ่งถ้าจะชมให้ทั่วก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน
  • มหาวิหารเซนต์เบซิล นี่คือหนึ่งใน Landmark สำคัญของรัสเซีย สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 ควรเผื่อเวลาไว้สักครึ่งวัน
  • ห้างสรรพสินค้า GUM ห้างฯ หรูที่สร้างและออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Russian Classic
  • สุสานวลาดิมีร์ เลนิน อดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งรัสเซีย
  • นอกจากนี้ยังมีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, ย่านการค้าและร้านอาหารดังๆ อีกมากมาย

ที่จัตุรัสแดงนี่เราสามารถเที่ยวได้จนดึกเลยครับ ยิ่งช่วงพลบค่ำยิ่งสวยเพราะท้องฟ้าจะถูกฉาบด้วยแสงยามเย็น ส่วนร้านค้าและสถานที่ต่างๆ รอบๆ จะเริ่มเปิดไฟ บรรยากาศโรแมนติกมากๆๆ แต่ขอให้ระวังมิจฉาชีพที่มักแฝงตัวมาฉกชิงทรัพย์สินของเรานะครับ แม้ทางการจะจัด จนท.ตำรวจ มายืนตรวจตราอยู่เยอะ แต่ก็ยังไม่วายมีมิจฉาชีพอยู่ดี!!

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/UBFHsi3YQyk
การเดินทาง : ถ้านั่ง Metro จะมี 2 สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ คือ สถานี Ohodniy ryad และ Teatral’naya แต่สถานีหลังนี้จะเดินใกล้กว่าอันแรก แต่ถ้าจะไปเที่ยวพระราชวังเครมลิน แนะนำให้ไปลงที่สถานี Alexandovsky นะครับ

2. Saint Basil’s Cathedral มหาวิหารเซนต์เบซิล (Собор Василия Блаженного)

สถาปัตยกรรมอันสวยงามวิจิตรแห่งนี้ คือ มหาวิหารเซนต์เบซิล คือหนึ่งใน Landmark สำคัญของมอสโก (และของรัสเซียด้วย) คือวิหารที่มีเบื้องหลังอันน่าเศร้า และเป็นวิหารที่ทำให้ยัยปูเป้ถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อได้เห็น!!

วิหารแห่งนี้เป็นอาสนวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสแดง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1555 ในสมัยพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย (ฉายาอีวานจอมโหด) เพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกลที่กรีธาทัพมาเมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 ชัยชนะครั้งนั้นทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติเป็นปึกแผ่นได้ในที่สุด

มหาวิหารเซนต์เบซิลเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างรัสเซียนกอธิกกับไบแซนไทน์ ตัววิหารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม มีโดมทรงหัวหอม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง เมื่อดูภาพรวมแล้วคล้ายกับแท่งเทียนที่กำลังลุกไหม้บนแท่นบูชา ดูโชติช่วงชัชวาลย์ดุจการบูชาเทพเจ้าบนสวรรค์ (เค้าบรรยายไว้แบบนั้น แฮ่!!)

ความสวยงามภายในมหาวิหารนั้นสุดยอดไปเลยครับ ทั้งวิจิตรและทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนสีบนผนัง งานแก้สลัก งานไม้ งานปูน ทุกอย่างล้วนสร้างขึ้นอย่างประณีต แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ ภายในวิหารจะมีคณะนักร้องประสานเสียงชายล้วน ช่วยขับกล่อมเพลงคลาสสิคเพราะๆ แลกเงินบริจาคตามศรัทธาครับ ห้ามพลาดๆๆ

จากเบื้องหน้าที่ฟังแล้วยิ่งใหญ่ทรงคุณค่า แต่รู้ไหมว่าเบื้องหลังนั้นน่าหดหู่!!! เพราะผู้ที่ออกแบบมหาวิหารแห่งนี้ คือสปานิกชื่อ “ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev)” ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถจนสามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่งดงามแห่งนี้ให้เป็นที่พอพระทัยแก่พระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 เป็นอย่างมาก

บำเหน็จรางวัลตอบแทนที่พระองค์ให้แก่ “ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ” คือการสั่งควักลูกตาทั้งสองข้าง!! เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นี้สร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก!! และนี่คือที่มาของฉายา “อีวานจอมโหด หรือ Ivan The Terrible” ของพระองค์นั่นเอง!!!!

