นี่คือเรื่องราวของ “การเช่ารถขับ กับ 15 พิกัดเที่ยว เที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido)” ที่คุณเที่ยวตามได้ด้วยทริปชิล์ๆ ไม่เร่งรีบ ใช้เวลาแค่ 5-6 วัน แต่สามารถพาคุณไปได้ไกลกว่าการใช้ขนส่งสาธารณะ กำหนดเวลาเที่ยวได้เอง ได้เที่ยวแบบ unseen และได้ความเป็นส่วนตัวไม่ต้องเบียดเสียดใคร ที่สำคัญ… ไม่ต้องเดินเยอะ 555555
ใครที่อยาก unlock การท่องเที่ยวแบบเดิมๆ มาลองเช่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองดู อย่าเพิ่งคิดว่าแพง อย่าเพิ่งคิดว่ายาก เพราะข้อดีที่ได้ มันคุ้มค่าที่จะลอง!! มาครับ!! มาเที่ยว “ฮอกไกโด (Hokkaido)” แบบ Beyond กับพวกเรากัน!!!
ขับรถเที่ยวบนเกาะฮอกไกโด มันดียังไง!?
แม้ว่าญี่ปุ่นจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่การคมนาคมขนส่งดีที่สุดในโลก แต่ด้วยลักษณะภูมิประเทศของ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” ซึ่งมีที่เที่ยวทางธรรมชาติเยอะมากๆ การจะเข้าถึงที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง แค่รถไฟ JR นั้นยังไม่พอ การจะไปให้ถึงที่เที่ยวหลายๆ แห่ง ต้องอาศัยรถบัส, แท๊กซี่ หรือรถยนต์ส่วนตัว
เครดิตภาพจาก : https://best.visit-hokkaido.jp/plan-your-trip/transport/
และถึงแม้คุณจะเลือกใช้บริการรถบัส แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอีกตั้งหลายเรื่อง ทั้งเวลาเดินรถ, การต้องหาข้อมูลสายรถบัสที่จะไปยังที่ต่างๆ, การแวะเที่ยวสถานที่ที่ไม่ใช่จุดจอดรถ, การต้องขนสัมภาระขึ้น-ลงรถ (กรณีที่อุปกรณ์เยอะ) ฯลฯ
ถ้าไม่ติดขัดเรื่องเงินมาก และถ้าคุณมาเที่ยวพร้อมกันหลายๆ คน เราว่าการเช่ารถขับเที่ยวเองจะช่วยปลดล็อคประสบการณ์ท่องเที่ยวให้คุณได้อีกเยอะ!!! เรามาดู “ข้อดีของการเช่ารถขับเที่ยวบนเกาะฮอกไกโด” กันครับ
- ไปที่ไหนก็ได้ที่อยากไป จอดเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจอด (แต่ต้องถูกกฏจราจร)
- กำหนดเวลาในการเดินทางได้เอง ไม่ต้องรอรถบัส ไม่ต้องรอรถไฟ JR
- สามารถเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ได้มากกว่า ฮอกไกโดมีที่เที่ยวสวยๆ เยอะเลย
- สะดวกต่อการขนสัมภาระ จะกระเป๋าเดินทาง, กระเป๋ากล้อง, เสื้อผ้า, ฯลฯ
- มีที่ไว้หลบฝน, หลบแดด, หลบหิมะ, พักงีบระหว่างวัน, มีความเป็นส่วนตัว
- ถนนบนเกาะฮอกไกโดขับง่าย ถนนสภาพดี วิวระหว่างทางก็ดี๊ดี
- มีทางด่วนที่เชื่อมไปยังเมืองต่างๆ บนเกาะ เดินทางสะดวกมาก
- จุดแวะพักบนทางด่วน มีของอร่อยๆ ขายเยอะเลย
ที่สำคัญ หากคุณเดินทางมากกว่า 3 คน ค่าใช้จ่ายอาจจะพอๆ กับการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเลยล่ะ!!
เช่ารถขับเองกับ ToCoo! Car Rental
สมัยนี้เรื่อง “เช่ารถเรื่องเล็ก” เพราะเราสามารถดำเนินการด้วยตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ แต่ปัญหาใหญ่ของการของการเช่ารถขับในญี่ปุ่นก็คือ “ภาษาญี่ปุ่น!!” ใช่ครับ เว็บไซต์ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่จะรองรับแค่ภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ
- จุดแข็งที่ 1 ของ ToCoo! คือ เว็บไซต์จองรถของ ToCoo! นั้น “รองรับภาษาไทย” แบบจริงจังเลยครับ ทุกเมนู ทุกหัวข้อบนเว็บไซต์ มีข้อมูลภาษาไทยรองรับหมด ไม่เข้าใจรายละเอียดตรงไหน กดเข้าไปอ่านได้เลย เข้าใจทะลุปรุโปร่ง!!!
- จุดแข็งที่ 2 ของ ToCoo! คือ เชื่อมโยงบริษัทรถเช่าเกือบทุกค่ายในญี่ปุ่น ทำให้ ToCoo! มีรถเช่าพร้อมให้บริการเยอะมาก!!! มีรถหลายแบบให้เลือก รวมถึงมี option ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเช่ารถเยอะครับ
- จุดแข็งที่ 3 ของ ToCoo! คือ เค้ามีแพ็คเกจเช่ารถให้เลือกหลาย Plan เลย ไม่ว่าจะเป็น Plan ยอดฮิต (บนหน้าแรกของเว็บ) อย่าง
- Full Coverage Plan ที่มีประกันอุบัติเหตุแบบคุ้มครองเต็มที่ ทั้ง N.O.C (ความเสียหายทางธุรกิจ) + ความเสียหายด้านทรัพย์สิน + ความเสียหายกับยานพาหนะ
- แพลนคืนรถไม่ต้องเติมเต็มถัง : สำหรับคนขี้เกียจวนหาปั๊ม 55555
- แพนยางหิมะ : อันนี้เหมาะมากๆ เวลาไปเที่ยวฮอกไกโด ฤดูหนาว
กรณีที่คุณมีแผนจะขับรถเที่ยวไปหลายๆ เมืองบนเกาะฮอกไกโด คุณจะต้องใช้ทางด่วนเพื่อประหยัดเวลา เราแนะนำให้เลือกแพลนที่เหมารวมค่าทางด่วน อย่าง TEP (ToCoo! Expressway Pass Plan) ครับ
ToCoo! Expressway Pass Plan จะเป็นแพ็คเกจเหมาจ่ายค่าทางด่วนตามจำนวนวันที่คุณเช่ารถขับ โดยเค้าจะมี ETC Card มาให้เราติดไว้ในรถ เวลาขับขึ้นทางด่วน ก็วิ่งเข้าช่อง ETC ได้เลย สะดวกมาก!!! ขึ้นกี่รอบก็ได้ ไม่อั้น!!!
แพลน ETC Card แบบเหมาจ่าย มีให้เลือก 2 แบบ (เลือกให้เหมาะกับการเดินทางนะ)
- ToCoo! Expressway Pass (TEP) : ครอบคลุมทางด่วนทั่วประเทศญี่ปุ่น
- TEP Hokkaido : ครอบคลุมทางด่วนทั่วฮอกไกโด ราคาถูกกว่าเวอร์ชั่นทั่วประเทศ แนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางในฮอกไกโด
ข้อดีของ TEP
- สามารถใช้งานทางด่วนได้ไม่จำกัดในราคาตายตัว
- ไม่ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นที่ด่านเก็บเงิน!
- ประหยัดเวลา!
