จนถึงวันนี้ เราว่าคงจะมีรีวิว “นำเที่ยวย่างกุ้ง” อยู่เป็นร้อยๆ พันๆ บทความแล้วล่ะ เปิดอ่านดูส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นการพาทัวร์วัด ไหว้พระเสริมสิริมงคล พาไปทานอาหารพื้นเมือง ชอปปิ้งของพื้นเมือง อ่านไปหลายสิบรีวิว ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดิม รสชาติเดิมๆ จนกลายเป็นภาพจำว่าเมียนมานี่ล้าหลัง ถ้าไม่ไปไหว้พระ ก็ต้องไปดูวิถีชีวิตคนพื้นเมือง
เฮ้ย!! นี่มัน “ย่างกุ้ง (Yangon)” นะเฟ้ย!! อดีตเมืองหลวงของ “เมียนมา” ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกับไทยมาหลายร้อยปี การไปเที่ยว “ย่างกุ้ง” ยังมีอีกหลายรสชาติที่คุณยังไม่ได้ค้นพบ
แวะมาทางนี้เลย “มาเที่ยวย่างกุ้งแบบครบรส” ด้วยกันกับเราดีกว่า รีวิวนี้เราทำพิเศษ “ฉบับเอาใจคนทำงาน : รวม 8 ที่เที่ยว 6 ร้านอร่อย และมินิรีวิวโรงแรม” ดูจบแล้วเที่ยวตามได้สบายบรื๋อ!!
คลิป 4 นาที สำหรับคนที่อยากสัมผัสรสชาติใหม่ๆ ของย่างกุ้งแบบฉบับย่อ
บินจากไทยสู่ย่างกุ้งแบบบูทีค รสชาติใหม่ บอกเลยว่าถูกใจ
ทริปเที่ยวย่างกุ้งรอบนี้เราเดินทางกับ Bangkok Airways เป็นสายการบิน Full Service จ่ายครั้งเดียวได้บริการครบๆ ทั้งน้ำหนักโหลดกระเป๋า 20 กก. พร้อมอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง (ที่นั่งชั้นธุรกิจ ได้น้ำหนักโหลด 30 กก.) ระหว่างรอขึ้นเครื่องก็ยังมี Boutique Lounge ไว้รับรองลูกค้า มีทั้งอาหารว่างและเครื่องดื่ม มีที่นั่งสบายๆ และมี Wi-Fi ไว้คอยบริการครับผม
สายการบินนี้เหมาะสำหรับคนทำงานที่อยากซื้อความสะดวกสบายครับ ประมาณว่าใช้เงินซื้อความสะดวกครับ ไม่ต้องสนใจเรื่องจุกจิก ไม่ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม ไม่ต้องซื้อน้ำ-อาหารเพิ่ม (บนเครื่อง) เอาเวลาที่เสียกับเรื่องจุกจิกไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า 555555 ทำงานมาเหนื่อย มันก็ต้องซื้อความสบายบ้างเซ่!!
Bangkok Airways New Lounge (สัมผัสเลาจน์ใหม่ ณ Gate D7)
ก่อนบินไปย่างกุ้ง เราขอพาทุกคนแวะไปใช้บริการ New Lounge ของ Bangkok Airways กันสักนิดครับ ได้ข่าวว่าเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน อยู่ใกล้ๆ กับ Gate D7 ชั้น 3 สนามบินสุวรรณภูมิฝั่งระหว่างประเทศครับผม ถ้าใครได้ชมคลิป VDO (ตอนต้น) ก็คงได้เห็นบรรยากาศของ New Lounge ในแบบภาพเคลื่อนไหวกันไปแล้ว เราลองมาลงรายละเอียดกันบ้างดีกว่า
Bangkok Airways Lounge บริเวณ Gate D7 (ชั้น 3) สนามบินสุวรรณภูมิ จะเป็นห้องรับรองลูกค้าที่จะเดินทางระหว่างประเทศ ภายในจะแบ่งพื้นที่ไว้ 2 โซน คือ โซนลูกค้าชั้นประหยัด (Economy) และโซนลูกค้าตั้งแต่ระดับประหยัดพรีเมียม (Premium Economy) ขึ้นไป ซึ่งชั้นธุรกิจก็จะมาใช้บริการที่บริเวณโซนนี้เช่นกัน
เมื่อเข้าไปภายในเราต้องแสดง Boarding Pass และ Passport ให้พนักงานต้อนรับ จากนั้นพนักงานจะพาเราไปนั่งยังโซนที่จัดไว้สำหรับ Class โดยสารของเรา
การตกแต่งบริเวณ Reception Hall ทำได้ดีงาม ผนังตกแต่งด้วยกระจกสีชา ด้านบนเป็นโคม chandelier ส่วนเคานเตอร์ Reception ใช้เป็นสีฟ้าขาวตามคอนเซ็ปท์ พอสีน้ำตาลทองมาเจอกับสีฟ้าเลยยิ่งขับสีของแบรนด์ให้ดูเด่น ดูรวมๆ แล้วลงตัว ดูระดับแต่ไม่โอเวอร์ เรียกว่ากำลังดี