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/ZMxeLJxnNAk
ค่าเข้า : คนละ 500 RUB
เวลาทำการ : 11:00 – 17:00 น. ปิดวันอังคาร
การเดินทาง : มี 2 สถานีที่ใกล้ๆ คือ สถานีรถไฟใต้ดิน Ohodniy ryad หรือ Teatral’naya (สถานีหลังนี้จะเดินใกล้กว่า)

3. ห้างสรรพสินค้า GUM (ห้างฯ อารมณ์คลาสสิคสุดไฮโซ)

ยังคงอยู่โซนรอบๆ จัตุรัสแดง (Red Square) ครับ กับห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ “GUM (กุม)” ห้างฯ GUM เป็นห้างสรรพสินค้าที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1895 แล้วครับ ถ้านับจนถึงปี ค.ศ. 2018 นี่ก็ 123 ปีแล้ว ความโดดเด่นของห้างฯ นี้คือสถาปัตยกรรมสไตล์คลาสสิคซึ่งเข้าธีมกับสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ จัตุรัสแดงได้เป็นอย่างดี

ภายในมีร้านค้าแบรนด์เนมดังๆ รวมถึงร้านอาหารและร้านคาเฟ่เก๋ๆ อยู่หลายร้าน แต่เราอยากแนะนำให้ไปชิม ice cream ของ Bosco Cafe’ ครับ เค้าจะขายเป็นซุ้มรถเข็น รสชาติไม่หวานมาก เป็นสูตรดั้งเดิมกว่า 100 ปี (ตั้งแต่ห้างฯ เปิด) หรือถ้าอยากจะชิลล์ เราแนะนำให้ออกมานั่งจิบกาแฟรับแสงแดดอุ่นๆ ที่ด้านนอกของร้าน Bosco Cafe’ เลยครับ มีวิวจัตุรัสแดงเป็นอาหารตา ฟินมากๆ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/u6PFXDUk1un
ที่ตั้ง : Red Square, 3, Moskva,109012
เวลาทำการ : 10.00 – 22.00 น.
การเดินทาง : มี 2 สถานีที่ใกล้ คือ สถานีรถไฟใต้ดิน Ohodniy ryad หรือ Teatral’naya (สถานีหลังนี้จะเดินใกล้กว่า)

4. O2 Lounge Rooftop @ The Ritz Carlton

ลำดับที่ 4 นี่ไม่ใช่ที่เที่ยว แต่เป็นโลเคชั่นแนะนำสำหรับคนที่อยากชมวิว “จัตุรัสแดง (Red Square)” จากมุมสูง ที่นี่คือ Rooftop ชั้น 12 โรงแรม Ritz Carlton Moscow ครับ แนะนำให้ขึ้นไปช่วงเย็นๆ สัก 18:30 น. วิวด้านบนนั้นสวยมาก เรียกว่าสวย 360 องศาเลยก็ว่าได้ ช่วงที่เรามา (เดือนเมษายน) พระอาทิตย์ตก 19:30 น. เลยได้ดูวิวกันไปยาวๆ ฟินจริงๆ ครับ

สำหรับใครที่อยากจะมาชมวิวงามๆ ที่ O2 Lounge Rooftop เราแนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้าผ่านทาง Website เข้ามาก่อนนะครับ ด้านบนนี้เค้าห้ามใช้ขาตั้งกล้องนะครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/6x2xjeJQne52
ที่ตั้ง : The Ritz-Carlton, Moscow Tverskaya str., 3 Moscow, Russia, 125009
เวลาทำการ : ทุกวันตั้งแต่เที่ยงถึงตี 2
โทร : +7 495 225-81-81
Website : http://www.ritzcarlton.com/en/hotels/europe/moscow/dining/o2-lounge

5. Museum of Cosmonautics (พิพิธภัณฑ์อวกาศ- Музей космонавтики)

แม้ว่าเรื่องการไปอวกาศจะไกลตัวคนไทย แต่มาถึงมอสโกทั้งที มันก็ควรจะไปให้เห็นกับตา ว่าคนรัสเซียต้องทุ่มเทฝ่าฝันแค่ไหน ว่าจะสร้างก้าวแรกของมนุษยชาติสู่อวกาศได้!! ถ้ามีเวลา เราอยากชวนทุกคนไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์อวกาศ (Museum of Cosmonautics) กันครับ

