จุดประสงค์เดียวที่เรามา “พุกาม” ก็เพื่อมาดูทะเลเจดีย์ด้วยตาตัวเอง ก่อนที่มันจะล่มสลายไปมากกว่านี้ แต่พอได้มาสัมผัสพุกามเข้าจริงๆ แล้ว เรากลับว่าพุกามซ่อนตัวตนจริงๆ เอาไว้อย่างไม่น่าเชื่อ!! ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไร ติดตามรีวิวนี้ไปด้วยกันนะ

ย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น เกือบ 1,000 ปีก่อน ที่นี่คือราชอาณาจักรแห่งแรกในประวัติศาสตร์เมียนมาร์ (หรือพม่าที่คนไทยเรียก) ที่รุ่งเรืองอยู่ถึง 243 ปี (ช่วง พ.ศ. 1587-1830) โดยมี “พระเจ้าอโนรธามังช่อ” เป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม

ถือเป็นโชคดีของชาวพุกาม ที่ศาสนาพุทธรุ่งเรืองถึงขีดสุดเช่นกันในช่วงเวลานั้น ทำให้พระเจ้าอโนรธามังช่อรับเอาศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ พระองค์สร้างเจดีย์แห่งแรกขึ้น ชื่อ “เจดีย์ชเวซีโกน” จากนั้นกษัตริย์รุ่นต่อๆ มา รวมถึงเสนาบดีและผู้มีอันจะกินทั้งหลายในพุกามก็ระดมสร้างวัด สร้างเจดีย์กันเต็มพื้นที่ไปหมด คงเพราะความเชื่อที่ว่า ยิ่งเล่นใหญ่ เอ๊ย!! ยิ่งสร้างวัดใหญ่โตเพียงใด ยิ่งได้บุญกุศลบารมีมากเท่านั้น

อาณาจักรพุกามเคยรุ่งเรืองขนาดไหนเราคงไม่ต้องบรรยาย เพราะเกือบ 1,000 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างได้พิสูจน์ตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเราต่างหากที่ต้องมาพิสูจน์ความยิ่งใหญ่นั้นด้วยตาของเราเอง จากเจดีย์กว่า 4,446 องค์ วันนี้เหลือแค่ 2,200 กว่าองค์ ไม่รีบมาดูซะวันนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะเหลือให้ดูแค่ไหน

อ่านสักนิดก่อนไปเที่ยวพม่า

เป็น BIG มีแต่ได้กับได้!!

บินกับ AirAsia สะสม BIG Points มีแต่ได้กับได้นะจ๊ะ

  • ได้ลดทันที 40 บาท ทุกเที่ยวบิน เพียงล็อกอินสมาชิก BIG เมื่อจองตั๋วผ่าน airasia.com หรือแอร์เอเชียโมบายแอพ
  • ได้สะสมคะแนน BIG Points ทุกครั้งที่บินกับแอร์เอเชีย! ยิ่งบิน ยิ่งได้เลื่อนสถานะสมาชิก BIG ยิ่งได้คะแนนมาก!
  • ได้ตั๋วคุ้มกว่าใคร เพียงใช้ BIG Points แลกเที่ยวบินฟรี หรือใช้จ่ายค่าตั๋วแทนเงินสดได้
  • ใครยังไม่เป็นสมาชิก BIG โหลดแอพ AirAsia BIG สมัครฟรี แล้วเริ่มสะสม BIG Points ได้เลย: http://bit.ly/2lxTgxW

จากมัณฑะเลย์สู่พุกาม

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว (เที่ยวมัณฑะเลย์แบบคูลๆ) เราเที่ยวเมืองใหญ่จนชุ่มปอด แล้วก็เก็บข้าวของเพื่อเดินทางต่อไปเมืองพุกาม (ปลายทางที่เราฝันถึงมาน๊านนาน) เรามาดูวิธีการเดินทางจากมัณฑะเลย์ไปพุกามกันหน่อยนะ

วิธีการเดินทางนั้นมี 3 วิธี คร่าวๆ ดังนี้

  1. เครื่องบิน (มีเฉพาะสายการบินในประเทศเท่านั้น)
  2. รถส่วนตัวหรือรถ Taxi
  3. รถบัสเดินทางระหว่างเมือง ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขึ้นกับสภาพถนน รอบเดินรถ และมาตรฐานแต่ละบริษัท โปรดตรวจสอบเวลาด้วย

ซึ่งเราเลือกวิธีการที่ 3 นั่งรถบัสเดินทางระหว่างเมือง เพราะเราไม่รีบ เราอยากประหยัดค่าเดินทางและเราอยากสัมผัสบรรยากาศจริงๆ การเดินทางในประเทศนี้!!! จากการหาข้อมูล เราได้ยินกิตติศัพท์ของรถบัสระหว่างเมืองจากมัณฑะเลย์ไปพุกามเยอะมาก ทั้งรถห่วย รถแคบ รถร้อน ยัยหมวยก็เลยพยายามเลือกบริษัทฯ ที่ได้รับคะแนนโหวดสูงสุด นั่นก็คือ OK นะครัส นะครัส ไม่ใช่!! OK Bus ต่างหาก!!!

วิธีการจองรถบัสสำหรับนักท่องเที่ยว

  1. ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน โดยสามารถจองออนไลน์และชำระผ่านบัตรเครดิตได้ที่ http://myanmarbusticket.com/ ระบบไม่ให้จองน้อยกว่า 3 วันเดินทางนะ
  2. แต่สำหรับปุบปับทัวร์ ถ้าจองล่วงหน้าน้อยกว่า 3 วัน ให้เข้าไปที่ Website แล้วคุย Online Chat ถ้ามีที่นั่งเหลือให้จองได้ เค้าจะขอรายละเอียดการเดินทาง จำนวนคน ชื่อ-นามสกุล ฯลฯ เสร็จแล้วทางบริษัท Green Myanmar Travels & Tours Co.,Ltd  จะส่งอีเมลล์ Payment request and Details ให้ชำระเงินออนไลน์
  3. หลังจากชำระเงินแล้วออนไลน์แล้ว เราจะได้  Bus E-ticket ที่ระบุรายละเอียดการเดินทาง เลขที่การเดินทาง หมายเลขรถบัสและที่นั่ง
  4. Print ออกมาติดตัวไว้ เพราะต้องแสดงเอกสารก่อนขึ้นรถ