เข้ามาด้านในจะเป็นทางเดินแยกซ้าย-ขวา โดยมีความเก๋อยู่ตรงผนัง ที่ใช้ต้นไม้ต้นเล็กๆ มาทำเป็น Wall Garden รูปโลโก้ Bangkok Airways อันนี้ชอบมาก
ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าไปยังโซนรับรองลูกค้าชั้นธุรกิจ แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าไปยังโซนรับรองลูกค้าชั้นประหยัด ห้องรับรองโซนธุรกิจจะเงียบและเป็นส่วนตัวกว่าโซนชั้นประหยัด นอกจากนี้ยังมีบริการอาหารปรุงร้อนให้ทานรองท้อง 2 เมนู ได้แก่ เกี๊ยวน้ำและข้าวต้มบักกุดเต๋
ส่วนห้องรับรองชั้นประหยัดจะอยู่ติดริมกระจกทางเดิน ซึ่งก็จะดูโปร่งกว่า อาหารว่างและเครื่องดื่มทั้งหมดก็จะถูกจัดไว้บริเวณนี้เช่นกัน ถึงแม้จะไม่มีอาหารปรุงร้อนพิเศษ 2 เมนู เหมือนชั้นธุรกิจ แต่เราว่าของว่างและเครื่องดื่มที่เค้าจัดเตรียมไว้บริการ ก็เยอะจนทานแทบไม่ไหวแล้ว
ทริปเที่ยวย่างกุ้งรอบนี้เราเลือกไปไฟลท์เช้า เครื่องออกตอน 08:45 น. เรามาถึงสนามบินกันตั้งแต่ 6 โมงกว่าๆ มื้อเช้าเลยเรื่องใหญ่ 5555 หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเช้าแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางสู่น่านฟ้าเมียนมากันแล้วครับ จากสุวรรณภูมิไปสนามบินย่างกุ้งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ
เมียนมาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้จะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง แต่เราก็ควรศึกษาข้อมูลพื้นฐานไว้สักนิดครับ เราเขียน 8 ข้อควรรู้ก่อนมาเที่ยวย่างกุ้ง เอาไว้ละ แวะอ่านกันก่อนน๊า
8 ที่เที่ยว ไม่ควรพลาดในย่างกุ้ง
ร้อยละ 90% ของคนไทยที่มาเที่ยวย่างกุ้ง เค้ามาไหว้พระขอพรกันครับ 55555 ด้วยความศรัทธาที่ชาวเมียนมามีอย่างแรงกล้าต่อพระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนสถานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมียนมานั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องความขลัง (แน่นอนว่าในประเทศไทยก็ด้วย) ดังนั้นถ้าเราไม่ใส่สถานที่เหล่านี้ไว้ใน 8 ที่เที่ยวไม่ควรพลาดฯ ก็คงจะมีอะไรผิดปกติกันบ้างแหล่ะ
กฏการเที่ยวชมวัดในประเทศเมียนมา ทุกคนต้องแต่งการเรียบร้อย ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าโสร่ง (ลองจี) และต้องถอดรองเท้าตั้งแต่หน้าประตูวัด
1. Bothatown Pagoda (เจดีย์โบตะทาวน์)
หนึ่งในศูนย์รวมใจชาวเมียนมามาแต่ช้านาน ส่วนคนไทยก็มุ่งมานมัสการวัดนี้อย่างคับคั่งไม่แพ้กัน เพราะที่เจดีย์นี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังอยู่ถึง 4 อย่าง เรียกว่า “มา 1 ได้ถึง 4” ได้แก่
พระเกศาธาตุ (ผม) ของพระพุทธเจ้า
ถ้าอยากบูชาพระเกศาของพระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด ต้องมาที่นี่ครับ ว่ากันว่าเมื่อ 2,000 ปีก่อน พระเจ้าโอกะลาปะ (กษัตริย์มอญ) ได้ให้ทหาร 1,000 พันนายตั้งแถวถวายความเคารพพระเกศาธาตุ ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือจากอินเดีย โดยได้สร้าง “เจดีย์โบตาทาวน์ (แปลว่าทหาร 1,000 นาย)” ไว้เป็นที่ระลึกเพื่อบรรจุพระพุทธเกศา 1 เส้น ก่อนนำไปบรรจุใน มหาเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มเมืองย่างกุ้ง ทำให้เจดีย์โบตาทาวน์ องค์เดิมถูกทำลาย จึงมีการบูรณะใหม่ในปี พ.ศ. 2496 โดยนำพระเกศาธาตุมาบรรจุในมณฑปครอบแก้วใส แล้วประดิษฐานไว้กลางเจดีย์ จากนั้นทำทางเดินใต้ฐานให้เป็นช่องซิกแซกคล้ายเขาวงกต เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปสักการบูชาได้อย่างใกล้ชิด