จองรถเช่ากับ ToCoo! Car Rental ใส่ “FVT2ZG”ได้รับส่วนลดทันที 1,000 เยน
เงื่อนไขการใช้โค้ดคูปอง
- โค้ดคูปอง FVT2ZG : รับส่วนลดทันที 1,000 เยน เมื่อมียอดค่ารถเช่า 10,000 เยนขึ้นไป
- ระยะเวลาการเช่ารถ : 1 ต.ค. 2024 – 31 มี.ค.2025
ทำประกันภัยการเดินทาง Chubb เพิ่มความอุ่นใจให้ทุกทริป
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยิ่งถ้าอยู่ต่างบ้านต่างถิ่น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา เรื่องที่ควรจัดการได้ อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งเครื่องบินดีเลย์ กระเป๋าหาย (หรือล่าช้า) ประสบอุบัติเหตุ ป่วยไข้ ทรัพย์สินสูญหาย และปัญหาจุกจิกอีกมากมาย ที่จะพาลทำให้ทริปนั้นกลายเป็นฝันร้ายเอาง่ายๆ
เพื่อความอุ่นใจ ต้นกับปูเป้เลยเลือกทำประกันภัยการเดินทางเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ สมัยเป็น Blogger ใหม่ๆ เราก็ซื้อประกันภัยการเดินทางเป็นรายเที่ยวครับ แต่หลังๆ นี่เดินทางปีนึง หลายทริปมากๆ เราเลยเลือกทำประกันภัยการเดินทางกันเป็นรายปี 5555 (ใครที่เดินทางปีนึงเกิน 5-6 ทริป ซื้อ ประกันการเดินทางชับบ์ Chubb Travel Buddy แบบรายปี ปีคุ้มสุดครับ)
สำหรับ Road Trip (ขับรถเที่ยว) เกาะคิวชู รอบนี้เราทำประกันภัยการเดินทางกับ “Chubb Travel Buddy (คู่หูนักเดินทาง)” เค้าดูแลครอบคลุมทั้ง…
- การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและความพิการ
- ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ (ทั้งโควิด และไข้หวัดใหญ่)
- ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 21 วัน
- ผลประโยชน์รายวันสำหรับการเข้ารักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ใน รพ.ต่างประเทศ
- การเคลื่อนย้ายทางการแพทย์ฉุกเฉิน หรือการเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา
- ค่าใช้จ่ายในการส่งศพหรืออัฐิกลับประเทศภูมิลำเนา
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พักเพื่อไปเยี่ยมผู้เอาประกันภัยที่ รพ.ในต่างประเทศ
- มีบริการสายด่วนช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
- มีแผนประกันเสริม Flight Secure ทั้งการบอกเลิกการเดินทาง, การดีเลย์ของเที่ยวบิน การพลาดการต่อเครื่อง, ความล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง รวมถึกรณีโจรขึ้นบ้าน ระหว่างเดินทางอยู่ต่างประเทศ
ที่สำคัญสามารถ ซื้อออนไลน์ได้ง่าย เลือกแผนได้ตามที่เราต้องการ ซื้อปุ๊ปได้กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางเลย เคลมไวไม่งอแง เบี้ยเริ่มต้นหลักร้อย ความคุ้มครองหลักล้าน ถูกใจเราสองคนสุดๆ!!
สนใจซื้อ ประกันการเดินทางชับบ์ (Chubb) พร้อมได้รับส่วนลดพิเศษ 18% คลิกที่นี่
อย่าลืมกรอกโค้ด NENGAN18 เพื่อรับส่วนลดน๊า!
เดินทางเที่ยวฮอกไกโดด้วยรถไฟ JR
กรณีบางคนอาจไม่สะดวกในการเช่ารถขับเที่ยวในฮอกไกโด เราก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางอีกวิธีที่สะดวกมากๆ เพราะรถไฟญี่ปุ่นมีตารางเวลาที่หนาแน่นและตรงเวลา รู้เวลาถึงจุดหมายได้ดี นั่งสบาย และยังสะอาดด้วย หลังจากซื้อ JR Pass แล้วเราจะได้ Exchange Order ให้นำไปแลกรับบัตร JR Pass ฉบับจริงที่สถานีรถไฟที่ญี่ปุ่น
1. กรณีเที่ยวเฉพาะในภูมิภาคฮอกไกโด
บัตร JR Hokkaido Pass สำหรับภูมิภาคฮอกไกโด (5 หรือ 7 วัน) ครอบคลุมทุกพื้นที่ในฮอกไกโด มีแบบระยะเวลา 5 วันและ 7 วัน จำเป็นต้องใช้ติดต่อกันหลังจากเปิดใช้วันแรก เราจะสามารถเดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่น, รถบัส หรือรถไฟด่วน/ด่วนพิเศษสาย JR Hokkaido เที่ยวหลายเมืองในฮอกไกโด เช่น Hakodate, Otaru, Niseko, Furano, Asahikawa, Nemuro ฯลฯ
สนใจซื้อ บัตร JR Hokkaido Pass ภูมิภาคฮอกไกโด (5, 7 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
2. กรณีเที่ยวในฮอกไกโดด้วย และภูมิภาคอื่นๆ ด้วย
บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโดตะวันออกและใต้ (6 วัน) : East South Hokkaido Area พาสนี้ต้องเดินทางระยะเวลา 6 วันต่อเนื่องกันใช้ได้ในแถบคันโต (Kanto),โทโฮคุ (Tohoku) และทางตอนใต้ของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) สามารถใช้ได้ไม่จำกัดทั้งรถไฟด่วนพิเศษ, รถไฟด่วน, รถไฟเร็ว และรถไฟท้องถิ่น รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น จากเมือง Sapporo, Hakodate, Otaru, Hirosaki, Yamagata, Sendai, Nikko, Tokyo ยกตัวอย่าง เช่น วันแรกเราบินมาลงที่ New Chitose Airport (ฮอกไกโด) แล้วเลือกบินกลับจาก Sendai Airport, Narita Airport หรือ Haneda Airport ก็ได้ ถือว่าเที่ยวแบบจากเหนือล่องใต้แบบไม่ต้องย้อนไปมา ให้ไม่เสียเวลาเดินทางจ้า
สนใจซื้อ บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโดตะวันออกและใต้ (6 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
บัตร JR Pass สำหรับโทโฮคุและฮอกไกโดใต้ (6 วัน) : JR Tohoku-South Hokkaido Rail Pass สามารถเดินทางไปเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุ และฮอกไกโดใต้แบบสะดวกสบาย ระยะเวลา 6 วันติดต่อกันสามารถใช้รถไฟสาย JR Hokkaido Lines และ JR East Lines ได้อย่างไม่จำกัดบนรถไฟด่วนพิเศษ, รถไฟด่วน, รถไฟเร็ว และรถไฟท้องถิ่น รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น เช่น จากสนามบิน New Chitose Airport ไป Sapporo, Hakodate, Aomori มุ่งตรงสู่ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) เที่ยว Aomori, Sendai, Aizu เที่ยวหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Miyagi Zao Fox Village) ฯลฯ
สนใจซื้อ บัตร JR Pass สำหรับโทโฮคุและฮอกไกโดใต้ (6 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
3. กรณีเที่ยวแบบครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น
กรณีอยากเที่ยวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่คนละภูมิภาคกันเลย เช่น จากฮอกไกโด (Hokkaido) อยากไปเที่ยวแถบคันโต (Kanto), คันไซ (Kansai) หรือคิวชู (Kyushu) ขอแนะนำ JR All Area Pass บัตร JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14, 21 วัน) : พาสนี้คุ้มมากๆ จ่ายครั้งเดียวสามารถเดินทางเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น เที่ยวได้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นสำหรับ 7, 14 หรือ 21 วัน ใช้รถไฟสาย JR แบบไม่อั้นรวมทั้งรถบัส, เรือเฟอร์รี่มิยาจิม่า, รถไฟชินคันเซ็นทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั้งสาย Tokaido Shinkansen, สาย Akita Shinkansen, สาย Kyushu Shinkansen, สาย Hokkaido Shinkansen, สาย Joetsu Shinkansen, สาย Yamagata Shinkansen และ Hokuriku Shinkansen เป็นต้น (พาสนี้ไม่ครอบคลุมการเดินทางโดยขบวนรถไฟโนโซมิและมิซูโฮะ)