สิ่งที่ควรรู้เมื่อใช้บริการรถ OK Bus มัณฑะเลย์ – พุกาม

  • รถบัสจะมารับเราที่หน้าโรงแรม และพาไปส่งยังโรงแรมปลายทางที่พุกาม (เฉพาะโรงแรมในย่านเมืองเก่า) ซึ่งการจะให้รถ OK Bus มารับที่หน้าโรงแรม เราต้องแจ้งทาง OK Bus ว่าเราพักโรงแรมไหน ทำได้โดยการส่ง e-mail ไปแจ้ง หรือจะให้ทาง Front Desk ช่วยโทรไปแจ้งล่วงหน้าให้ก็ได้
  • รอบนี้เรานั่งรถเที่ยว 10:00 น. จะใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง (ถึงพุกาม 15:00 น.) รถบางบริษัทและบางรอบอาจใช้เวลามากกว่านี้ โปรดตรวจสอบเวลาด้วย
  • รถบัสจะจอด 1 ครั้งให้เข้าห้องน้ำและให้ทานอาหาร
  • รถบัสจะมารับล่วงหน้าประมาณ 20-30 นาที ควรเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่งั้นตกรถ

หน้าตารถ OK Bus ซึ่งจะเป็นรถมินิบัส

มีน้ำดื่มเย็นๆ แจก คนละ 1 ขวด

ภายในรถ OK Bus มันจะไม่กว้างเท่าไหร่

ประสบการณ์ในการนั่งรถ OK Bus

สำหรับเรามีทั้งด้านบวกและลบ สรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

  1. เป็นมินิบัส จึงไม่มีที่เก็บกระเป๋าใต้ท้องรถ สำหรับนักเดินทางที่มีกระเป๋าใบใหญ่ กระเป๋าเหล่านั้น (รวมถึงสัมภาระอย่างอื่น เช่น ตะกร้าผัก ผลไม้) จะถูกนำไปกองไว้ด้านหน้ารถ บริเวณช่องทางเดินตรงกลาง และใต้เก้าอี้ ขึ้นอยู่กับพนักงานประจำรถจะจัดวาง
  2. คงเป็นเพราะเราโชคร้าย ที่ต้องเจอรถที่แอร์ไม่ค่อยเย็น ดังนั้นควรเตรียมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ควรเตรียมผ้าเย็นไปด้วย และไม่ควรขี้หงุดหงิด
  3. พนักงานบริการดีครับ สอบถามทุกคนว่าขึ้น-ลง รถตรงไหน ช่วยยกกระเป๋า เรื่องงานบริการเราโอเคกับประเทศนี้นะ

หลังจากรถวิ่งมาพักใหญ่ เราจะมาถึงจุดพักรถ สีสันแห่งการค้าขายสไตล์พม่าก็เริ่มต้นอีกครั้ง แค่เพียงเปิดประตูรถ เราก็จะพบแฟนคลับมากมายรอต้อนรับเรา!! กรณีนี้ไม่ใช่แฟนคลับ แต่เป็นแม่ค้าต่างหาก!! 55555 พวกเธอจะมารุมอยู่ตรงทางลงรถบัส ยิ้มแย้ม แก้มประแป้งทานาคา ตะโกนขายของเสียงดัง โดยมีถาดใส่สินค้าเทินอยู่บนศีรษะ โอ๊วแม่เจ้า!!! นี่สิสีสันแห่งพม่า

ฝรั่งบนรถถึงกับผงะ ส่วนเราคนไทยบอกเลยสบายมาก บ้านไอก็มีแบบนี้นะยูว์ เราสองคนเดินฝ่ากลุ่มแม่ค้าลงไปด้านล่างรถ แล้วรีบเก็บภาพทันที สกิลการขายของพวกเธอไม่ได้น่าทึ่งเท่ากับสินค้าที่พวกเธอนำมาขายเลย มันมีอะไรบ้างน่ะเหรอ? ไปดูภาพกันก่อน

ไข่นกกระทา มะม่วง ถั่ว ขนม

อันนี้คือนมทอด เธอตะโกนร้องว่า “มิกกะ มิกกะ” แปลว่า Milk มิลค์

เราลองกินแล้ว พบว่าเรารับได้ แต่เชื่อเถอะคนอื่นรับไม่ได้หรอก

จากซ้ายไปขวา มะม่วง, ไข่นกกระทา,​ มะม่วงปอกแล้ว, ถั่วทอด, ปลาทอดแดดเดียว

ถาดนี้พีคมาก!!! ไม่สามารถระบุได้ว่าในถาดนั้นคือสิ่งมีชีวิตอะไร

ผ่านไปแล้วกับหลากหลายสินค้าน่าสนใจที่เหล่าแม่ค้านำมาขาย คราวนี้มาดูบรรยากาศภายในร้านกันสักนิด ร้านนี้เป็นร้านขายอาหาร ขายขนม เครื่องดื่ม บรรยากาศเหมือนร้านขายอาหารตามต่างจังหวัด หน้าต่างเยอะ โปร่ง ลมพัดสบาย ส่วนลักษณะอาหารจะคล้ายๆ ร้านข้าวแกงบ้านเรา มีผัดผัก มีกุญเชียงทอด แกงผัก ผัดเลือดหมู

ทุกอย่างเหมือนจะดี เพียงแต่ว่า… ถ้ามีคนไหนทานกับข้าวไม่หมด เราแอบเห็นแม่ค้านำอาหารที่เหลือในถ้วยกับข้าว เทกลับลงไปในถาดอาหาร แล้วก็ตักใส่ถ้วยนำมาขายใหม่ นั่นเป็นเหตุผลให้ยัยหมวยและนักท่องเที่ยวต่างชาติบางคนล่าถอยและเดินไปซื้อขนมถุงๆ มากินแทน ถึงเราจะเป็นคนกินง่ายแต่สถานการณ์แบบนี้เราเลือกรักษาสุขภาพเราไว้ก่อนดีกว่า >_<

เราขอย้ำว่า… ไม่ใช่ทุกร้านที่เป็นแบบนี้นะ หลายร้านที่เจอก็สะอาด ถูกหลักอนามัยสไตล์พม่านะ

บรรยากาศในร้าน

หน้าตาอาหารพื้นเมือง ก็ดูคล้ายๆ บ้านเรา

ยัยหมวยขอเลือกทางปลอดภัยดีกว่า

หลังแวะพักทานอาหาร รถก็มุ่งหน้าสู่เมืองพุกาม และอย่างที่ได้เคยเล่าไป การเข้าไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ ในพม่านั้น มีค่าเข้าเมืองเสมอ ยิ่งพุกามเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ค่าใช้จ่ายย่อมไม่ธรรมดา อีก 3 กม. จะถึงตัวเมืองพุกาม จะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาบนรถเพื่อเก็บค่าเข้าพุกาม ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 25,000 จั๊ด / คน บัตรนี้ใช้ได้ต่อเนื่อง 5 วัน / ต้องพกบัตรนี้ติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่เที่ยวในพุกาม เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เรียกดูเกือบจะตลอดเวลา ในแต่ละสถานที่ที่เราไป (ถ้าตรวจแล้วไม่เจอบัตร เสียเงินอีกรอบนะจ๊ะ)

ตลอดเวลาที่อยู่ในพุกาม ห้ามทำหาย!!