พระพุทธรูปทองคำ (Athe-Dthe Buddha)
ประดิษฐานในวิหารด้านขวา ซึ่งเป็นพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก ตามประวัติว่าเคยประดิษฐานอยู่ในพระราชวังมัณฑะเลย์ ต่อมาเมียนมาตกเป็นอาณานิคมอังกฤษในปี พ.ศ. 2428 จึงถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์กัลกัตตาในอินเดีย ทำให้รอดพ้นจากระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถล่มวังมัณฑะเลย์ ต่อมาในปี 2488 พระพุทธรูปองค์นี้ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียและแอลเบิร์ต นอกจากพระพุทธรูปทองคำแล้ว ยังมี พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเก็บรักษาไว้ในตู้กระจก อยู่ใกล้ๆกับวิหารพระทองคำ
เทพทันใจ (Botahtaung BoBoGyi) เทพประทานพรแห่งความโชคดี
นี่คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยหลั่งไหลกันมาขอพรมากที่สุดในย่างกุ้ง!! “พระเทพทันใจ หรือ นัตโบโบจี” ตั้งอยู่บริเวณศาลาริมน้ำด้านข้างซ้ายของเจดีย์ ชาวมอญและเมียนมานิยมมาอธิษฐานขอพรแล้วสมปรารถนาทันใจ วิธีการสักการะจะบูชาด้วยดอกไม้ มะพร้าว กล้วยและเครื่องเซ่น แล้วนำแบงค์ 2 ใบซ้อนแล้วม้วนเป็นกรวย เอาไปไว้ในมือเทพทันใจ แล้วจรดหน้าผากแตะที่นิ้วชี้ของท่าน แล้วขอพรเพียงข้อเดียวแล้วนำเงินกลับ 1 ใบเพื่อบูชา
เทพกระซิบ (Ama Taw Mya Nan New)
เทพกระซิบ (เมี๊ยะนานหน่วย) ตามตำนานเชื่อว่า ท่านเป็นธิดาของพญานาคที่ศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ทานเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นเทพอารักษ์ผู้คุ้มครองบันดาลโชค ชาวเมียนมานิยมบูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ เชื่อว่าถ้ากระซิบขออะไรแล้วจะสมหวัง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Strand Rd, Yangon MMR013017 Myanmar
พิกัด https://goo.gl/maps/aoDQB61ptDs
เว็บไซต์ : http://www.botahtaungpagodamm.com/
2. Sule Pagoda (พระเจดีย์สุเล)
พระเจดีย์สุเลเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมตั้งแต่องค์ระฆังขึ้นไปจนถึงชั้นบาตรคว่ำ สร้างขึ้นมากว่า2,000 ปีที่แล้ว เจดีย์นี้ถือว่าเก่าแก่มีอายุเป็นพันๆ ปีเก่ากว่ามหาเจดีย์ชเวดากอง ภายในองค์เจดีย์บรรจุเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นก็ทำให้เจดีย์แห่งนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มนักถ่ายภาพเป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งวัดกลางเมืองย่างกุ้งที่ใครๆ ก็ไม่พลาดมาเที่ยวชม
ย้อนกลับไปสมัยยุคอาณานิคม อังกฤษได้วางผังเมืองแบบ Victorian grid-plan โดยยึดเอาเจดีย์สุเลเหมือนเป็นวงเวียนอยู่กลางถนนใจกลางเมืองย่างกุ้ง เปรียบที่นี่เหมือนหัวใจพระพุทธศาสนาของเมือง (จะยิ่งเห็นชัดเมื่อมองภาพจากมุมสูง) ล้อมรอบด้วยถนนที่วุ่นวาย ตลาด และอาคารโคโลเนียล เช่น อาคารศาลฎีกาและศาลาว่าการเมืองย่างกุ้ง
พระเจดีย์สุเล (Sule Pagoda)
ค่าเข้า 3 USD หรือ 4,000 Kyats
ที่อยู่: Junction of Sule Pagoda Road, Yangon 11141 Myanmar
เปิดทำการ 06-00 – 22.00 น.
3. นมัสการพระเจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) ณ เกาะกลางน้ำพันปี
เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา ตั้งอยู่ที่เมือง “สิเรียม” จากเมืองย่างกุ้งใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 45 นาที (จะเร็วกว่านี้ถ้ารถไม่ติด) เป็นเมืองเล็กๆ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สาย ได้แก่ แม่น้ำหงสาและแม่น้ำย่างกุ้ง ส่วนตัวเราชอบฟีลลิ่งการมาเที่ยวเจดีย์กลางนี้แห่งนี้มาก ได้เห็นวิถีชีวิตน่าสนใจของชาวเมียนมาได้เป็นอย่างดี
ย้อนกลับไปสมัยที่อังกฤษยังปกครองเมียนมา เมืองสิเรียมถือเป็นเมืองท่าสำคัญในการเดินเรือและเป็นแหล่งผลิตอาหารสู่เมืองต่างๆ ที่นี่จึงมีแรงงานคนอินเดียมาทำนาปลูกข้าวและลงหลักปักฐานอยู่เยอะ คนเมืองนี้ส่วนใหญ่จึงเป็นชาวเมียนมาเชื้อสายอินเดีย ผิวจะเข้ม ตาโต ผมดำ ปัจจุบันเมืองนี้กลายเป็นเมืองอุตสาหกรรมไปแล้วครับ มีโรงกลั่นน้ำมัน มีโรงเบียร์ อยู่ที่นี่ด้วย
การไปเที่ยวชมเจดีย์กลางน้ำอายุ 1,000 กว่าปีแห่งนี้ เราต้องต่อเรือไปนะครับ ตัวเจดีย์อยู่บนเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นที่สักการะของชาวสิเรียม มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ทำให้ตลาดบริเวณท่าเรือคึกคักอยู่ตลอดเวลา เราแวะซื้อผลไม้ แวะเดินเล่นเพลิน จนไกด์ต้องมาคอยตามเลยล่ะ 55555
เจดีย์องค์นี้สร้างหลังจาก มหาเจดีย์ชเวดากอง จากเกาะกลางน้ำ เราจะเห็นวิวปากเเม่น้ำย่างกุ้งได้อย่างชัดเจน ตำนานในการสร้าง เจดีย์เยเลพญา เชื่อกันว่าถูกสร้างโดยคหบดีค้าขายทางทะเล ชาวมอญในยุคที่อาณาจักมอญยังรุ่งเรือง โดยได้ตังจิตอธิฐานในตอนที่สร้างเจดีย์ว่า ขอให้น้ำอย่าท่วมองค์เจดีย์เเละขอให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับคนมากราบไหว้บูชา
ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจดีย์จะเป็นเรื่องความสำเร็จในการค้าขาย การทำธุรกิจ จึงทำให้มีพ่อค้าเเม่ค้า และนักธุรกิจนิยมมากราบไหว้บูชากันคับคั่ง นอกจากนี้บริเวณด้านข้างของเจดีย์ ก็เป็นที่ประดิษฐานของ “เทพทันใจ 2” อันศักดิ์สิทธิ์อีกองค์ ที่ DJ มดดำเพิ่งมาไหว้ขอพรด้วย
พิกัด https://goo.gl/maps/6SRDLA1nyZS2
4. พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)
มาย่างกุ้งทั้งที ไม่ได้มานมัสการ “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)” ด้วยตัวเองสักครั้ง นับว่าพลาดมากๆ นี่คือ 1ใน 5 มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ของเมียนมา และเป็นเจดีย์ที่เรายอมรับเลยว่างดงามสุดๆ ไปเลย