ที่ฐานของอนุสาวรีย์เพื่อผู้พิชิตอวกาศ (อนุสาวรีย์สูงกว่า 100 เมตร ลักษณะเหมือนจรวดทะยานสู่ท้องฟ้า) คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อวกาศแห่งนี้ ภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางอวกาศของรัสเซียตั้งแต่ยุคแรก พร้อมด้วยความรู้ด้านดาราศาสตร์, การสำรวจอวกาศ, การประกอบจรวด, อาหารการกินและความเป็นอยู่ของนักบินอวกาศ ฯลฯ

สิ่งที่นำมาจัดแสดงนั้นมีมากถึง 85,000 รายการ อาทิ

  • เรื่องราวหาดูได้ยากของ “ยูริ กาการิน” นักบินอวกาศคนแรกของโลก ที่เดินทางไปโคจรรอบโลกและกลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย
  • Laika (ไลก้า) สุนัขตัวแรกของโลกที่ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ
  • Strelka & Belka สุนัขอวกาศ 2 ตัวแรกของโลกที่สามารถโคจรรอบโลกและกลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/tQYRLijwRq32
ค่าเข้า : 250 RUB (ผู้ใหญ่), 230 RUB  (ค่าถ่ายรูป/Vdo), 200 RUB (Audio guide)
ที่ตั้ง : Prospekt Mira, 111, Moskva, รัสเซีย 129223
เวลาทำการ : วันอังคาร พุธ ศุกร์ เสาร์เปิด 10.00 – 19.00 น./ วันพฤหัสเปิด 10.00 – 21.00 น. ปิดวันจันทร์
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน VDNKh (ออกเสียงว่า “เวอร์เดิ๊น ห่า”) พอขึ้นมาจะเห็นลานกว้างให้เดินไป The Monument to the Conquerors of Space station (อนุสาวรีย์ชัยชนะสู่อวกาศ) แล้วเดินไปทางขวามือประมาณ 200 เมตรก็ถึงประตูทางเข้า

6. Moskvarium  (มอสโก อควาเรี่ยม -Москвариум)

ก่อนมาเที่ยวมอสโก ยัยปูเป้เคยได้อ่านรีวิวใน TripAdvisors ที่เขียนถึงอควาเรี่ยมแห่งนี้ ซึ่งชาวต่างชาติส่วนใหญ่บอกว่า “ดี” แต่คนไทยกลับบอกว่า “เล็ก ไม่น่ามา มีแต่ปลาน้ำจืดนิดหน่อยเอง” แต่ด้วยความที่เราสองคนชอบเที่ยวอควาเรี่ยมเป็นทุนเดิม เราเลยตกลงกันว่า “เฮ้ย!! มันต้องพิสูจน์!!”

Moskvarium คือ อคาเรี่ยมขนาดกลางในตึกสูง 5 ชั้น มีสัตว์น้ำแลแะสัตว์ทะเลจัดแสดงอยู่ถึง 8,000 สายพันธุ์ แม้การจัด Display สัตว์น้ำแต่ละแทงค์จะไม่ได้อลังการเหมือนที่อื่น แต่ที่นี่มีปลาน้ำจืด และปลาหายากหลายสายพันธุ์ ที่หาดูยาก “สำหรับคนรัสเซียและพื้นที่ใกล้เคียง” อาทิ ฝูงปลาปิรันย่าที่หน้าดุสุดๆ, ปลาไหลไฟฟ้าอเมซอนขนาดตัวโต๊โต, แมวน้ำไบคาล (Baikal) รวมถึงสัตว์น้ำหน้าตาแปลกๆ อีกเยอะมาก ดูไปก็หัวเราะไป โถ…​ เอ็นดู

ปิดท้ายด้วยการดูโชว์ Secret of the four oceans ตอน 18.00 น. เป็นโชว์ที่เค้านำสัตว์น้ำน่ารักๆ 4 สายพันธุ์อย่าง โลมา, วาฬเบลูก้า, วอลรัส และวาฬเพชรฆาต มาร่วมแสดง ผสานกับแสงสีเสียงที่สนุกตื่นเต้น นับเป็น 1 ชม.ที่อิ่มด้วยรอยยิ้ม ไม่น่าเชื่อว่าเค้าจะฝึกสัตว์น้ำเหล่านี้ให้สามารถแสดงโชว์ได้อย่างน่าทึ่ง!! ยัยปูเป้นี่ชอบสุดๆ ไปเลย!!