หลังผ่านด่านเก็บเงินเพียงไม่นาน รถ OK Bus ก็พาเรามาส่งที่หน้าโรงแรมโดยสวัสดิภาพ (พร้อมเหงื่อที่ท่วมตัวข้าพเจ้า)

การเลือกที่พักในพุกาม

ใครที่เพิ่งมาเที่ยวพุกาม (อย่างเรา) อย่าเพิ่งอกแตกตายเพราะหาข้อมูลไม่ได้ และอย่าวู่วามรีบจองที่พักแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ขั้นแรกหาอ่านข้อมูลใน TripAdvisor ซะ หรือจะอ่านจากในเว็บเราก็ได้ (5555 ขายของเว้ย) จงรู้ไว้ก่อนว่าพุกามแบ่งออกเป็น 3 โซน

ได้แก่ Old Baganโซนเมืองเก่า (ก็คือที่ตั้งของอาณาจักรพุกามที่เราจะมาเที่ยวนี่แหล่ะ) New Bagan โซนเมืองใหม่ (คือเขตที่พักอาศัยของชาวเมืองพุกามในปัจจุบัน) และ Nyaung Uโซนยองอู (คือเขตพาณิชยกรรมและเศรษฐกิจ) ซึ่งสนามบินยองอู หรือสนามบินประจำเมืองจะอยู่ที่โซนนี้ ใครที่คิดว่าพุกามจะมีแต่เก่าๆ เถื่อนๆ ดิบๆ นี่คิดใหม่นะจ๊ะ

สำหรับการเลือกที่พักให้เลือกพักโรงแรมที่อยู่ในโซนเมืองเก่า หรือที่เรียกว่า Old Bagan นะ เวลาค้นหาที่พักก็เลือกที่พักในโซนนี้ ดูแผนที่ดีๆ นะ สำหรับเราเลือกที่พักชื่อ Zfreeti Hotel อยู่ในโซนยองอู แต่ติดกับเขต Old Bagan เราว่าโรงแรมนี้ราคาไม่แรง 1,300 บาท/คืน

บริการดี ห้องพักโอเค การตกแต่งก็โอเค ที่สำคัญอยู่ใกล้กับร้านอาหาร ร้านเช่า e-Scooter แถมทางโรงแรมยังให้ใช้ e-Bike ของโรงแรมฟรีด้วย (1 คัน / ห้อง)

  • ห้องพักขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
  • ที่นอน นอนสบาย แต่ไม่ถึงกับดูดวิญญาณ แต่จัดเตียงได้อลังการมากกก!!!
  • Wifi ไหลเอื่อยๆ เหมือนน้ำตกในหน้าแล้ง
  • บรรยากาศโรงแรม ร่มรื่น มีสวน มีสระว่ายน้ำ ถือว่าโอเค
  • การบริการดี พนักงานพูดภาษาอังกฤษดี ใส่ใจ เทคแคร์ มารยาทดีมาก
  • อาหารเช้าที่นี่เป็นบุพเฟ่ต์ มาตรฐานทั่วไป วัตถุดิบทั่วไป คุณภาพระดับ 3.5/5
  • อาหารเย็นดีงาม รสชาติอร่อย โดยเฉพาะ Bagan Traditional Set ไม่ควรพลาด ให้ 4.5/5 (เสียดายที่หิวจัดจนไม่ได้ถ่ายภาพมา)
  • ทำเลดี ใกล้ทุกแหล่งเลย 5555
  • ราคาต่อคืน 1,300 บาท

คะแนนรีวิว 4.2/5 ดูรูปโรงแรมด้านล่างเลยครับ

โรงแรมออกแบบได้สะดุดตา

จากโรงแรมไปยังโซน Old Bagan ใช้เวลาแป๊บเดียว

Lobby โรงแรม มีฮิปโปไม้แกะสลักอยู่ตรงกลาง

ไม่เข้าใจ ทำไมต้องฮิปโป โคตรงง พนง. บอกเจ้าของชอบฮิปโป

e-Bike ที่ทางโรงแรมมีไว้บริการ

ภายในห้องพัก เรานอนชั้น 1 เลย หน้าต่างมองเห็นวิวสวน

งานพับผ้าเช็ดตัวและปูเตียง อลังการมาก แทบไม่กล้านอน

ในห้องก็ครบๆ นะ แอร์เย็นฉ่ำดี แต่เน็ตไม่แรง

ห้องน้ำมีไดร์เป่าผม

ไม่มีอ่างอาบน้ำ มีแต่ที่อาบแบบฝักบัว

มีสระว่ายน้ำไว้ดับร้อนตอนกลางวัน

วิธีการเที่ยวในเมืองพุกาม

มาถึงตรงนี้ถามตัวเองก่อนว่าวางแผนเที่ยวมายังไงบ้าง มีแผนมาละเอียดแล้ว มีแผนมาบ้างแล้ว หรือ ยังไม่มีแผนอะไรเลย!! จะตัวเลือกไหนมันก็ไม่ผิดหรอก แหม… คนเราก็เที่ยวได้หลายแบบ สำหรับเราสองคน เรามีแผนมาบ้างแล้วว่าอยากทำอะไร ซึ่งกิจกรรมเราเป็นดังนี้

  1. อยากเที่ยวไปตามเจดีย์น่าสนใจใน Old Bagan
  2. อยากไปสัมผัสตลาดพื้นเมืองตอนรุ่งเช้า ซึ่งก็คือตลาด Nyang U Market (ตลาดยองอู)
  3. อยากรู้ว่าที่พุกามมีอะไรอร่อยกินบ้าง
  4. อยากหามุมถ่ายภาพแสงเช้า-เย็น สวยๆ ที่เห็นวิวทะเลเจดีย์งามๆ

แต่ถ้าคุณไม่มีแผนเลย อย่าไปกังวล พนักงานโรงแรมและคนรอบๆ ตัวแนะนำให้คุณได้ เริ่มต้นด้วยการ สอบถามพนักงานโรงแรมว่ามีที่ไหนแนะนำบ้าง สำหรับชมวิวตามเย็น ชมวิวยามเช้า จุดไหนไม่ควรพลาด เจดีย์ไหนขึ้นได้-ไม่ได้ ทั้งหมดนี้คนท้องถิ่น โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวตอบคำถามคุณได้