คำว่า “ชเว” หมายถึง “ทอง” ส่วนคำว่า “ดากอง” คือชื่อเดิมของเมือง “ย่างกุ้ง” นักโบราณคดีเชื่อกันว่าเจดีย์นี้สร้างขึ้นโดยชาวมอญเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ซึ่งทาง Guinness Book of Records ก็ได้จัดให้ “พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก” ด้วยตัวเจดีย์สีทองที่สูงถึง 98 เมตร ไม่มีตึกหรืออาคารสูงมาบังทำให้เจดีย์สูงเด่นสามารถมองเห็นได้จากทุกมุมเมือง
มหาเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า 8 เส้น รายรอบด้วยเจดีย์องค์เล็กองค์น้อย ยอดสุดของพระเจดีย์บริเวณลูกแก้วหรือหยาดน้ำข้างประดับด้วยเครื่องประดับต่างๆ และเพชร 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ดและเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ความศรัทธาในองค์พระเจดีย์ ชาวเมียนมานิยมบริจาคเพชรพลอยของมีค่าต่างๆ ให้กับพระเจดีย์ ทำให้เจดีย์องค์นี้มีเครื่องประดับมีค่าเป็นจำนวนมาก
5. นั่งรถไฟเที่ยวชมบรรยากาศเมืองย่างกุ้ง (Yangon Central railway station)
ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศเมือง “ย่างกุ้ง” แบบไม่เหมือนใคร แนะนำให้ลอง “นั่งรถไฟ เดินตลาดสด และหาคาเฟ่เก๋ๆ นั่งชิลล์ดูสิ” ฟังดูเหมือนมันจะไม่เข้ากันสักอย่าง แต่นี่คือความเป็นย่างกุ้ง ณ ปัจจุบัน!!! บรรยากาศบ้านเมืองที่มีกลิ่นอายโคโลเนี่ยลสไตล์อังกฤษอยู่บางๆ วิถีชีวิตดั้งเดิมที่มีเอกลักษณ์ ทำให้ย่างกุ้งเป็นเมืองที่มีสีสันน่าสนใจสุดๆ ครับ
สถานีรถไฟย่างกุ้งอยู่ใจกลางเมืองก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1877 โดยชาวอังกฤษ แต่ถูกทำลายโดยกองทัพญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ. 1943 ต่อมา ได้มีการออกแบบใหม่โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบเมียนมาแท้ ๆ และได้เปิดใช้งานอีกครั้งเมื่อ ค.ศ. 1954
เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมามีระยะทางทั้งประเทศรวม 3,126 ไมล์ เชื่อมต่อกับเมืองทางตอนบน ต่างจังหวัด เทือกเขารัฐฉาน และเขตชายฝั่งตะนาวศรี สถานีรถไฟย่างกุ้งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกปีพ.ศ. 2539
การนั่งรถไฟเที่ยวนั้นนำมาซึ่งประสบการณ์พิเศษ มันทำให้เราได้พบเจอผู้คน ได้เห็นตัวตนแท้ๆ วิถีชีวิตแท้ๆ ของชาวย่างกุ้ง คนเมืองนี้น่ารักนะ ยิ้มง่าย พร้อมต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เราว่าเป็นอีกกิจกรรมนึงที่ควรมาลอง
ถ้าสนใจนั่งรถไฟ แนะนำให้เริ่มที่ “Yangon Central railway station” กับเส้นทาง “รถไฟวงแหวนย่างกุ้ง (Yangon Circular Railway)” นั่งเที่ยวชิลล์ๆ ถ่ายรูปเพลินๆ สัมผัสประสบการณ์การโดยสารรถไฟสไตล์เมียนมาดูครับ สนุกดี ลองนั่งชิลล์ๆ สัก 2-3 สถานีก็ได้ ค่าโดยสารเริ่มต้นแค่ 5 บาท สำหรับนักท่องเที่ยว (ราวๆ 200 จัต) ถ้าไม่ลงสถานีไหนเลย รถไฟจะวนเข้าเมืองกลับย่างกุ้ง 2 -2.30 ชม. ราคา 500 จ๊าด