ใกล้ๆ กันกับ Moskvarium จะเป็นที่ตั้งของ Moscow Space Museum (พิพิธภัณฑ์อวกาศ) แต่เป็นคนละอันกับ Museum of Cosmonautics นะ อันนี้จะเน้นถึงเทคโนโลยีอวกาศในยุคปัจจุบันและอนาคต ซึ่งถ้าใครชอบทั้งเรื่องอวกาศและชีวิตสัตว์น้ำ มาเที่ยวบริเวณนี้ที่เดียวคุ้ม

ดังนั้นถ้าเดินทางมาลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน VDNKh (อ่านว่า “เวอร์เดิ้น ห่า”) เราจะสามารถเที่ยว Museum of Cosmonautics, Moskvarium, Moscow space museum, Ostankino TV Tower (จุดชมวิวเมืองที่สูงที่สุด) และพิพิธภัณฑ์น่าสนใจได้อีกหลายแห่ง ถ้าสนใจตามลิงค์นี้ไปเลย http://vdnh.ru/en/map/

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/tg8u2vfkxiC2
ค่าเข้า : 500 RUB (ผู้ใหญ่) และ 1,500 RUB สำหรับดูโชว์การแสดง
ที่ตั้ง : Moscow, Prospekt Mira, d.119, p.23, Moskvarium
เวลาทำการ : เปิด 10.00 – 22.00 น. (ให้เข้าได้ถึง 21.00 น.)
การเดินทาง : ระยะห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน VDNKh ประมาณ 2.3 กม.แนะนำนั่ง Uber หรือเดินชมวิวเรื่อยๆประมาณ 20 นาที
ขากลับ : ใช้บริการรถ shuttle bus รับส่งฟรีจากหน้าพิพิธภัณฑ์ด้านซ้ายมือไปลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน VDNHk (ติดกับพิพิธภัณฑ์อวกาศ) ตั้งแต่เวลา 9.10 น. – 21.20 น
Website : http://www.moskvarium.ru/en/
Facebook : https://www.facebook.com/moscvarium

7. Flotilla Radisson Royal Cruise (Флотилия «Рэдиссон Ройал, Москва»)

การนั่งเรือชมวิวสองฝั่งแม่น้ำยังคงเป็นกิจกรรมที่เราอยากแนะนำอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสได้มาเที่ยวยังเมืองที่มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างมอสโก มหานครแห่งนี้มี “แม่น้ำมัสกวา (Moskva)” ไหลผ่าน ทำหน้าที่เหมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองมาตั้งแต่โบราณ จะเห็นได้จากสถานที่สำคัญๆ ในมอสโก ล้วนตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำนี้

อนุสาวรีย์ปีเตอร์มหาราช

ถ้าคุณมามอสโกเป็นครั้งแรก เราแนะนำว่าโปรแกรมนี้ไม่ควรพลาดครับ การล่องเรือชมวิว “แม่น้ำมันกวา (Moskva)” ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 ชม. ได้นั่งจิบเครื่องดื่ม ได้ออกไปยืนรับลมชมวิว สถานที่สำคัญๆ อย่าง พระราชวังเครมลิน, มหาวิหารเซนต์เบซิล, วิหารเซนต์เดอซาร์เวียร์ รวมถึงอนุสาวรีย์ปีเตอร์มหาราชและที่อื่นๆ รวม 22 แห่ง เราว่าโรแมนติกและชิลล์มากเลยทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/vHvmednyfL82
ค่าขึ้นเรือ : 900 – 2,000 RUB ขึ้นอยู่กับรอบเวลาและชนิดของเรือ (ไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม)
ซื้อตั๋ว : Central Ticket Office  (ออฟฟิตติดแม่น้ำด้านนอกโรงแรม)
รอบเรือ : มีวิ่งตลอด รอบเยอะมาก วันเสาร์-อาทิตย์เริ่ม 12.00 – 21.00 น. วันธรรมดาเริ่ม 13.00 น.
เวลาทำการ : เปิดตั้งแต่ 10.00 – 21.00 น.
การเดินทาง : ท่าเรือของโรงแรม Radisson Royal Moscow (ชื่อเดิม Ukraina Hotel Pier)
Website : http://www.radisson-cruise.ru/index_en.php