ใช้บริการ Taxi ถ้าต้องเที่ยวไกลๆ ตั้งแต่เช้า จรดเย็น

เมื่อรู้คร่าวๆ แล้วว่าจะไปที่ไหน ถ้าคุณมีงบ ไม่อยากลำบาก อยากใช้เงินเบิกทาง แนะนำให้จ้าง Taxi ครับ ค่าบริการอยู่ราวๆ 30-40 USD แล้วแต่ตกลง (แล้วแต่ระยะทาง) แจ้งทางโรงแรมว่าขอคนขับที่พูดภาษาอังกฤษได้และขอรถสภาพดีๆ แอร์เย็นๆ (สำคัญมากถ้าไปหน้าร้อน)

Taxi เหล่านี้จะรู้จุดถ่ายภาพเด็ดๆ เพียบเลย แถมถ้าคุยถูกคอ เราอาจจะไหว้วานให้เค้าจ้างเณรหรือพระมาเป็นแบบถ่ายรูปให้เราได้ด้วยนะ โอ้โห…​ เซียนมาก

ใช้บริการ รถม้า ถ้าอยากเที่ยวชิลล์ๆ ดื่มด่ำบรรยากาศ

ถ้าไม่รีบ อยากเที่ยวชิลล์ๆ Slow Life ไม่เน้นเดินทางไกล แต่เน้นเที่ยวเจาะใน Old Bagan ถ่ายภาพรถม้าท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีมนต์เสน่ห์ เลือกใช้บริการรถม้าครับ มีให้เลือกทั้งแบบเต็มวันและครึ่งวัน เช่นเคยให้ทางโรงแรมโทรติดต่อให้สบายมาก

  • เต็มวัน ค่าใช้จ่ายราวๆ 45,000 จั๊ด เที่ยวตั้งแต่เช้าจรดค่ำ (หลังพระอาทิตย์ตก)
  • ครึ่งวัน ค่าใช้จ่ายราวๆ 25,000 จั๊ด รอบละประมาณ 6 ชั่วโมง

ข้อดีคือเค้ารู้จุดถ่ายภาพ เจดีย์ลับที่คนไม่เยอะ มุมถ่ายแสงเช้า-แสงเย็นสวยๆ ถามเค้าได้เลยรู้หมด

ใช้บริการ e-Bike หรือ e-Scooter ถ้าอยากไปผจญภัยด้วยตัวเอง

เราสองคนเลือกวิธีนี้ครับ บอกเลยว่าโคตรมัน ที่พุกามจะมี e-Bike และ e-Scooter ไว้ให้บริการมากมาย ทั้งเพื่อลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำมัน ลดการสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ที่จะไปกวนโบราณสถาน ค่าบริการไม่แพง

  • ค่าเช่าเต็มวันสำหรับ e-Scooter อยู่ราวๆ 7,000-8,000 จั๊ด คันนึงนั่งได้ 2 คน
  • ค่าเช่าเต็มวันสำหรับ e-Bike จะอยู่ที่วันละ 5,000 จั๊ด โรงแรมที่เราพักให้ยืมใช้ e-Bike ฟรี 1 คัน (หน้าตาเหมือนจักรยาน) คันนึงขี่ได้แค่คนเดียว นั่นแปลว่าถ้าไป 2 คน ยังไงก็ต้องเช่า

เราเลยเลือกเช่า e-Scooter เพราะคันนึงนั่งได้ 2 คน คุ้มสุดๆ การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง จะขี่ได้ตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำเลย แบตฯ จุมาก ความเร็วไปได้ไม่เกิน 60 กม./ชม.

ข้อดีของการขี่ e-Scooter คือ ได้อิสระ คล่องตัว และได้ผจญภัยด้วยตัวเอง ถามทางเอง มันคือจุดเริ่มต้นของความสนุก บอกเลย 55555

โฉมหน้า e-Scooter จากจีน ชาร์จไฟครั้งเดียว วิ่งได้ทั้งวันเลย

ได้ข้อมูลเรื่องการเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาทาครีมกันแดด ใส่หมวกกันน็อค ใส่แว่นตาดำ พกทิชชูเปียก แล้วออกไปตะลุยทะเลเจดีย์เมืองพุกามกัน ไปเล้ย!!

พุกาม… เที่ยวไหนดี?

อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าเราตั้งโจทย์ทริปนี้มาว่าเราอยากเที่ยวตลาด Nyang U / อยากไปเที่ยวชมเจดีย์ใน Old Bagan / อยากร้านอร่อยๆ ทานบ้าง / แล้วก็อยากหามุมถ่ายทะเลเจดีย์ช่วยแสงเช้า-เย็น เราไปถึงพุกามตอนบ่าย 3 และจะเดินทางออกจากพุกามไปเที่ยวต่อยังทะเลสาบอินเลในวันรุ่งขึ้นตอนค่ำๆ

ทำให้เรามีโอกาสเก็บภาพแสงเย็นได้ 2 ครั้ง มีเวลาเก็บภาพช่วงเช้าได้ 1 ครั้ง รวมถึงมีเวลาเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ได้แบบเต็มๆ วัน ถ้างั้นไปดูกันดีกว่า ว่าตั้งแต่เช้าตรู่จรดค่ำ เราจะพาคุณไปเที่ยวไหนกันได้บ้าง

1. ตลาดยองอู (Nyang U Market) หรือตลาด Mani Sithu Market

ถ้าจะถามว่าตลาดยองอู (Nyang U Market) เป็นแบบไหน บอกให้เก็ทง่ายๆ เลยว่ามันคือ ตลาดเช้าตามต่างจังหวัดบ้านเรา ย้อนกลับไปสัก 20-30 ปีที่แล้ว!! มีความเรียลสูงมาก ไม่ต้องประดิษฐ์ประดอยอะไรมาก Everything is “แบกะดิน” 55555

ผักสด ผลไม้สด หอม กระเทียม รากไม้ทานาคา บลา บลา บลา ล้วนถูกเอามาวางขายกันบนพื้นเหมือนบ้านเราเมื่อก่อนแหล่ะ (จริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้างนะ เวลาไปตลาด ตจว. ไกลๆ) อันไหนเน่าเสียก็เด็ดทิ้งแล้วโยนเศษไปข้างๆ หรือใครอยากจะซื้อไก่ ซื้อปลา แม่ค้าก็จะบรรจงเชือดให้ดูกันตรงนั้นทันที พิสูจน์ความสดของวัตถุดิบ OMG!!!

ทำไมต้องมา : สำหรับทุกคนที่ไม่เคยพบเห็น (โดยเฉพาะฝรั่ง) ทั้งหมดนี้คือความจี๊ดจ๊าด แปลกใหม่ ไร้สุขลักษณะ แต่สำหรับเรา เราเข้าใจได้ แล้วเราก็สนุกไปกับมัน ถ้าคุณชอบถ่ายภาพสไตล์วิถีชีวิต นี่แหล่ะคือชั่วโมงแห่งความบันเทิงของคุณ จัดไป!!!