สนใจซื้อ บัตร JR Pass ทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14, 21 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
4. กรณีเที่ยวแบบภูมิภาคคันไซ (Kansai)
เที่ยวแบบครอบคลุมพื้นที่ (5 วัน) สำหรับคนที่อยากเที่ยวยาวหลายๆ วัน ไปได้หลายๆ เมืองในภูมิภาคคันไซ เราแนะนำให้ซื้อ “JR Kansai Wide Area Pass” ครับ นอกจาก 7 จังหวัดหลักของภูมิภาคคันไซแล้ว Pass นี้ยังพาคุณเที่ยวไกลไปถึงภูมิภาค Chugoku ฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น (ไปได้ไกลกว่า JR Kansai Area Pass) ครอบคลุมเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ เช่น โอกายามะ โอสึ ทากามัตสึ อามาโนะฮาชิดาเตะ คิโนะซากิออนเซ็น ทตโตะริ คิชิ ชิราฮามะ และอีกหลายเมือง (ดูแผนที่ประกอบ) สามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดครั้งไปยังเมืองที่ระบุไว้ตลอด 5 วัน เอาจริงๆ แค่นั่งรถไฟชินคันเซ็น 2 รอบก็คุ้มค่าเกินราคาพาสแล้ว, ใช้ Pass ขึ้นรถไฟ Hello Kitty Shinkansen, นั่งรถไฟความเร็วสูง Sanyo Shikkansen (ยกเว้นระหว่าง Okayama และ Hakata) แบบไม่จองที่นั่งได้ไม่จำกัดเที่ยว และรถไฟด่วนพิเศษ Haruka, Kuroshio, Thunder Bird, Kounotori, Super Hakuto และรถไฟท้องถิ่นได้
เที่ยวแบบคนมีเวลาน้อย (1-4 วัน) ใช้ JR Kansai Area Pass สามารถเที่ยวจังหวัดยอดนิยม รอบๆ โอซาก้า อาทิ มิเอะ ชิกะ เกียวโต นารา วากายามะ เฮียวโกะ (โกเบ, ฮิเมจิ) และโอซาก้า มีให้เลือกตั้งแต่ 1-4 วัน โดยสามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดครั้งไปยังเมืองที่ระบุไว้ และ รถไฟ Kansai-Airport Express “HARUKA” เมื่อนั่งที่นั่งแบบจองล่วงหน้า, รถไฟประเภท Rapid Service หรือ Special Rapid Service หรือประเภท Local ในเส้นทางเดินรถไฟธรรมดาของ JR-WEST, WEST JAPAN JR BUS ใช้ได้เฉพาะกับรถบัสประจำทางภายในเขตพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ไม่สามารถใช้บริการรสบัสด่วนได้
เตรียมความพร้อมก่อนไปสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น สถานที่เที่ยวสุดฮิตของโอซาก้า (Osaka) แม้เที่ยววันธรรมดาคนก็แน่นมากกกกกก!! ถ้าได้วันที่เดินทางไปแล้ว แนะนำให้ซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ญี่ปุ่น (Universal Studios Japan) เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนจะยิ่งทำให้การสะดวก รวดเร็ว มีเวลาเที่ยวมากขึ้น ไม่เสียเวลาต่อคิว หรือต่อแถวซื้อบัตรด้านหน้าทางเข้า
- สนใจซื้อ JR Kansai Wide Area Pass ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
- สนใจซื้อ JR Kansai Area Pass ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
- สนใจซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกแบบสตูดิโอพาส ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
- สนใจซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกแบบสตูดิโอพาส ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
- สนใจซื้อ บัตรเอ็กซ์เพรสพาส 7 (Express Pass 7) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
- สนใจซื้อ บัตรเอ็กซ์เพรสพาส 4 (Express Pass 4) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
15 พิกัดสุด Beyond ใน “ซัปโปโร (Sapporo) และเมืองใกล้เคียง”
มาสำรวจ 15 พิกัด สุด Beyond ที่เหมาะจะขับรถเที่ยวบนเกาะฮอกไกโดกันดีกว่า ทริปนี้เรามีเวลาประมาณ 5-6 วัน อยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ ดื่มด่ำบรรยากาศ ไม่เน้นอัดที่เที่ยวเยอะๆ เราเลยเน้นเที่ยวโซน “ซัปโปโร (Sapporo) และเมืองใกล้เคียง” อย่าง บิเอะ (Biei), ฟุราโน (Furano), โนโบริเบ็ทซึ (Noboribetsu) และโจซังเค (Jozenkai) มาครับ!! มาดูกันว่า 15 พิกัด สุด Beyond ที่เหมาะจะขับรถเที่ยว มีที่ไหนกันบ้าง!!
1. Shirogane Blue Pond
นี่คือ หนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของฮอกไกโดที่เราอยากมาเห็นด้วยตาตัวเองนานแล้ว บึงน้ำสีครามกับเหล่าตอไม้สีดำที่ขึ้นเรียงรายเหมือนเสาหลายร้อยหลายพันต้น เป็นภาพแปลกตาระดับ Hokkaido only จริงๆ
ยิ่งพอเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นไม้รอบ ๆ จะกลายเป็นสีเหลืองแดงยิ่งขับให้ Blue Pond ดูโดดเด่นมากกว่าฤดูไหน ๆ ลองจินตนาการถึงเฉดสีเหลือง แดงสด ตัดกันกับสีน้ำเงินครามและดำ สวยจับใจเลยล่ะคุณเอ๋ย!!
สีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของ Blue Pond นั้น เกิดขึ้นจากแร่ Aluminium Hydroxide ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในบริเวณนี้ แต่เดี๋ยวก่อน!! แร่ธาตุชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นกรดนะ อย่าเผลอเอามือจุ่มลงไปในน้ำล่ะ!!
ใครที่ชม Blue Pond แบบไม่เหมือนใคร แนะนำให้มาดูช่วงกลางคืนครับ เค้ามี Light up ด้วย (เราก็ยังไม่เคยเห็นของจริง) เราเคยเห็นภาพใน Internet สวยแปลกตาดีไปอีกแบบ ยิ่งถ้าเช่ารถขับสิ่งสะดวกเลยล่ะ!!
ในส่วนของการเดินทางนั้นสะดวกมาก สระแห่งนี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง “บิเอะ (Biei)” รถยนต์เข้าถึงได้ ที่จอดรถมีเยอะ จอดรถแล้วเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงเลย ผู้สูงอายุและคนพิการก็มาเที่ยวได้ครับผม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Kamikawa District, Hokkaido 071-0235, Japan
Map Code : 349 569 814*88
โทรศัพท์ : +81 166-94-3355
ค่าเข้า : ไม่เสียค่าเข้าชม และค่าจอดรถ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/7kFzKmYUcAQgoCck8
2. Shirahige Waterfall
มาถึง Blue Pond แล้วถ้าไม่แวะน้ำตกชิโรฮิเงะ (Shirohige) นี้ถือว่าผิด น้ำตกนี้สูงถึง 30 เมตร มีความสวยงามติด Top 5 ของเกาะฮอกไกโดเลยทีเดียว!! อยู่ห่างจาก Blue Pond แค่ 3 กิโลเมตร ขับรถประมาณ 5 นาทีเอง มาเถอะ สวยจับจิตมากจ้า!!