8. Eliseevsky Store  (อีลิซีฟสกี้ – Елисеевский )

ครั้งแรกที่ได้มาเห็นซุปเปอร์มาเก็ตนี้ เราถึงกับอึ้ง ว่านี่มันซุปเปอร์มาเก็ตหรือท้องพระโรงกันแน่!? เราร้องว๊าวในใจถี่ๆ เพราะไม่คิดว่าจะมีซุปเปอร์มาเก็ตไหนตกแต่งได้สวยเว่อร์วังขนาดนี้!! ที่นี่คือ อีลิซีฟสกี้ (Eliseevsky Store) ซุปเปอร์มาร์เก็ตคลาสสิคหนึ่งเดียวในมอสโกที่ตกแต่งสไตล์นีโอบาโร้ค (Neo-Baroque) และมีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ปี 1901 เลยทีเดียว!!

ภายในอาคารเพดานสูงที่ตกแต่งด้วยโคมแชนเดอเลียร์คริสตัล คือ ซุปเปอร์มาเก็ตที่ขายสินค้าเกรดพรีเมี่ยมหลากหลายที่มา ถ้าถามว่าร้านนี้ขายอะไรบ้าง คนรัสเซียจะตอบว่า “anything your soul might wish for” แปลเป็นไทยว่า “อะไรก็ตามที่คุณปรารถนา” เพราะสินค้าที่นี่หลากหลายจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นไวน์ ชีส อาหารสด ผลไม้นำเข้า ฯลฯ

คุณสามารถหาซื้อแซลมอนอร่อยๆ รวมถึงไข่ปลาคาร์เวียร์เกรด A ได้ที่นี่ ในราคาที่ถูกกว่าบ้านเราเยอะครับ นอกจากนี้ทางร้านยังอบขนมและคุ้กกี้เอง ซึ่งเรายังสามารถหาทานขนมอบดั้งเดิมของรัสเซียอย่าง Vatrushka (เป็นขนมอบที่ไส้ชีสอยู่ตรงกลาง) ได้ที่ร้านนี้อีกด้วยครับ

ร้าน Eliseevsky ตั้งอยู่เลขที่ 14 ถนน Tverskaya ใจกลางมอสโก เปิดให้บริการทุกวันตลอด 24 ชม. ครับผม

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/mGFNJnbZNX72
ที่ตั้ง : เลขที่ 14 ถนน Tverskaya (Тверская улица, 14, Москва, г. Москва, Russia 125009)
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง : ลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน Pushkinskaya (ห่าง 400 ม.) หรือสถานี Tverskaya (ห่าง 240 ม.)

9. Moscow Kremlin Museums (เครมลินแห่งมอสโก-Моско́вский Кремль)

อีกหนึ่งไฮไลท์ของมหานครมอสโก ก็คือการมาเที่ยวชมความงามของพระราชวังเครมลินนี่ละครับ คำว่า “เครมลิน (Kremlin)” ในภาษารัสเซียแปลว่า “ป้อมปราการ” ภายในประกอบด้วยพระราชวัง หอคอย วิหารสำคัญๆ และที่ทำการของรัฐบาลเราจึงเรียกรวมๆ ว่า “พระราชวังเครมลิน”

พระราชวังแห่งนี้อดีตเคยเป็นที่ประทับของ “ซาร์” (ชื่อเรียกตำแหน่งกษัตริย์ของรัสเซีย) รวมถึงเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ ปัจจุบันเครมลินเปรียบเหมือน “ทำเนียบขาว” เพราะเป็นที่ทำการของรัฐบาลรัสเซีย รวมทั้งที่พำนักของผู้นำรัสเซียด้วย

เครมลินแห่งมอสโกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโกเมื่อ ค.ศ. 1990

เครมลินเกิดขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมืองมอสโก ในปี ค.ศ.1147 โดยเจ้าชายยูริ ดอลโกรูกี้ พระราชโอรสของกษัตริย์วลาดิเมียร์ โมโนมาด แห่งเมืองเคียฟ เจ้าชายยูริได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ที่นี่ สร้างค่าย, ประตูเมือง, กำแพงเมือง และพระราชวัง ซึ่งวัสดุที่ใช้สร้างส่วนใหญ่เป็นไม้และดิน