มุมที่ไม่ควรพลาด : ตลาดยองอู เป็นตลาดที่เปิดตั้งแต่เช้ามืด และอยู่กันไปยาวๆ ถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ดังนั้นช่วงที่แสงเช้าส่องลงกระทบเป็นเงาริมไลท์ แล้วมีควันจากการหุงต้มพวยพุ่งขึ้นมา นั่นคือเวลาทองของการถ่ายไลฟ์ของคุณ!!

เราไปอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง เราพบว่าคนเมืองพุกามนี่อารมณ์ดีนะ ตะโกนทักทาย ยิ้มแย้มให้ผู้มาเยือน เมื่อเราไปถึงแล้วก็อย่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว พยายามพูดคุย เข้าถึง ทักทาย ยิ้มแย้มกับเค้า ช่วงเวลาที่ผู้คนผ่อนคลายกับเรา จะเป็นช่วงเวลาที่มิตรภาพงามๆ ก่อเกิด เที่ยวตลาดยองอูกันให้สนุกนะครับ

2. พระมหาธาตุเจดีย์ชเวซีโกน (Shwezigon Pagoda)

เราชอบมุมนี้ที่สุด แต่เสียดายที่มีนั่งร้าน กับผ้าใบมาบังความสวยของเจดีย์

นี่คือเจดีย์แห่งแรกของอาณาจักรพุกาม เป็น 1 ใน 5 มหาสถานที่ศักดิ์สิทธ์ของชาติ และเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า !!! แค่ได้อ่านคำโปรยนี้ใจเราสองคนก็ไปรออยู่หน้าวัดแล้วจร้า!!

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวซีโกน (Shwezigon Pagoda) เป็นเจดีย์ใหญ่ สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่า อายุราวๆ 960 ปี ชื่อ “ชเวซีโกน” หมายความว่า “เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ” สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ กษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรพุกาม แต่การก่อสร้างไปแล้วเสร็จในรัชกาลถัดไป

ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระเขี้ยวแก้วและพระสารีริกธาตุโดยอัญเชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธามังช่อได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น และแน่นอนว่าช้างเผือกเดินมาทรุดลงตรงนี้แหล่ะ (ฟังแล้วสงสารช้างเนอะ)

ซุ้มทางเดินเข้าสู่วัดยาวมากๆ แต่ก็ช่วยให้ความร่มรื่นเป็นอย่างดี

ด้านในซุ้มทางเดิน คือ พื้นที่ค้าขายของร้านค้าของที่ระลึก

นี่คือรูปยอดนิยมที่มักทำขายกัน หาซื้อที่ไหนก็ได้นะในประเทศนี้ สนามบินก็มี

ทำไมต้องมา : สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์ นี่คือต้นแบบแห่งเจดีย์ศิลปะพม่าแท้ที่มีอิทธิพลต่อการออกแบบเจดีย์อื่นๆ ในพม่าอีกหลายแห่ง ถ้ามีเวลาเที่ยวพุกามไม่เยอะ เราขอให้แวะมาเที่ยวที่นี่แห่งแรกก่อน อย่าได้พลาด

สำหรับเราทั้งคู่ วัดนี้มีความวิจิตรสวยงามมาก แม้ในวันที่แดดร้อนระอุ อุณหภูมิ 41 องศา แต่ร้อนอย่างกับ 50 องศา เราพบว่าคนพม่าก็เดินทางมาไหว้พระ มาใช้เวลาอยู่ที่วัดนี้กันมากมาย เจดีย์ชเวซีโกนสำคัญแค่ไหนดูได้จากตรงนี้

มุมที่ไม่ควรพลาด : สารภาพตรงๆ ว่าตอนแรกเราไม่รู้ และนั่นคือโชคร้ายของเรา การจะเดินเท้าเปล่าฝ่าหินที่ตากแดดจนร้อนระอุ เพื่อไปหามุมถ่ายรูป เหมือนเป็นการลงโทษเราที่ไม่ยอมทำการบ้านมา และกว่าที่เราจะเจอมุมสวย เราก็เดินครบรอบวัดไป 1 รอบ และได้ฝ่าเท้าที่บวมพองมาเป็นของตอบแทน

มุมไหนคือมุมสวย พิจารณาจากภาพด้านบนเลยครับ ช่วงนี้เจดีย์มีการซ่อมบำรุงนะ จะมีนั่งร้านและแผ่นผ้าใบมาบังมุมอยู่ โปรดทำใจ

พื้นหินร้อนแค่ไหน… ถามพวกเค้าดูครับ

+++++++++++++++++++++++++++++

3. เจดีย์วิหารติโลมินโล (Hilominlo Pagoda)

จะถ่ายวัดนี้ต้องมามุมนี้ครับผม

จากข้อมูลที่ได้อ่านมา นี่คือเจดีย์องค์สุดท้ายที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบพุกามขนานแท้ สร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล ช่วงปี พ.ศ. 1761 ที่มีของเจดีย์นี้น่าสนใจมาก เพราะเกิดจากการเสี่ยงทายราชบุตรเพื่อสืบราชบัลลังค์แทนพระเจ้านรปติซีตู ซึ่งก็คือพระราชบิดาของพระเจ้าติโลมิโลนั่นเอง

เหตุที่พระองค์มีพระชายาเยอะ ราชบุตรก็เยอะ จึงไม่รู้จะให้ใครสืบราชบัลลังค์ แถมตอนทรงประชวรหนัก พระองค์ยังได้รับปากพระชายาองค์หนึ่งที่คอยดูแลพระองค์อย่างดีตอนประชวรว่าจะพิจารณาราชบุตรของพระนางให้ขึ้นครองราชย์ด้วย

สุดท้ายพระองค์หาทางออกด้วยการให้ราชบุตรทั้ง 5 พระองค์มานั่งล้อมวงกัน แล้วตั้งฉัตรประจำพระองค์ไว้ตรงกลาง หากฉัตรล้มลงแล้วปลายชี้ไปทางราชบุตรองค์ไหน องค์นั้นจะเป็นกษัตริย์สืบไป ปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรซึ่งป็นลูกของพระชายาองค์นั้นนั่นเอง

เมื่อพระเจ้าติโลมิโลขึ้นครองราชย์ พระองค์จึงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทายและเรียกว่า “เจดีย์ติโลมินโล”