การจะชมน้ำตกนี้ ต้องชมจากบนสะพานเท่านั้นนะครับ ด้วยความที่แร่ธาตุที่ทำให้น้ำตกนี้เป็นสีฟ้า อาจเป็นอันตรายหากผู้คนจะลงไปเล่นน้ำครับ
อ้อ!! ก่อนกลับแวะซื้อไอศกรีม Cremia บริเวณทางเข้าน้ำตกด้วยนะ เป็นไอศกรีมสุดโปรดของยัยหมวยเลย ยิ่งเป็นนมฮอกไกโดแล้ว ยิ่งอร่อย หอม หวาน เข้มข้นเชียวล่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Shirogane, Biei, Kamikawa District, Hokkaido 071-0235, Japan
Map Code : 796 182 604*74
โทรศัพท์ : +81 166-92-4321
ค่าเข้า : ไม่เสียค่าเข้าชม และที่จอดรถ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/HxoKjxNmiA4Trwiz5
3. ฟาร์มดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai No Oka)
เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) นั้น ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งทุ่งดอกไม้ ด้วยความที่มีพื้นที่เยอะ ดินดี ภูมิอากาศก็เหมาะสม ช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวจึงหลั่งไหลมา “ฮอกไกโด (Hokkaido)” เพื่อเที่ยวชมดอกไม้กันเยอะมาก!!
สำหรับใครที่ชอบทุ่งดอกไม้ ชอบ Landscape สวยๆ เราแนะนำให้มาเที่ยวฟาร์มดอกไม้ “ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)” ครับ ที่นี่สวยปังอลังการ สมฉายา “Tuscany แห่งญี่ปุ่น” คุ้มค่าที่จะขับรถมาเยือนจริงๆ พี่จ๋า!!
ทิวเขาสลับซับซ้อน กับพื้นที่กว้างไกล สุดลูกหูลูกตาของฟาร์มดอกไม้แห่งนี้ คือแปลงปลูกดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้ง ดอกลาเวนเดอร์, ดอกดาวกระจาย, ดอกทิวลิป, ดอกทานตะวัน รวมถึงผลิตผลทางการเกษตรอีกหลายชนิด เมื่อช่วงฤดูร้อนมาถึง ดอกไม้หลากสีเหล่านี้จะพากันบานสะพรั่งเป็นแนวยาว เรียงสลับสีกันเต็มเนินเขาไปหมด สวยงาม ตรึงตรา ราวกับพรมหลากสีเลยทีเดียว!!
แต่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึง ความงามของทุ่งดอกไม้จะถูกแทนที่ด้วยวิวของ Landscape ของภูเขาสลับซับซ้อนที่ถูกแซมด้วยต้นเมเปิ้ลและหมู่ใบไม้สีแแดงสลับเหลืองแทน ความสวยงามร้อนแรงหลากสีในช่วงฤดูร้อน จึงกลายเป็นความสวยสงบนิ่งในฤดูใบไม้ร่วงแทน
ภาพความงามของฟาร์มดอกไม้ “ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)” เป็นสัญลักษณ์นึงของเมือง “บิเอะ (Biei)” ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง “ซับโปโร (Sapporo)” จะเดินทางมาเที่ยวฟาร์มดอกไม้แห่งนี้แนะนำว่าขับรถมาเองสะดวกสุด เพราะถ้าจะมาด้วยขนส่งสาธารณะจะใช้เวลาเยอะและเดินทางยากอยู่สักหน่อย คุณต้องนั่งรถไฟ JR มาลงสถานี “บิเอะ (Biei)” แล้วต่อรถบัสมาที่ฟาร์มครับ
ด้วยความสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกล อาจจะไม่สะดวกเดินทางด้วยรถสาธารณะ ขอแนะนำ ทัวร์ฟุราโนะ และฟาร์มโทมิตะหนึ่งวัน พร้อมทานเมล่อนได้ไม่อั้น (เดินทางจากซัปโปโร) ในโปรแกรมจะพาไปชมธรรมชาติแลนด์สเคปสวยๆ ที่ Sunagawa Highway Oasis และ Patchwork Biei, ทุ่งดอกไม้สีสันสดใสสุดสายตาของ Farm Tomita และ Shikisai-no-oka (สวยๆ แบบในรูปด้านบน), ชมทิวทัศน์อันสวยงามของเทือกเขาไทเซ็ตสึจากหอดูดาวโฮคุเซอิโนะโอกะ, ชมกระท่อมไม้ในฝัน และ Ningle Terrace ที่มีชื่อเสียง, อิ่มอร่อยกับบุฟเฟ่ต์กับเมล่อนแบบทานได้ไม่อั้น (สำหรับมื้อกลางวัน) และกลับไปยัง Sapporo TV Tower ในซัปโปโร
สนใจ ทัวร์ฟุราโนะและฟาร์มโทมิตะหนึ่งวัน พร้อมทานเมล่อนได้ไม่อั้น (เดินทางจากซัปโปโร) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Japan, 〒071-0473 Hokkaido, Kamikawa District, Biei, Shinsei
โทรศัพท์ : +81 166-95-2758
ค่าเข้า : ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีไม่เสียค่าเข้าชม และที่จอดรถ
MAPCODE :349 701 160
Website : https://www.shikisainooka.jp/en/
พิกัด : https://maps.google.com/?cid=12176949506243369022
4. Furano Cheese Factory (โรงงานชีสฟูราโน่)
อีกหนึ่งพิกัดขับรถเที่ยวเองรอบๆ “ซัปโปโร (Sappro)” ที่เราไม่อยากให้พลาด คือที่นี่ครับ “Furano Cheese Factory (โรงงานชีสฟูราโน่)” ใครๆ ก็รู้ว่านมกับชีสของเกาะ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” นั้นขึ้นชื่อขนาดไหน ถ้าอยากทานของอร่อย ต้องแวะๆๆๆๆ
ความดีงามของ “Furano Cheese Factory (โรงงานชีสฟูราโน่)” ก็คือคุณสามารถเห็นกระบวนผลิตชีสท้องถิ่น “คาเมมเบิร์ท (Camembert)” ได้สดๆ ผ่านกระจกเลย ชีส “คาเมมเบิร์ท (Camembert)” เป็น “ชีสดำ” ที่ทำจากหมึกของปลาหมึกซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ครับ
นอกจากนี้เรายังได้ซื้อหาผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากนมและชีสคุณภาพดีของเมืองฟูราโน่ได้ได้เลยครับ มีทั้ง ไอศครีม, นมวัว (นมฮอกไกโดรสเข้มข้น), ชีสเค้ก, ชีสก้อน, ชีสแผ่น ฯลฯ บอกเลยว่า ไอศครีมรสนมฮอกไกโด, รสเมล่อน และชีสเค้ก ของที่นี่ อร่อยโคตรๆ เลยครับผม!!!
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Naka5ku, Furano, Hokkaido 076-0013, Japan
โทรศัพท์ : +81 167-23-1156
ค่าเข้า : ไม่เสียค่าเข้าชม และที่จอดรถ
MAPCODE : 550 840177
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/UPt4gRPjUzFo51dt9
5. Jigokudani or Hell Valley (หุบเขานรก จิโกะคุดานิ)
“หุบเขานรก จิโกะคุดานิ (Jigokudani Hell Valley)” เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” สารภาพว่ารู้จักที่นี่เพราะหนัง “แฟนเดย์” เลยล่ะ ซีนสวยโรแมนติกซะขนาดนั้นมีหรือจะไม่ตามรอย พอได้มาเห็นจริงๆ นี่ตะลึงไปเลย!! สวยกว่าในหนังเป็นสิบๆ เท่า!!
ส่วนตัวเราว่าช่วงใบไม้แดงนี่สวยสุดๆ แล้วครับ สวยกว่าช่วงหิมะตกตอนฤดูหนาวซะอีก!! เห็นแล้วลืมซีนในหนังไปหมดเลย ประทับใจมากอยากให้ทุกคนได้มาเห็นด้วยตัวเองเลยล่ะ!!