ต่อมาในสมัยของพระเจ้าอิวานที่ 3 พระองค์ได้ปลดปล่อยรัสเซียจากการปกครองของมองโกลและพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้นหลายด้าน พระองค์ได้นำช่างชาวอิตาลีมาออกแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้งดงาม รวมถึงเปลี่ยนแปลงเครมลิน เปลี่ยนกำแพงเป็นอิฐสีแดง บูรณะพระราชวัง วางผังเมือง สร้างโบสถ์ ให้เป็นอย่างปัจจุบัน

การเข้าชมพระราชวังเครมลินนั้น เราต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมในแต่ละโซนครับ โดยจะแบ่งเป็น 4 โซน ดังนี้ (ทุกโซนห้ามถ่ายภาพด้านในอาคารนะครับ)

  1. Armoury Chamber : จัดแสดงสมบัติล้ำค่ากว่า 4,000 รายการ อาทิ ฉลองพระองค์กษัตริย์และพระราชินี, เครื่องเงิน, เครื่องประดับ, อาวุธ, ราชพาหนะ นอกจากนี้ยังจัดแสดงงานศิลป์ของรัสเซีย, ยุโรป และเอเชียตะวันออก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งการเข้าชมจะแบ่งเป็นรอบๆ (10:00/12:00/14:30/16:30)
  2. The architectural complex of the cathedral square : เป็นจัตุรัสที่ล้อมรอบด้วยมหาวิหารและศาสนสถานสำคัญของราชวงศ์รัสเซีย
  3. New Kremlin Square : เป็นเส้นใหม่ที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมพื้นที่วิจัยทางโบราณคดีขนาดยักษ์ เพื่อให้ผู้เข้าชมเห็นซากของวิหาร Chudov และซากของพระราชวังนิโคลัส
  4. Museum of History of The Kremlin’s Architectural Complex in The “Ivan The Great” Bell Tower : เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวการสร้างหอระฆังยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับ “จัตุรัสวิหาร” ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารสำคัญ 3 หลังด้วยกัน คือ

  1. Assumption Catherdral เป็นวิหารที่สำคัญที่สุดในเครมลิน สร้างเพื่อระลึกถึงพระแม่มารีย์ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์ ด้านนอกจะเห็นยอดโดมสีทองสดใสมีไม้กางเขนประดับอยู่ด้านบนทั้ง 5 ยอด ตัดกับหินสีขาวที่ประกอบเป็นตัววิหาร ด้านในสวยมากมีภาพเขียนปูนเปียกแบบเฟรสโก้ เป็นรูปนักบุญ พระเยซู นักบวชต่างๆ
  2. Annunciation Cathedral : เป็นโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนาส่วนพระองค์ของพระเจ้าซาร์
  3. Archangel Cathedral : เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระเจ้าซาร์องค์แรกของรัสเซีย นอกจากนี้ยังสร้างอุทิศให้กับเทวทูตไมเคิลนักบุญอุปถัมภ์ของนักรบชาวรัสเซีย

น่าเสียดายที่มีระเบียบห้ามถ่ายภาพภายในอาคารทุกอาคารของพระราชวังเครมลิน เราจึงทำได้แค่ถ่ายภาพภายนอกแล้วนำมาเล่าให้ทุกคนฟังครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/gbjgaMUY4Au
ค่าเข้า : ซื้อตั๋วเป็น 4 ส่วน หรือสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ https://www.kreml.ru/

  • Armory Chamber : ราคา 700 RUB ซื้อตั๋วที่ช่อง 9,10  (เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าฟรี)
  • Architectual Ensemble of the Cathedral square : ราคา 500 RUB ซื้อตั๋วที่ช่อง 11,12,13 (เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าฟรี)
  • New Kremlin Square ราคา 250 RUB
  • Diamond fund ราคา 500 RUB (ซื้อตั๋วที่ช่อง 4,5 – ไม่มีขายออนไลน์)

เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 -17.00 น. ปิดวันพฤหัส
การเดินทาง : ลงสถานี Biblioteka Imeni Lenina

10. Cathedral of Christ The Savior (วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ – Храм Христа Спасителя) 

มหาวิหารโดมทองนี้เป็นโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์ที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู๋ริมฝั่งแม่น้ำมอสโก วิวจากบนสะพานเห็นพระราชวังเครมลินได้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นขอบคุณพระเจ้าที่ซาร์อเล็กซานเดอร์สามารถรบชนะนโปเลียนในสงคราม ต่อมาในสมัยยุคคอมมิวนิสต์ของสตาลินได้มีการทำลายโบสถ์แห่งนี้ลงเพื่อจะทำเป็นพระราชวังโซเวียต  แต่เมื่อเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 โครงการก็ได้ถูกหยุดลง ภายหลังการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ได้มีการฟื้นฟูโบสถ์แห่งนี้ขึ้นมาใหม่