ฆ้องและกระดิ่ทองเหลือง ของที่ระลึกเยอะมาก

ด้านในจะเห็นถึการโบกปูนซ่อมแซมหลายส่วน

ทำไมต้องมา :  นี่เป็นวัดที่คงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมพุกามเอาไว้ครบมาก ทั้งพระพุทธรูปด้านใน ภาพจิตรกรรมฝาผนัง รวมถึความร่มรื่นรอบๆ วัด เสียดายที่ตัวเจดีย์เสียหายหนักจากแผ่นดินไหวเมื่อปี 1972 ทำให้หลายส่วนชำรุด และอยู่ระหว่างการซ่อมแซมจากรัฐบาล

เราแนะนำให้แวะมาเที่ยวและนั่งเล่นวัดนี้ในช่วงบ่ายๆ นะ เพราะรอบๆ วัดร่มรื่นมาก แวะมานั่งพักดื่มน้ำ หลบร้อน หรือจะแวะมาซื้อของที่ระลึกก็ได้ มีให้เลือกเยอะ ราคาไม่แพง ยัยหมวยเสียตังค์ซื้อไปหลายรายการเลยแหล่ะ 5555 

ด้านในอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการหลบร้อน

มุมที่ไม่ควรพลาด : ด้านนอนมีแต่นั่งร้านเต็มไปหมด เราแนะนำให้มาเดินเล่นด้านในเจดีย์ มุมสวยๆ คือ มุมพระพุทธรูปกับจิตรกรรมฝาผนังด้านในวัด

+++++++++++++++++++++++++++++

พุกามก็มีร้านอร่อยนะ รู้ยัง?

ในกรณีที่ไม่อยากเสียเวลาไปอ่าน TripAdvisor แล้วก็ไม่รู้ว่ารสชาติถูกปากฝรั่ง จะถูกปากเราคนไทยไหม ไม่เป็นไร เราไปเสี่ยงตายแทนคุณแล้ว ไม่ใช่!! เราไปทดลองแทนคุณแล้ว 2 ร้านนี้ ทดสอบมาแล้วว่าผ่าน แถมบางร้านยังรสชาติดีกว่าสภาพร้านด้วยซ้ำเว้ยเฮ้ย!! 5555

ร้านแรก : A Little Bit of Bagan

ร้านนี้อยู่ด้านหลัง Zfreeti Hotel โรงแรมที่เราสองคนเข้าพัก ตัวร้านตกแต่งง่ายๆ โปร่งๆ (ขออภัยไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา) เราสั่งอาหารง่าย ข้าวผัดไก่, สปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ, น้ำมะพร้าวปั่น และน้ำมะม่วงปั่น โดยส่วนใหญ่ร้านอาหารที่พม่ามักจะเสิร์ฟถั่วให้ทานเล่นเรียกน้ำย่อย แต่ถั่วร้านนี้อร่อย ถูกใจยัยหมวย เล่นกินซะเกือบหยุดไม่ได้ 55555

ข้อดี

  • รสชาติอาหารโอเค ผ่าน
  • ได้คะแนน 4 ดาวใน TripAdvisor (มาหาเจอทีหลัง)
  • พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้
  • ถั่วอร่อยมากกกกกก
  • ราคาไม่แพง ทั้งหมดที่สั่งมา ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 10,000 จั๊ด

ข้อแนะนำ

  • น้ำมะพร้าวปั่น ใช้มะพร้าวกะทิมาทำ รสชาติเลยไม่ถูกปาก
  • น้ำมะม่วงปั่นบ้านเราอร่อยกว่าเยอะ

เบอร์โทรร้าน : +95 61 60 616

อาหาร 10,000 จั๊ด

+++++++++++++++++++++++++++++

ร้านที่สอง : Star Beam

ร้านนี้อยู่ด้านหลัง Ananda Pagoda ในย่าน Old Bagan เป็นร้านที่ยัยหมวยย้ำนักหนาว่าต้องไป เพราะได้คะแนน 4.5 ดาว ใน TripAdvisor!!! ได้ฉายาว่าเป็น “Little Gem Restaurant” เป็นร้านอาหารของ Chef Tin Myint ซึ่งทำการอยู่ในวางการโรงแรม (ใครวะ?)

พอไปถึงหน้าร้านแอบตกใจ เฮ้ย!! ทำไมบรรยากาศเหมือนร้านอาหารป่า ตจว. บ้านเราหว่า!? ไหนว่าร้านดัง คือ ร้านไม่ได้เลวร้ายนะครับ แค่มันดูสวนทางกับชื่อเสียงเท่านั้น เราสั่งอาหารง่ายๆ มาทาน รายการตามนี้เลย Chef’s signature chicken curry with rice, Sweet & sour chicken with rice ตามด้วยเครื่องดื่ม Lemon ginger, Lemon grass juice, Coffee Caramel (อันนี้อยากกินกาแฟมาก)

ร้านเสิร์ฟขนมปังฝรั่งเศสร้อนๆ กรอบนอก นุ่มใน พร้อมเนย ในภาชนะกันแมลงวัน

ซ้าย Coffee Caramel รสชาติจืดจาง, ขวา Lemon Ginger ดีเลิศ

Sweet & sour chicken with rice มันก็คือผัดเปรี้ยวหวานไง

Chef’s signature chicken curry with rice อร่อย นุ่มนัว และหอมมาก

ผลคืออร่อยมาก!!! รสชาติอาหารถูกปาก ข้าวสวยก็นุ่มอร่อย ที่ประทับใจอีกอย่างคือ เครื่องดื่มเค้าเน้นการผสมสมุนไพรและผักสวนครัวบางอย่างลงไป ทำให้ได้รสชาติแปลกใหม่ คลายร้อน ลงตัวทีเดียว

ข้อดี

  • รสชาติอาหารดีมาก ลงตัว สมกับได้รับคำชม
  • ได้คะแนน 4.5 ดาวใน TripAdvisor
  • พนักงานบริการดีมาก มารยาทดี สื่อสารอังกฤษได้ดี
  • ทางร้านเสิร์ฟขนมปังฝรั่งเศส พร้อมเนย มาในสำรับที่มีมุ้งครอบกันแมลงวัน สะอาดดี
  • ราคาไม่แพง ทั้งหมดที่สั่งมา ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 13,500 จั๊ด

ข้อแนะนำ

  • อย่าสั่งกาแฟ ประเทศนี้หากาแฟที่ถูกใจคนไทยยากเหลือเกิน

++++++++++++++++++++++++++++++

4. เจดีย์วิหารอนันดา (Ananda Pagoda)

พระพุทธรูปไม้สักปิดทอง ที่มีแสงส่องลงมาได้ตลอดวัน

ตอนหาข้อมูลเกี่ยวกับวัดนี้ เราพบว่าใครๆ ก็ชมว่าวัดนี้สวยงาม วิจิตร เป็นวัดที่ผสมผสานระหว่างศิลปกรรมพม่า ขอม อินเดีย ได้รับยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตยกรรมพุกาม ตัววิหารเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ใหญ่โตสง่างาม  มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน  ถ้าดูจากมุมบนลักษณะจะเหมือนไม้กางเขนแบบกรีก (เราถ่ายภาพมุมสูงไว้ด้วยนะ)

ภาพมุมสูง แสดงให้เห็นผังของวัด ที่ดูเหมือนไม้กางเขนแบบกรีก

กว่าจะได้ภาพนี้ ยัยหมวยหมุนไปหมุนมาจนจะเป็นลม 5555

ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่แกะสลักด้วยไม้สัก ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ ผลงานฝีมือของช่างพม่าชั้นสูงที่ทำช่องให้แสงส่องสว่างเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ของพระองค์นั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา… แต่อีกด้านของความวิจิตรงดงามที่เห็น กลับต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมา!!!