ข้อมูลเพิ่มเติม
เว็บไซต์ : https://en.wikipedia.org/wiki/Yangon_Circular_Railway
พิกัด : https://goo.gl/maps/Mksvf8b4SEA2
6. สัมผัสวิถีชีวิตคนย่างกุ้ง ต้องไปลุยตลาดสดกลางเมือง (Yangon local market)
จากสถานีย่างกุ้ง แนะนำให้นั่งลงที่ “สถานี Mahlwagon” ห่างจากสถานีย่างกุ้งแค่ 2 สถานีจะมี “ตลาดสดพื้นเมือง“ (บรรยากาศคล้ายตลาดสดทางเหนือเมื่อ 30 ปีก่อน) ตลาดนี้รวมสินค้าหลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เสื้อผ้า หมาก ฯลฯ เราชอบจักรยานสามล้อสไตล์เมียนมาจัง อย่าลืมไปลองนั่งดูนะประสบการณ์เดินทางด้วยรถไฟท้องถิ่นรอบเมืองย่างกุ้ง
7. พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระนอนตาหวาน(Kyauk Htatgyi Buddha)
เป็นวัดที่คนไทยนิยมไปสักการะมากที่สุดวัดนึงในย่างกุ้ง วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์เจาทัตยี หรือที่คนไทยเรียกว่า “พระนอนตาหวาน” เป็นพระพุทธรูปที่ถูกยกให้เป็น “พระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดในเมียนมา” องค์พระที่เห็นอยู่นี้เป็นองค์ที่ถูกสร้างแทนที่องค์เก่าที่ทรุดโทรมไปเพราะดินฟ้าอากาศ
องค์พระมีความยาว 66 เมตร พระพักตร์สีขาวเปลือกไข่ ขนตางอนยาว ดวงตาเป็นแก้ว เปลือกตาระบายสีฟ้ารอบๆ พระโอษฐ์สีแดง เล็บนิ้วมือสีแดง จีวรสีทองที่คลุมมีความพริ้วเหมือนจริง บริเวณฝ่าพระบาท 2 ข้างมีภาพวาดลายธรรมจักรฝ่าพระบาท รายล้อมด้วยรูปมงคล 108 ประการ ที่แสดงถึงอากาศโลก สัตว์โลก และสังขารโลก
วัดพระนอนแห่งนี้ถูกบรรจุอยู่ในทุกโปรแกรมทัวร์ย่างกุ้งเลยครับ ใครมาเที่ยวย่างกุ้งแค่บอกกับไกด์ว่าจะมาวัดพระนอนตาหวาน เดี๋ยวเค้าจัดพามาเลย 55555 นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องความสวยงามด้านศิลปกรรมแล้ว วัดพระนอนแห่งนี้เป็นที่ศึกษาพระธรรมของพระสงฆ์ทั้งระดับต้นถึงระดับสูง มีพระสงฆ์พำนักอยู่ที่วัดนี้ถึงกว่า 600 คนทีเดียว บรรยากาศจึงสงบกว่าวัดอื่นๆ ครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/bPNUH4gV3zt
8. ชอปปิ้งของฝากกันที่ตลาดสก๊อต (Bogyoke Aung San Market)
คนไทยเรียก “ตลาดสก๊อต” แต่คนเมียนมาเรียกว่า Bogyoke Aung San เป็นตลาดในร่มที่เป็นศูนย์รวมของสินค้าทั่วเมียนมาสร้างโดยชาวสก็อต สมัยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ มาที่นี่ซื้อของที่เดียวจบ เช่น จิลเวอรี่ (เพชร หยก พลอย) เงิน เครื่องประดับ เสื้อผ้า ไม้หอมแกะสลัก ภาพวาด สินค้าแฮนด์เมด และของที่ระลึกต่างๆ มาที่เดียวจบ!!!