ตัวมหาวิหารเดิมเริ่มก่อสร้างในปี 1839 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Konstantin Thon ใช้เวลาสร้างนานกว่า 40 ปี โดยสร้างเสร็จในปี 1883 ใช้อิฐราว 40 ล้านก้อน เฉพาะการตกแต่งภายในใช้เวลากว่า 20 ปี ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในมอสโกขณะนั้น คือ มีความสูงถึง 103 เมตร มีโดม 4 โดม ล้อมรอบโดมที่ 5 ซึ่งเป็นโดมขนาดมหึมามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25.5 ม. ซึ่งอยู่ตรงกลางและใช้เทคนิคการชุบทองด้วยไฟฟ้าแทนวิธีการใช้สารปรอทเคลือบแบบเดิม ใช้งบประมาณไป 350 ล้าน USD. โดยได้จากการบริจาคและพลังศรัทธาจากคนรัสเซียทั้งประเทศ

มหาวิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ทำพิธีในปี 2000 และได้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินิโคไลที่ 1 ในปัจจุบันมหาวิหารนี้จึงถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญของประเทศ

คำแนะนำ ควรมาเที่ยวในช่วงเย็นๆ แล้วขึ้นไปชมวิวที่ระเบียงชั้นบนของโบสถ์ ซึ่งสามารถชมวิวมุมสูงเมืองมอสโกได้ ค่าเข้า 300 RUB (ปิดเวลา 18.00 น.)

ข้อมูลเพิ่มเติม

พิกัด : https://goo.gl/maps/K8WNNX5x75R2
ค่าเข้า : ชมฟรี แต่ห้ามถ่ายรูปภายใน
ที่อยู่ : Ulitsa Volkhonka, 15, Moskva, รัสเซีย 119019
เวลาทำการ : เปิดทุกวันเวลา 10.00-19.00 น. ยกเว้นวันที่มีพิธีทางศาสนา
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Kropotkinskaya สายสีแดง

11. Arabat Street  “ถนนอารบัต”

นี่คือ Landmark สำหรับคนชอบชอปปิ้ง!! ถนนคนเดินความยาว 1.8 กม. นี้ชื่อว่า “ถนนอารบัต (Arabat Street)” เป็นแหล่งรวมร้านค้า, ร้านของที่ระลึก, ร้านอาหาร,​ คาเฟ่, ร้านขายภาพวาด และยังเป็นที่แสดง Street Perfomance ของศิลปินข้างถนนในมอสโก เป็นถนนที่มีสีสันในยามกลางวันและโรแมนติกในยามค่ำคืนเลยล่ะ

ก่อนจะมาถึงวันนี้ หลายคนอาจไม่รู้ว่าที่นี่เป็น “ถนนที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย” ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าขุนนางในศตวรรษที่ 17, เคยเป็นฐานที่ตั้งของตำรวจลับรัสเซีย  รวมถึงเคยเป็นที่อยู่อาศัยของสมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1985 ก็ได้มีการปรับปรุงให้ถนนสายนี้กลายเป็นถนนสายชอปปิ้งอย่างเช่นทุกวันนี้

คำเตือน : ถนนคนเดินแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินเที่ยวกันในช่วงวันหยุด ซึ่งก็จะเป็นเป้าให้บรรดามิจฉาชีพออกหากิน ดังนั้นควรระมัดระวังทรัพย์สินให้ดีด้วยนะครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/e45Cs45k1ap
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Arbatskaya (สายสีน้ำเงิน) หรือ Smolenskaya (สายสีน้ำเงินเข้ม) โดยรถไฟ 2 สถานีนี้มีถนน Arbat คั่นกลาง สามารถเดินถึงกันได้

11. Metro Hopping

ปิดท้ายกับกิจกรรม (สำหรับคนที่มีเวลา) ที่เราอยากชวนทุกคนทำอะไรสนุกๆ เปลี่ยนบรรยากาศกันสักหน่อย นั่นคือ Metro Hopping หรือการชะแว๊บไปตะลุยเก็บภาพงามๆ ของสถานีรถไฟใต้ดินดังๆ ในมอสโกครับผม!! ทริปนี้เรามัวแต่เที่ยวเพลินจนเกือบไม่เหลือเวลาทำ Metro Hopping แต่สุดท้ายก็ได้มา 4 สถานี ได้แก่