เหล่าช่างฝีมือแห่งพุกามผู้สร้างวัดนี้ทั้งหมด กลับถูกสั่งประหารชีวิตเป็นการตอบแทน เพียงเพราะเป็นความเชื่อทางพราหมณ์!!? เพียงเพราะพระเจ้าญาณสิทธาไม่อยากให้ใครสร้างซ้ำขึ้นมาอีก!!? มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าความสวยงามเหล่านี้แลกมาด้วยอะไร!!!

งานแกะสลัก งานปูนปั้น วิจิตรดีมาก แถมการเลือกใช้คู่สีทองและแดงเข้มก็ลงตัว

ทำไมต้องมา : มาครับ มาเพื่อพบ เพื่อเห็นว่าเจดีย์แห่งนี้งดงามวิจิตรแค่ไหน งานจิตรกรรมฝาผนัง งานปูนปั้น งานแกะสลัก งานสถาปัตยกรรม สวยงามมากจริงๆ ครับ

งานจิตรกรรมฝาผนังยังคงหลงเหลือให้เห็นร่องรอยความสวยงาม

งานปูนตรงซุ้มประตูละเอียด อ่อนช้อยมาก

มุมที่ไม่ควรพลาด : สิ่งที่เราเสียดายคือ หลายจุดในวัดนี้อยู่ระหว่างการบูรณะ ทั้งจากแผ่นดินไหว และจากกาลเวลา แต่เรายังพบเห็นร่องรอยความงามของวัดนี้ได้จากซุ้มประตู จากจิตรกรรมฝาผนัง และจากพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทองที่อยู่แต่ละมุมประตูของวัด ภายในใช้ขาตั้งกล้องได้นะครับ เจ้าหน้าที่อนุญาต

++++++++++++++++++++++++++++++

5. เจดีย์วิหารธรรมยางจี (Dhammayangi Pagoda)

นี่เป็นเจดีย์ที่มีรูปทรงโดดเด่นมากองค์นึงในพุกามเลย เราแอบรู้สึกว่ารูปทรงเจดีย์วิหารธรรมยางจี (Dhammayangi) มีความคล้ายกับพิรามิดมากกว่าจะเป็นเจดีย์ ยิ่งได้ฟัง Story แล้วยิ่งรู้สึกว่า…​ กษัตริย์ผู้ดำริให้สร้างเจดีย์แห่งนี้ น่าจะเคยไปดูงานที่อียิปต์มาแน่นอน!!!

ตรงทางเข้าวิหาร จะเห็นมีหุ่นไม้พม่าแขวนไว้ตามต้นไม้เต็มเลย

พระพม่าเองยังต้องยกมือถือมาถ่ายภาพ

เจดีย์วิหารธรรมยางจี ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในเมืองพุกาม สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้านรปติสิธู เจดีย์สร้างจากอิฐแดงเป็นล้านๆ ก้อน ยิ่งเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ เราจะต้องทึ่งกับความประณีตของการบรรจงวางแนวอิฐแต่ละก้อน ที่ชิดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

ว่ากันว่าพระเจ้านรปติสิธูนั้นเนี๊ยบถึงขนาดว่า หากพระองค์เอาเข็มจิ้มลอดระหว่างอิฐสองก้อนได้ นายช่างผู้นั้นจะถูกตัดมือและประหารชีวิตทันที!! ความโหดของพระองค์นี้เป็นที่มาของการสร้างเจดีย์วิหารธรรมยางจี นั่นเพราะพระองค์สังหารพระบิดาและพี่เชษฐา (พี่ชาย) ของตน เพื่อขึ้นครองบัลลังค์ แต่ต่อมาเกิดสำนึกผิดได้ จึงตั้งใจสร้างเจดีย์นี้เพื่อไถ่บาป

แต่ก็เหมือนถูกสาป เพราะเจดีย์นี้ไม่เคยสร้างเสร็จ เพราะพระเจ้านรปติสิธูสิ้นพระชนม์เสียก่อน จึงทิ้งไว้แต่อิฐเปลือยๆ ไม่มีปูนฉาบ ไม่มีจิตรกรรมฝาผนังอย่างที่วัดอื่นมีกัน แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เราสองคนได้พบ ก็สามารถพิสูจน์ความรุ่งเรืองของเจดีย์แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ด้านในมีพระนอนองค์เล็กอยู่ในซุ้มที่ก่ออิฐถือปูน สวยมากๆ

พระพุทธรูปในวัด สร้างขึ้นอย่างอ่อนช้อย สวยงาม

ทำไมต้องมา : ไม่มาแล้วจะเสียใจ วิหารนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก เริ่มตั้งแต่รูปทรงวิหารที่ดูเหมือนพิรามิด แถมสร้างด้วยอิฐแดงเป็นล้านๆ ก้อน ด้านหน้าวัดจะแขวนตุ๊กตาหุ่นเชิดสไตล์พม่าไว้เต็มไปหมด (แน่นอนว่าเค้าขาย) แม้บรรยากาศภายในวิหารอาจจะดูอับๆ บ้าง แต่เราว่านี่คือหนึ่งในวิหารที่น่าสนใจมากในพุกาม