และด้วยความที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบนเกาะ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” ใครๆ ก็ต้องมุ่งหมายจะมาเที่ยวชมกันทั้งนั้น ทั้งทัวร์ญี่ปุ่น ทัวร์ไทย ทัวร์จีน และทัวร์ฝรั่ง มากันครบหมด!!! 55555 ถ้าเราเดินทางมาที่นี่ด้วยขนส่งสาธารณะ รับรองเลยว่า… นักท่องเที่ยวเพียบ!!!
แต่ถ้าขับรถยนต์มาเองละก็สบายมว๊ากก!!! แนะนำให้นั่งรอชิลล์ๆ บนรถก่อนได้เลย จะรอให้แสงสวยๆ ฟ้าใสๆ หรือจะรอให้นักท่องเที่ยวบางตาก่อน แล้วค่อยเดินเฉิดฉายลงไปถ่ายรูปตอนไหนก็ได้!!! แค่นี้วิวมหัศจรรย์ไร้ผู้คนแบบนี้ก็จะเป็นของคุณ!!!
ภาพชุดนี้เราถ่ายหลังจากฝนหยุดครับ เพราะตอนที่ไปถึงฝนตกค่อนข้างเยอะ เลยเลือกจอดรถตรงจุดจอด แล้วรอให้ฝนหยุดก่อน หลังจากที่ฝนชะฝุ่นในอากาศจนฟ้าใสแล้ว เราก็เดินสวยๆ ลงมาถ่ายภาพ โดยแทบจะไม่มีใครมาบังวิวแม้แต่น้อย!!! ขับรถมาเที่ยวก็ดีแบบนี้แหล่ะ!!
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 無番地 Noboribetsuonsencho, Noboribetsu, Hokkaido 059-0551
เวลาทำการ : ทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00–18:00 น.
ค่าเข้า : ไม่เสียค่าเข้า แต่เสียค่าที่จอดรถ 500 เยน
MAPCODE : 603 288 368*85
พิกัด : https://goo.gl/maps/K53dn8bzZPupEg6V6
6. Amano Family Farm
อีกหนึ่งความดีงามของการขับรถยนต์เที่ยวเอง คือการที่ทำให้เราได้มาลิ้มรสร้านเนื้อย่างขั้นเทพที่ Amano Family Farm แห่งนี้ครับ!! บอกเลยว่าร้านนี้กลายเป็นร้านเนื้อย่างอันดับ 1 ในใจเราไปเรียบร้อยแล้ว พี่เบิร์ดธงไชยมากินร้านนี้ 6 ครั้ง อาต๋อยไตรภพมากินอีกไม่รู้กี่ครั้ง มาครับ!! นี่คือร้านเนื้อย่างที่ควรมากินสักครั้งก่อนตาย!! 55555 (เว่อร์ไปไหมเนี่ย!?)
ร้าน Amano Family Farm นี้ ตั้งอยู่ที่เมือง “ชิราโออิ (Shiraoi)” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมือง “โนโบริเบทสึ (Noboribetsu)” ถ้ามาเที่ยว “หุบเขานรก จิโกะคุดานิ” ก็สามารถแวะมาอิ่มอร่อยที่ร้านนี้ได้ครับ
เมือง “ชิราโออิ (Shiraoi)” นั้นขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวัวที่อร่อย รสชาติมีเอกลักษณ์ ทำให้มีฟาร์มวัวหลายแห่งที่มีร้านเนื้อย่างของตัวเอง ซึ่ง Amano Family Farm คือ Top ของฟาร์มวัวแห่งเมือง “ชิราโออิ (Shiraoi)” ไม่แค่นั้น ฟาร์มนี้ยังเป็นอันดับ 1 ของ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” เลยทีเดียว!!
บรรยากาศ Farm Restaurant ของทางร้านนั้นดูอบอุ่น เรียบง่าย มีที่จอดรถสะดวกสบาย ภายในร้านมีหน้าต่างบานใหญ่เกือบรอบร้าน ให้เราได้นั่งทานอาหารไปพร้อมๆ กับชมวิวชนบทไปด้วย โต๊ะอาหารจะเป็นโต๊ะไม้หนาๆ เจาะรูตรงกลางเพื่อวางเตาย่าง ซึ่งเตาที่ใช้ย่างนั้นจะเป็นสไตล์เตาถ่านไม้โบราณ เวลาย่างเนื้อจะได้ทั้งกลิ่นเนื้อและกลิ่นถ่านไม้หอมๆ เวรี่คลาสสิคเลยครับ
เซ็ทที่เราสั่งคือ “Selected Premium beef และ Rib & Loin”
เนื้อวัวชิราโออิ (白老牛) ของทางร้าน เป็นเนื้อคุณภาพสูง ที่มาจากฟาร์มของทางร้านเอง เอกลักษณ์ของเนื้อวัว “ชิราโออิ” นั้น จะไม่เหมือนพวกวากิว A4 – A5 นะครับ คือจะไม่ละลายในปาก แต่เคี้ยวสนุก หนึบหนับ ทานง่าย ตัวเนื้อมีความชุ่มฉ่ำมาก เห็นได้จากลายหินอ่อนบนเนื้อที่สวยงาม สีของเนื้อก็สวย ย่างแล้วได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อมีจุดหลอมเหลวต่ำ ย่างแค่แป๊บเดียวเนื้อก็สุกนุ่มทานได้แล้ว!!
เรายังจำคำแรกได้ไม่ลืม!!! รสชาติของเนื้อและน้ำเนื้อที่พุ่งเข้าปาก มันช่างนุ่มลิ้น เคี้ยวอร่อยประทับใจมากๆ แทบไม่มีกลิ่นเนื้อวัวเลย มีแต่กลิ่นหอมๆ ของธัญพืชมาแทน ถ้าคะแนนเต็ม 10 เราให้ไปเลย 100 คะแนนน!!!!
สำหรับใครที่ไม่ทานเนื้อ ไม่ต้องเครียดครับ ทางร้านมีไก่หมักพริกไทยดำ และไส้กรอกหมูขายด้วย รสชาติก็นุ่มอร่อยดีเช่นกัน แต่ถ้าจะให้ดี ทานเนื้อเถอะครับ ฟินกว่าเยอะ 5555
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 776-125 Shiraoi, Shiraoi-cho, Shiraoi-gun, Hokkaido 059-0900, Japan
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
โทรศัพท์ : +81-144-82-5493
พิกัด : https://goo.gl/maps/GQrbB54WdgfUw5qAA
7. Tokachi butadon ippin (十勝豚丼 いっぴん 札幌北十条店)
เมนูข้าวหมูย่างที่หน้าตาดูธรรมดาๆ แต่โอ้โห!! รสชาตินี่ไม่ธรรมดาเลย!! หมูย่างร้านนี้เป็นอาหารดังจากเมือง “โอบิฮิโระ (Obihiro)” ของ “ฮอกไกโด (Hokkaido)” ปัจจุบันโด่งดังจนมีสาขาในตัวเมือง “ซัปโปโร (Sapporo)” ถึง 5 สาขาแล้วครับ!! ไม่ต้องไปไกลถึง “โอบิฮิโระ (Obihiro)” แล้ว
เอกลักษณ์ของทางร้าน คือ ใช้เนื้อหมูเกรดพรีเมี่ยม ไม่ติดมันมาก นำมาหมักด้วยซอสสูตรพิเศษ แล้วย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น ก่อนเสิร์ฟจะราดด้วยซอสสูตรลับของทางร้าน ยิ่งเพิ่มรสชาติอร่อยให้เข้มข้นขึ้นไปอีก!!