  • สถานี Kiyevskaya(Киевская) สายสีน้ำเงินหรือสีน้ำตาล
  • สถานี Novoslobodskaya (Новослободская) สายสีน้ำตาลและสีเทา
  • สถานี Prospekt Mira (Проспект Мира) สายสีน้ำตาลและสีส้ม
  • สถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) สายสีแดงหรือสีน้ำตาล

ทุกสถานีมีความสวยงามเฉพาะตัว มี Story ให้คนได้ศึกษา ถ้าเวลามีน้อยให้เน้นเฉพาะ 12 สถานีบนรูทวงกลมสีน้ำตาลครับ สวยเก๋ไปซะทุกสถานีเลย!!

สถานี Novoslobodskaya (Новослободская)

สถานี Kiyevskaya(Киевская)

สถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская)

สถานี Prospekt Mira (Проспект Мира)

สถานี Kiyevskaya(Киевская)

เนื่องจากรัสเซียประชากรเยอะมากๆๆ การจะถ่ายโถงสถานีว่างๆ นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงเวลาปกติ ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะจะเก็บภาพควรเป็นช่วงเช้าจัดๆ หลังเปิดสถานีเวลา 5:30 น. หรือเป็นช่วงค่ำๆ ใกล้ปิดสถานี ราวๆ 00:00 – 01:00 น. เพราะคนจะน้อย เวลาถ่ายภาพออกมาจะได้มีแต่สถานีล้วนๆ ครับ

ถ้าอยากศึกษาวิธีใช้งาน Moscow Metro รวมถึงอยากรู้เรื่อง Story ที่อยู่เบื้องหลังแต่ละสถานี แนะนำให้เข้าไปอ่านที่นี่ครับ https://russiau.com/using-moscow-metro/

คำเตือน : 

  1. เราสามารถถ่ายภาพในสถานีรถไฟใต้ดินได้อิสระครับ แต่ “ห้ามใช้ขาตั้งกล้อง”
  2. ไม่ควรไปถ่ายภาพคนเดียว และไม่ควรเดินทางคนเดียวดึกๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่ไม่คาดคิดครับ

เที่ยวแล้ว ก็ต้องเที่ยวอย่างปลอดภัย

ท้ายสุดนี้ถ้าเพื่อนๆ อยากเพิ่มการเดินทางให้ปลอดภัยขึ้นอีกนิด อุ่นใจอีกหน่อย ในกรณีนอนบนเครื่องบิน รถไฟ รถสาธารณะต่างๆ หรือเดินทางไปเที่ยวยุโรปที่ขโมยเยอะๆ แนะนำให้ใช้ กระเป๋าคาดอกกันขโมย Pacsafe Anti-Theft”  แบรนด์นี้ขึ้นชื่อว่าเรื่องความปลอดภัย มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย การป้องกันการโจรกรรม หรือป้องกันขโมยได้ดี ค่ะ

จริงๆ แล้วกระเป๋าคาดอกราคาถูกๆ ก็ใช้ได้นะ ราคาไม่กี่ร้อย แต่แค่ ” กันขโมยไม่ได้ ” เท่านั้นเองจ้า!!
กระเป๋าคาดอกกันขโมย Pacsafe Anti-Theft” รุ่น Go Sling Bag
ตัวกระเป๋าจุและกว้าง เก็บของมีค่าได้ทั้งเงินสด, บัตรเครดิต, โทรศัพท์, Passport และเอกสารต่างๆ สามารถเอาตัวล็อคกระเป๋าเกี่ยวไว้กับเสาและที่อื่นๆ ไม่ต้องกลัวหาย กันขโมย กันน้ำ หรือจะสะพายกระเป๋าแนบตัวไว้ ก็อุ่นใจดีกว่าค่ะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

คลิปพานั่งรถไฟ เที่ยวรัสเซีย มันเป็นยังไง!? มามะ เราจะพาไปสัมผัส

คลิปพาเที่ยว St.Petersburg “รู้ว่าเสี่ยง…แต่คงต้องของลอง”  สวยคุ้มเสี่ยงไหม ไปดูกัน!!