พานางแบบไปยืนท่ามกลางหุ่นไม้พม่า แล้วถ่ายภาพมาก็ดูสวยดี

หุ่นไม้พม่าสีสันคัลเลอร์ฟูล… แต่ถ้าดูกลางคืนก็หลอนเหมือนกันนะ

แม่ค้าผ่าลูกตาลสดๆ เลย เราว่าจะซื้อกิน แต่คิวยาวจนท้อ

มุมที่ไม่ควรพลาด : สำหรับเรา เริ่มจากถนนทางเข้าวัด สักประมาณ 300-400 เมตร ก่อนถึงวัด ให้ลงรถ แล้วไปยืนถ่ายภาพลอดซุ้มต้นไม้ ให้เห็นวัดเป็นฉากหลังจะสวยมาก อีกมุมที่น่าสนใจคือด้านหน้าวิหาร ที่เค้าจะเอาตุ๊กตาไม้แบบพม่ามาแขวนไว้ใต้ต้นไม้เป็นร้อยๆ ตัว ถ้าจับนางแบบไปยืนกลางตุ๊กตาไม้ ก็แจ่มนะ ส่วนนอกนั้นก็จะเป็นมุมด้านในวิหารครับ

อยากถ่ายภาพทะเลเจดีย์ ไปที่ไหนดี

มาถึงบรรทัดนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมากละ เมืองพุกามนี่คือสวรรค์สำหรับนักถ่ายภาพและนักท่องเที่ยวที่อยากจะดื่มด่ำกับวิวทะเลเจดีย์เป็นพันๆ องค์ ท่ามกลางทิวเขาและท้องฟ้ายามเช้า-เย็น เราไม่รู้ว่าเกือบ 1,000 ปีก่อนตรงนี้จะงามแค่ไหน แต่เราบอกได้เลยว่าวิวตรงหน้าที่เราเห็น ณ ปัจจุบันนี้ ยังสวยตรึงตาจริงๆ

ย้อนกลับไปสัก 4-5 ปีก่อน มีเจดีย์น้อยใหญ่หลายแห่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิว เราอ่านเจอในเว็บเมืองนอกก็อิจฉา เพราะด้วยความเสื่อมโทรม การขาดการดูแล และแผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดเมื่อปี 2559 ทำให้เจดีย์พร้อมมุมแจ่มๆ เหล่านั้นถูกปิดไม่ให้ขึ้นไปซะแล้ว

แต่อย่าเพิ่งเศร้าใจ ชาวเมืองพุกามยังอนุญาตให้เราขึ้นไปถ่ายภาพสวยๆ ยามเช้า-ยามเย็น บนเจดีย์บางแห่งได้ ถึงจะไม่เยอะ แต่เราก็เอามุมเหล่านั้นมาชี้เป้าให้เรียบร้อยแล้ว

มุมถ่ายภาพแสงเช้า

  1. เจดีย์ชเวสันดอว์ (Shwesandaw Pagoda) นี่คือมุมมหาชน (พร้อมนักท่องเที่ยวมากมาย) ที่นี่เป็นเจดีย์ใหญ่ เมื่อปีนขึ้นไปชั้นบนสุดจะเห็นวิวได้ไกล ถ่ายได้ทั้งแสงเช้าและเย็น แต่ต้องไปจองมุมเร็วๆ นะ
  2. เจดีย์ Law Ka Ou Shaung เจดีย์นี้อยู่ทางตะวันตกของเจดีย์ชเวสันดอว์ ข้อดีคือคนไม่เยอะมาก แต่ต้องปีนขึ้นไปชั้น 2 หรือ 3 เพื่อจะได้ขึ้นมาเหนือยอดไม้ เพื่อจะได้ชมวิวงามๆ ยามเช้า

สำหรับเราซึ่งมีเวลาถ่ายแสงเช้าแค่เพียงวันเดียว เราเลยเลือกไปที่เจดีย์ชเวสันดอว์แทน กะว่ารอบหน้าจะวางแผนไปเก็บแสงเช้าที่ Law Ka Ou Shaung บ้าง

ภาพจากเจดีย์ชเวสันดอว์

ภาพจากเจดีย์ชเวสันดอว์

มุมถ่ายภาพแสงเย็น

  1. เจดีย์ชเวสันดอว์ (Shwesandaw Pagoda) มุมมหาชนมุมเดิม ที่ถ่ายได้ทั้งแสงเช้าและแสงเย็น ส่วนตัวเราว่ามุมเช้าที่นี่สวยกว่าแสงเย็นนะ
  2. เจดีย์บูเลธิ (Bulethi Pagoda) เป็นหนึ่งในมุมโปรดของเรา ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน เข้าถึงง่าย (และปีนง่าย) มุมสวยๆ ของเราหลายภาพ ได้จากที่นี่แหล่ะ
  3. เจดีย์ Ta Wet Hpaya (ออกเสียงที่ถูกต้องยังไงโปรดบอกที) ถือเป็น Secret Pagoda ที่หลายสำนักลงมติกันว่าเจ๋งมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความลำบากในการปีนป่ายเพื่อขึ้นไปยังด้านบนเจดีย์ ขนาดว่าเราตัวใหญ่ๆ ยังขึ้นไปถ่ายภาพมาได้เลย ^_^

สำหรับเจดีย์ Ta Wet Hpaya นั้น ช่วงสัก 7:00-8:00 น. จะเป็นช่วงเวลาที่สวยในการถ่ายพระพุทธรูปที่อยู่ด้านในเจดีย์อีกด้วย เพราะจะมีแสงลอดผ่านช่องผนังเข้ามายังพระพุทธรูป ดูสวยงามมาก ยิ่งถ้าได้เณรสัก 2 รูป มายืนจุดเทียนตรงหน้าองค์พระ รับรองยิ่งเจ๋ง (แต่ต้องมีเงินจ้างนะ ^_^)

ภาพจากเจดีย์ชเวสันดอว์

ภาพจากเจดีย์ชเวสันดอว์

ภาพจากเจดีย์ชเวสันดอว์

ภาพจากเจดีย์ Bulethi

ภาพจากเจดีย์ Bulethi

ภาพจากเจดีย์ Bulethi

ภาพจากเจดีย์ Bulethi

ภาพจากเจดีย์ Bulethi

ภาพจากเจดีย์ Ta Wet Hpaya

ภาพจากเจดีย์ Ta Wet Hpaya

ภาพจากเจดีย์ Ta Wet Hpaya

ภาพจากเจดีย์ Ta Wet Hpaya

อาณาจักรพุกาม คือหลักฐานความรุ่งเรือง เกือบ 1,000 ปีของพม่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่ซากโบราณสถานของเจดีย์ 2,200 องค์ ให้เราไปถ่ายรูปเล่นเท่านั้น เราพบว่าคนเมืองพุกามมีความรักในบ้านเมืองของเค้า มีใจที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวิถีชีวิตในแบบพุกาม ตลอดเวลาเกือบ 2 วัน เราพบว่าที่นี่มีเสน่ห์มากกว่าที่เราคิดจริงๆ

ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงบรรทัดนี้ ขอให้เที่ยวพุกามด้วยความคูลกันทุกคนเลยนะจ๊ะ

เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ถ้าอยากไปเที่ยวพม่า