วิธีการสั่งก็ไม่ยุ่งยากครับ (เค้ามีเมนูภาษาอังกฤษให้) วิธีคือให้เราเลือก ปริมาณข้าว, เลือกปริมาณหมูย่าง, เลือกว่าจะให้หั่นเนื้อหนา-บางแค่ไหน, เลือกว่าจะใส่ต้นหอมซอยหรือไม่ และเลือกได้ว่าจะใส่ซอสมาก-น้อยแค่ไหน ราคาก็สัมพันธ์กับปริมาณที่เราเลือกนั่นล่ะครับ
อ้อ!! แนะนำให้สั่งน้ำซุปมาทานคู่กันนะครับ น้ำซุปร้านนี้อร่อยซะจนอยากจะสั่งมาซดเปล่าๆ โดยเฉพาะ “Pork Miso Soup” ซุปมิโซะหนักเครื่อง!! จัดเต็ม ทั้งเต้าหู้, มันฝรั่ง, ไข่ต้มยางมะตูม เป็นซุปที่เข้มข้นมาก หวานหัวหอมและต้นหอมญี่ปุ่น สั่งมาทานกับข้าวหน้าหมูย่าง อร่อยลงตัวเลยครับคุณ!!
รีวิวรสชาติ
ข้าวหน้าหมูย่างร้านนี้ รสชาติจะคล้ายๆ กินหมูปิ้งครับ ซอสรสเข้มข้นแต่ไม่หวาน เนื้อหมูนุ่มแน่น ไม่มีไขมันแทรก (ไม่เหมือนหมูปิ้งติดมันบ้านเรา) เวลาทานจะได้กลิ่นไหม้นิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีจริงเชียว เนื้อหมูนี่หมักมาดีจริง รสชาติเข้มข้น รู้เลยว่าเค้าตั้งใจหมักให้เคี้ยวได้อร่อย ส่วนตัวข้าวญี่ปุ่นมีความพิเศษ ข้าวเกาะกลุ่มเหนียวติดกันดีไม่แฉะ คีบง่าย เข้ากันดีกับหมูย่างเลยครับ รสชาติร้านนี้เราให้คะแนน 5/5 ไปเลย!!
เราทานที่สาขา “Tokachi Pork Bowl Ippin Teine” เพราะเป็นร้าน Stand Alone มีที่จอดรถรถหน้าร้านเยอะ ฟรีค่าจอดรถด้วย ซึ่งถ้าใครสะดวกในห้างฯ ก็แนะนำสาขา “Sapporo Stellar Place”
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 4 Chome-1-21 Kita 9 Johigashi, Higashi Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0909, Japan
โทรศัพท์ : +81 11-741-8555
เวลาทำการ : 11:00-23:00 น.
Website : http://www.butadon-ippin.com/
พิกัด : https://goo.gl/maps/mfxkkFp3ehqLeCj58
8. Jozankei “โจซังเค” + สะพานสีแดง Jozankei Futami Suspension Bridge
เป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติ Shikotsu-Toya National Park ขับรถ 40 นาทีจากเมือง Sapporo ก็ถึงแล้ว ถือว่าเป็นเมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเมืองซัปโปโรที่สุด นอกจากจะเป็นสถานที่ฮิตที่แช่ออนเซ็นแล้ว ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางเดือนตุลาคมอีกด้วย ซึ่งบริเวณ “Jozankei Dam” จุดสันเขื่อนก็เป็นอีก 1 จุดที่ชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้ทั้งหุบเขา พร้อมกับชมความยิ่งใหญ่ของเขื่อน
มาถึง โจซังเค (Jozankei) แล้ว แนะนำให้แว๊บไปที่ “สะพานแขวนสีแดง (Jozankei Futami Suspension Bridge)” ด้วยนะ สะพานแดงนี้ถือเป็นมุมไฮไลท์เลย เพราะมุมภาพบนสะพานสวยมาก ถ่าย Portrait ก็ปัง ถ่ายวิวก็ดี มองเห็นธารน้ำและธรรมชาติรอบๆ ยิ่งช่วงใบไม้แดงนี่ยิ่งสวย!!
จะไปถึงสะพานแดง เราต้องจอดรถครงจุดแช่เท้าสาธารณะ “Jozenkei Gensen Park” แล้ว เดินเท้าทะลุเข้าไปในสวนสาธารณะ จะมีทางเดินเชื่อมไปถึงสะพานเลย ใช้เวลาเดินราวๆ 5-7 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Japan, 〒061-2302 Hokkaido, Sapporo, Minami Ward, 定山渓温泉西4丁目
เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ที่จอดรถ : ฟรี
MAPCODE : 708 754 439
พิกัด : https://goo.gl/maps/MqiGYk1BaSEhgdQo9
9. Hill of The Buddha (頭大仏殿)
“จะพุทธหรือไม่พุทธ ก็มาเยี่ยม Buddha ได้เสมอ” เนินแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of the Buddha, 頭大仏殿) ตั้งอยู่ทางเหนือของ Sapporo ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของทาดาโอะ อันโดะ (Tadao Ando) สถาปนิกชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัลพริตซ์เกอร์ที่ถือว่าที่สุดรางวัลของสถาปนิก และยังได้สมญานามว่า “ปรมาจารย์สถาปนิกมินิมอล” ซึ่งมีสไตล์เฉพาะตัวจนโด่งดังระดับโลก ที่นี่เป็นการออกแบบที่ผสานความงามของแสง ธรรมชาติ และฤดูกาล เป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยมีลักษณะเป็นเนินเขาล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูป Atama Daibutsu มีความสูงมากถึง 13.5 เมตรและมีน้ำหนัก 1500 ตัน พื้นที่ที่ล้อมรอบจะมีค่อยๆ ลาดลง อีกทั้งรายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่จะสามารถเห็นต้นลาเวนเดอร์จำนวนกว่า 150,000 ต้นล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูป ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นกับความงดงามจากธรรมชาติ มองดูแล้วประหนึ่งเป็นผลงานศิลปะชั้นเอกที่หาดูได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
วัตถุประสงค์ในการออกแบบผลงานชิ้นนี้คือ สร้างขึ้นเพื่อให้เห็นถึงอีกแง่มุมหนึ่งของพระพุทธศาสนา โดยให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมพระพุทธศาสนาได้ท่ามกลางความเงียบสงบอย่างแท้จริงเพราะเป็นส่วนหนึ่งของสุสาน Makomanai Takino Cemetary อีกทั้งยังสามารถชมในวิวทิวทัศน์ในทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีแลดูร่มรื่นร่มเย็น ช่วงฤดูร้อนที่จะแวดล้อมได้สีม่วงของต้นลาเวนเดอร์ และช่วงฤดูหนาวที่เหมือนอยู่ท่ามกลางความขาวสะอาดของหิมะที่ขาวโพลน โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนถือว่าเป็นช่วงที่สวยงามและได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว บางมุมจะสามารถมองเห็นเศียรพระพุทธรูปโผล่พ้นมาเพียงเล็กน้อยอยู่ท่ามกลางลาเวนเดอร์นับแสนต้น
อีกจุดหนึ่งที่พลาดไม่ได้นั่นคือการเดินลอดไปตามอุโมงค์ที่มาความยาว 40 เมตร ที่เมื่อเดินไปจนถึงจุดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่อยู่บริเวณปลายทางของอุโมงค์แล้วมองย้อนขึ้นไป จะมองเห็นเหมือนมีแสงสะท้อนอยู่รอบๆองค์พระพุทธรูปเปรียบเสมือนรัศมีแสงแห่งฟ้า ซึ่งไม่สามารถมองได้จากทางด้านนอก ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทางสถาปนิกตั้งใจออกแบบเพื่อให้ทุกๆส่วนมีความพิเศษไม่แพ้กัน นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Unseen Hokkaido สถานที่ที่มีความมหัศจรรย์และคุ้มค่าอย่างยิ่งสำหรับการมาเยือน
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Japan, 〒005-0862 Hokkaido, Sapporo, Minami Ward, Takino, 2
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09:00 -15:00 น.