ของสุดฮิตที่ยัยหมวยซื้อกลับบ้านทุกรอบ ได้แก่ ผ้าโสร่งผู้หญิง (Longyi), ชาเมียนมา Royal Myanmar Teamix ห่อสีเขียวแบบ 3 in 1, ขนมถั่วตัดโรยงาขาวตัดยี่ห้อ Good Taste, ทานาคา ใช้โปะหน้าก่อนนอนช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ดีเลยหล่ะ
ทริปนี้เราได้รู้จัก “ถั่วอัลมอนด์กระจกแผ่นบางกรอบยี่ห้อ TOP” ราคากล่องละ 120 บาท กรอบ หอมอร่อย ไม่เหม็นหืน ไม่หวานเกินไป จิบกับชาแล้วชอบมาก ซื้อเลยๆๆ อร่อยมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้งตลาดสก๊อต : No(66,67,68,69,78,79), East D, Bogyoke AungSan Market, 11141, Pabedan, Township, Yangon
พิกัด : https://goo.gl/maps/aTdcMnb79Gy
แถมอีกนิด
ถัดจากตลาดสก๊อต จะมีโบสถ์คริสต์เก่าแก่โครงสร้างเป็นอิฐสีส้มแดง อายุ 124 ปี ชื่อว่า “Holy Trinity Cathedral Yangon” โดยเริ่มสร้างในปี 1894 ใช้เวลารวม 8 ปี โบสถ์ออกแบบสไตล์ Indo-Saracenic style เพื่อให้เหมาะสมกับอากาศเขตร้อนชื้น แวะไปดูข้อมูลเกี่ยวกับโบสถ์แห่งนี้ได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Yangon_City_Heritage_List
6 ร้านอร่อยในย่างกุ้ง ที่คุณจะประหลาดใจ
หา!! ร้านสไตล์นี้ก็มีในย่างกุ้งด้วยเหรอ!? นี่คือประโยคที่เราพูดกับตัวเอง เมื่อได้เจอร้านอร่อยๆ หลายแห่งในทริปนี้ บางร้านเค้าว่าเป็นรสดั้งเดิมที่ไม่ควรพลาด บางร้านก็ดีงามซะจนต้องยอมรับว่าตอนนี้ “ย่างกุ้ง” พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ แล้ว อีกไม่นานคงจะมีร้านอาหารเก๋ๆ สวยๆ อีกหลายร้านเปิดตัวขึ้นในอดีตเมืองหลวงแห่งนี้อีกแน่นอน แต่ตอนนี้ไปดูร้านแนะนำร้านแรกกันเลย!!
1. Feel Myanmar Food (ร้านดัง ตำรับอาหารเมียนมาแท้)
ถ้าจะลองรสชาติอาหารพื้นเมืองเมียนมา ต้องมาร้านนี้ครับ Feel Myanmar Food เป็นร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง มีหลายสาขา บรรยากาศร้านเหมือนข้าวแกงตักอาหารให้เป็นถ้วยๆ ใครมาเที่ยวเมียนมา แนะนำให้ลองมาประเดิมมื้อแรกที่ร้านนี้ก่อน บริเวณร้านใหญ่มีอาหารเป็นซุ้มๆ ให้เลือก เช่น กุ้งและผักเทมปุระ ถุงทอด กุ้งทอดทั้งตัว และของทอด
เมนูที่เราสั่งมาทานได้แก่
- แกงฮังเล : รสออกเค็มออกมัน จะไม่หอมเหมือนบ้านเรา
- กุ้งตัวใหญ่ : กุ้งเนื้อแน่น มีความมันเค็ม
- หมูผัดเปรี้ยวหวาน : มันหน่อยๆ แต่รสชาติดี
- ซุป : คล้ายอาหารทางเหนือ แกงผักเสี้ยน แกงผักปัง
- กุ้งผัดน้ำพริกเผา : จานนี้คนที่ชอบอาหารไม่มันก็ยังพอทานได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 124, Pyihtaungsu Avenue Street, Dagon Township, Yangon
โทร : 09-7320 8132, 09-7304 8783, 09-511 6872
เวลาทำการ : 6:00 – 20:30 (ด้านใน), 23:00 (ด้านนอก)