โทรศัพท์ : +81 11-592-1223
MAPCODE: 9 045 078*08
พิกัด : https://goo.gl/maps/rczrx5L1u6kFtsaUA
10. ข้าวหน้าแกงกะหรี่ 山小屋咖哩 Vege
ถ้ามาเที่ยวที่ Hill of The Buddha แล้ว เราแนะนำให้มาทานข้าวแกงกะหรี่ที่นี่ด้วย บอกเลยว่าเด็ดจริง!! ตอนนี้ยัยหมวยยกให้เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่อันดับ 1 ในใจเลย!! ร้านนี้ห่างจาก Hill of The Buddha เพียง 5 นาที ระยะทาง 3.2 กม.เองนะ
ร้านเป็นบ้านญี่ปุ่นที่ตกแต่งเรียบง่าย ดูสะอาด บรรยากาศสบายๆ อบอุ่น มีที่จอดรถด้านข้างร้าน จะเน้นขายแกงกะหรี่สูตรโฮมเมดอย่างเดียว รสแกงกระหรี่เข้มข้น กลิ่นหอม มีให้เลือกให้ทานคู่กับข้าว หรือราเมน
วิธีการสั่ง จะเริ่มจากเลือก…
- แบบของซุปแกงกะหรี่ ซึ่งมีให้เลือกทั้งเนื้อไก่, หมู, ซีฟู้ด, ผัก, เบคอนและชีส
- น้ำซุปมี 4 แบบให้เลือก คือ ซุปมาตรฐาน, ซุปเพิ่มน้ำมะพร้าว, ซุปเพิ่มซอสถั่วเหลือง และเพิ่มซุปกุ้ง ( 3 แบบหลังจะเสียเพิ่ม 100 ¥)
- ความเผ็ดมี 15 ระดับ (ซึ่งระดับ 11-15 จะเสียเพิ่ม 100 ¥)
- ปริมาณข้าวมี 6 แบบให้เลือกตั้งแต่ไม่เอาข้าว – ไซส์ LL ขนาด 400 g.
- เพิ่ม Topping เช่น บล็อกโคลี่, เห็ด, เต้าหู้, รากบัว, ลูกชิ้นไก่, ชีสทอด, ขาไก่, แฮมเบอร์เกอร์, เบคอน, หอยนางรมทอด และอื่นๆ ซึ่งจะเพิ่มราคาตั้งแต่ 50¥ – 400 ¥
หลังจากที่เราทานแล้ว ทุกคนลงคะแนนเสียงว่า เป็นข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่รสชาติดีมาก หอมผงกะหรี่ รสอูมามิกลมกล่อมมากกกก ทานเยอะแล้วไม่เลี่ยน ในซุปใส่ทั้งแครอท บล็อกโคลี่ มันฝรั่ง ฟักทอง มะเขือยาว ไข่นกกระทา ข้าวโพดอ่อน และเนื้อสัตว์ที่เราเลือก ได้ฟิลเหมือนทานซุปจริงๆ ที่รสหวานน้ำต้มผักเหมือนแม่ต้มให้ทานที่บ้าน สรุปแล้วดีงาม อร่อยๆๆ ห้ามพลาดร้านนี้นะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 2 Chome-97-22 Tokiwa 5 Jo, Minami Ward, Sapporo, Hokkaido 005-0855, Japan
โทรศัพท์ : +81 11-215-0080
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/E3UnwrtktvrbtmQW6
11. อุโมงค์แปะก๊วยที่ Hokkaido University
นอกจากจะเป็นแหล่งรวมด้านการศึกษาแล้ว ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมหาวิทยาลัยฮอกไกโดยังเป็นที่รวมตัวของผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปอีกด้วย เพราะตลอด 2 ข้างทางเดินในมหาวิทยาลัยจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอุโมงค์ต้นแปะก๊วย สีเหลืองอร่าม และเมื่อยามใดที่ลมพัด เหล่าใบไม้เหลืองก็จะร่วงสู่พื้น
การมาเที่ยวชมมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นเป็นสัญญาณเตือนเข้าสู่ฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีแห่ง Sapporo นอกจากนี้ถ้าคุณเดินลึกเข้าไปในมหาวิทยาลัยบริเวณอาคารฟาร์มโคนมเก่า จะเห็นตึกสไตล์ยุโรปโบราณพร้อมโรงนาอยู่ท่ามกลางดงเมเปิ้ล นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปสนุกมาก โดยเฉพาะช่วงเช้าเพราะแสงเงาบริเวณนี้สวยจริงๆ ทำให้ทุกย่างของการชมใบไม้ เหมือนต้อนรับด้วยการปูพรมสีเหลืองของใบแปะก๊วยที่ร่วงหล่น แล้วยังมีอุโมงค์อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 5 Chome Kita 8 Jonishi, Kita Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0808 ญี่ปุ่น
โทรศัพท์ : +81 11-716-2111
ที่จอดรถ : จอดรถในมหาวิทยาลัยได้เลย เสียค่าจอดตามชั่วโมง
MAPCODE : 9 551 719*27
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/2zwuwBj3FinVY82t5
12. Seafood Buffet NANDA
ร้านนี้เกิดมาเพื่อตอบโจทย์คนชอบจัดหนัก เพราะรวมแทบทุกเมนูขึ้นชื่อของฮอกไกโดเอาไว้ให้คุณได้ทานแบบ All you can eat!!! ไม่ว่าจะเป็น ขาปูยักษ์ (ปูทาราบะ), ปูหิมะ, เนื้อวากิว, ลิ้นวัว, หมูคุโรบูตะ (สายพันธุ์ดีสุดของฮอกไกโด), เนื้อแกะ, หอยเชลล์ยักษ์ (หอยโฮตาเตะ), หอยนางรม, ซูชิพรีเมี่ยม, ซาชิมิสดๆ จากทะเล, ฯลฯ รวมถึง Soft Drink
คุณจะมีเวลา 70, 80 หรือ 100 นาที ในการทาน (ราคาจะถูกจะแพงขึ้นกับระยะเวลา)
หมายเหตุ :
- ถ้าต้องการดื่มแอลกอฮอล์แบบ Free Flow ต้องจ่ายเพิ่มอีกนิดครับ แต่คุ้ม!!
- ร้านนี้รับชำระเงินเป็นเงินสดนะครับ
- มีบริกรเป็นคนไทยอยู่ด้วย คนไทยไปทานสื่อสารได้สบาย
- ลูกค้าที่ร้านเยอะ ใครจะมาทาน แนะนำให้จองล่วงหน้านะ
(กรณีจองผ่าน Website: http://g-nanda.com/reservation จะจองได้ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ซึ่งถ้าน้อยกว่า 3 คน แนะนำให้โทรจองครับ ร้านนี้มีพนักงานคนไทยคอยบริการ จะผ่านโทรศัพท์ได้ไม่ยากเลย)
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ :〒060-0004 Hokkaido, Sapporo, Chuo Ward, Minami 5 Jonishi, 2 Chome
โทรศัพท์ : +81 11-532-7887
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน (Lunch : 11: 00-16: 00 และ Dinner: 16:00-22:00)
Website : http://g-nanda.com
การเดินทาง : ลง Subway Toho line ที่สถานี Hosui-Susukino Station Exit 4 แล้วเดิน 2 นาที ลงไปชั้นใต้ดิน B2F ของตึก Cyber City
พิกัด : https://goo.gl/maps/WQEt6WeMkwnBxTJP9
13. Nakajima Park
อีกหนึ่งพิกัดที่เหมาะจะดื่มด่ำกับสีสันของฤดูใบไม้แดงในเมือง “ซัปโปโร (Sapporo)” ก็คือที่ Nakajima Park ครับ ถ้าคุณตระเวนเที่ยวชมใบไม้แดงใน “ซัปโปโร (Sapporo)” จนทั่วแล้ว แวะไปดื่มด่ำความสวย สงบ ร่มรื่น ที่สวนสาธารณะแห่งนี้กันดูครับ ยิ่งช่วงบ่ายแก่ๆ แสงสวยๆ เราจะเห็นผู้คนออกมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจกันเยอะเลย
สวนนี้ landscape สวย มีสระน้ำขนาดใหญ่มีต้นเมเปิ้ล ต้นแปะก๊วย และต้นไม้ทรงสวยๆ อีกหลายชนิด มีเนินเขาเล็ก ๆสลับกับพื้นที่ราบ อากาศสดชื่นเหมาะกับการเดินเล่นถ่ายภาพ จะถ่าย Portrait, พรีเวดดิ้ง หรือถ่ายหรือถ่ายภาพธรรมชาติก็มาเถอะ ที่นี่ครบครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 1 Nakajimakoen, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 064-0931, Japan
โทรศัพท์ : +81 11-511-3924
เวลาทำการ : เปิด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Nakajima-koen Exit 3 เดินประมาณ 1 นาที
MAPCODE : 9 463 362*06
พิกัด : https://goo.gl/maps/Xg6efPxTbFjhVhrY9
14. ชาบู On-yashi
อาหารต้มๆ สไตล์ชาบู เหมาะจะเป็นมื้อพักท้องหลังจากตระเวณกินมาทั้งทริป ผักต้ม หมูต้ม เนื้อต้ม กินได้เยอะๆ ไม่อ้วนหรอก (เนอะๆ) แต่เดี๋ยวก่อน!! ทานชาบู ถ้าเลือกร้านทั่วไปแล้วเราจะเอามาลงในรีวิวเราทำไม!?
ต้องนี่ครับ!! ร้าน Onyashi ร้านชาบูเล็กๆ แต่อบอุ่น (เพราะร้านแคบ) นี่คือร้านชาบูดังแห่ง “ซัปโปโร (Sapporo)” เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว ร้านนี้เป็นร้านประจำของ “เจ ธนาธิป” แห่งทีมฟุตบอลฮอกไกโด (และนักฟุตบอลทีมชาติไทย) เชียวแหล่ะ รูปถ่ายนี่ติดอยู่เต็มร้านเลย 55555
เมนูร้านนี้มีให้เลือกทั้งบุฟเฟ่ต์และตามสั่ง จุดเด่นอยู่ที่น้ำซุป มีให้เลือกหลายรส หลายสไตล์ แถมรสชาติอร่อยได้ใจ!! ส่วนวัตถุดิบก็มีให้เลือกครบ ทั้งหมู, ไก่, เนื้อ โดยเฉพาะเนื้อนี่มีให้เลือกทั้งวากิว ทั้งพรีเมี่ยม อร่อยสุโค่ยไปเลยจ้า!!!
พิกัดร้านนี้นั้นอาจหายากสักนิดนะครับ ตัวร้านตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Toyoko inn สาขาที่ 100 ย่านซูซูกิโนะ ใจกลางเมืองซัปโปโรเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 〒060-0063 Hokkaido, Sapporo, Chuo Ward, Minami 3 Jonishi, 3 Chome, サンスリービル1F
โทรศัพท์ : +81 11-223-8829
พิกัด : https://goo.gl/maps/UNFxN8A2pRWV1BZg6
15. ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish market) + ร้าน Ta Ke E Sushi
เร่เข้ามา เร่เข้ามา!! สายซูชิ สายซีฟู๊ด โปรดเร่เข้ามา!! ใครมาเที่ยว “ซัปโปโร (Sapporo)” แล้วไม่ได้มาทานซูชิ ทานซีฟู๊ดอร่อยๆ ที่ “ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market)” ถือว่าผิด!!!!
“ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market)” แห่งนี้ เปรียบเสมือนห้องครัวของชาวเมือง “ซัปโปโร (Sapporo)” มายาวนานกว่า 100 ปี!! เป็นตลาดสดที่คึกคักและมีชีวิตชีวา เพราะมีทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้าขาประจำแวะเวียนมาเยือนอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าไฮไลท์ของที่นี่คืออาหารทะเลสดๆ จากทะเลฮอกไกโด ใครอยากทานซูชิ, ซีฟู๊ด หรืออยากได้วัตถุดิบกลับไปปรุงอาหารเป็นต้องแวะมาที่นี่กันทั้งนั้น แต่นอกจากอาหารทะเลสดๆ แล้ว ที่นี่ยังมีผลผลิตทางการเกษตรอย่างผลไม้และผักนานาชนิด รวมถึงอาหารแห้งและของฝากวางจำหน่ายด้วย
หลังจากเดินชมตลาดกันจนพอใจแล้ว เราแนะนำให้คุณแวะทานอาหารทะเลสดใหม่กันที่ตลาดเลยครับ “ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market)” มีร้านซูชิ-ซีฟู๊ดที่ทำสดใหม่อยู่หลายร้าน แค่ได้วัตถุดิบสดใหม่จากทะเลมาใช้ทำอาหาร จะร้านไหนก็อร่อยทั้งนั้นแหล่ะคุณ!!
ร้าน Ta Ke E Sushi (โอมากาเซะ เซ็ตละ 3,000 เยน)
ขึ้นชื่อว่า Omakase (ตามใจเชฟ) ไม่จำเป็นต้องแพง แค่ซูชิจานอร่อยที่เชฟเลือกแล้วว่าดี นั่นก็เพียงพอ!! ใครเห็นด้วยกับเรา เรามีร้านนึงจะแนะนำครับ ร้านนี้เป็นร้านซูชิเล็กๆ ในตรอกของตลาดปลา Nijo นี่แหล่ะ รับลูกค้าได้มากสุดแค่ครั้งละ 3 คน โดยมีเจ้าของร้านเป็นพ่อครัวเอง แล้วก็มีภรรยาเป็นผู้ช่วย ร้านนี้ขายเฉพาะเมนู Omakase (ตามใจเชฟ) ในราคาเซ็ตละ 3,000 ¥ (900 บาท) เท่านั้นเองครับ!!
เซ็ต Omakase ของทางร้าน จะประกอบไปด้วยซูชิ 12 คำ วัตถุดิบแต่ละวันไม่เหมือนกัน (ก็บอกแล้วไงว่าแล้วแต่เชฟ 555) แต่วันที่เราไปทานนั้น ทั้ง 12 คำ ประกอบด้วย ไข่ปลาแซลมอน, ไข่หอยเม่น, หอยเชลล์, โอโทโร่, เนื้อปลาแซลมอน, ฯลฯ วัตถุดิบคุณภาพดี สดใหม่มากๆ รสข้าวก็ดี เชฟมีฝีมือ พิถีพิถันมาก ทำให้เราได้ลองทาน Omakase ในราคาที่ใครๆ ก็เอื้อมถึง!!
มาครับ!! มาถึงตลาดปลา Nijo Fish Market แล้ว ลองแวะมาลิ้มรส Omakase ราคาประหยัดกันดู แล้วจะรู้ว่าซูชิถูกและดีมีอยู่ที่นี่ครับผม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Japan, 〒060-0053 Hokkaido, Sapporo, Chuo Ward, Minami 3 Johigashi, 1 Chome -8
โทรศัพท์ : +81 11-251-5362
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07:00 -16:00 น. (ร้านปิดวันอังคารและวันพุธ)
MAPCODE : 9 493 673
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/YSLC55QxHcZ28TmNA