เว็บไซต์ : http://www.feelrestaurants.com/
2. Rooftop Bar และห้องอาหารจีน โรงแรม Novotel Yangon Max
ทริปนี้เราพักที่ Novotel Yangon Max อีกหนึ่งโรงแรมเก๋เปิดใหม่ครือ Accor Hotels (ซึ่งเดี๋ยวจะมารีวิวโรงแรมให้ฟังด้านล่าง) ความเฟี้ยวของ Novotel Yangon Max คือ มีร้านอาหารชั้น Rooftop ที่มองเห็นวิวพระมหาเจดีย์ “ชเวดากอง” (Shwedagon Pagoda) ได้ชัดเจนดีสุดๆ!!! ห่างแค่ 3 กิโลเมตร
เหมาะอย่างยิ่งหากคุณอยากได้วิวงามๆ ช่วงยามเย็นกลางเมืองย่างกุ้ง ด้านบนมีบริการอาหาร ของว่าง เครื่องดื่มทั้งมีและไม่มีแอลกฮออล์ ไวน์ เบียร์ พร้อมการบริการอย่างมืออาชีพ
ส่วนมื้อเย็นเรามาจัดเต็มกันที่ “ห้องอาหารจีน Royal Pavilion” บริเวณชั้น 1 ของโรงแรม อาหารจีนที่นี่จะเป็นสไตล์ Cantonese (กวางตุ้ง) รสชาติอาหารจัดว่าดี แม้จะมีบางเมนูยังไม่สุดเท่าที่ทานในกรุงเทพฯ แต่ก็มีอีกหลายเมนูที่เราชอบ สรุปว่าผ่านครับผม!!
รายการอาหาร : เป็ดปักกิ่ง, ติ๋มซำ, ฮะเก๋า, ขนมจีบ, เผือกทอด, ถุงทอง, ซุปเสฉวน, ข้าวผัด, ไก่ผัดเปรี้ยวหวานใส่แก้วมังกร Display บนน้ำแข็งทำเป็นรูปมือ, บาร์บีคิวหอยเชลล์กระทะร้อนๆ และปิดท้ายด้วยของหวานล้างปากเป็นเจลลี่แล้วท็อปปิ้งด้วยองุ่นผ่าเป็นซีกๆ เรียกว่าอิ่มไปอีก 3 วันครับผม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : โรงแรม Novotel Yangon Max, 459 Pyay Road Kamayut Tsp, Yangon
พิกัด : https://goo.gl/maps/Nm5azsDNbgk
Facebook : https://www.facebook.com/NovotelYangonMax/
เว็บไซต์ : https://www.accorhotels.com/gb/hotel-9045-novotel-yangon-max/index.shtml
3. ร้านอาหารซีฟู๊ด Min Lan Seafood Shin Saw Pu Rd อร่อยติดใจมาก
อาหารทะเลร้านที่ชื่อดังที่สุดของเมืองนี้ที่มีหลายสาขา ซึ่งติดเป็นร้านอาหารทะเลติดอันดับที่ 1 ในย่างกุ้งของ TripAdviors อาหารสด รสชาติดี และราคาสมเหตุสมผล ยิ่งมีน้ำจิ้มแซ่บๆ ยิ่งอร่อย ทางร้านนำอาหารทะเลสดที่นำเข้าสดจากรัฐยะไข่ เมนูนี้มีทั้งอาหารประเภทแกงกะหรี่, สลัด, บาร์บีคิว, อาหารไทยและอาหารทะเลทุกชนิด
- ปูเนื้อนึ่ง เป็นปูทะเล ถึงตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ความสดนั้นดีเลย ราคาไม่แพง
- กุ้งกระเทียม เมนูนี้ห้ามพลาด กุ้งเนื้อแน่นผัดหอมกระเทียม รสเข้มข้น
- Lobster กุ้งตัวใหญ่ (ขออภัยถ่ายไม่ทัน)
- ปลานึ่งตัวโต
ที่ตั้ง : Shin Saw Pu Rd, Yangon, เมียนมา (พม่า)
เวลาทำการ : 8.00-20.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/2g7JXXDgrgC2
4. ดินเนอร์ร้านอาหารฝรั่งเศส “Le Planteur Restaurants & Lounge”
Le Planteur เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส ตัวร้านเป็นคฤหาสน์ริมทะเลสาบ ตกแต่งได้สวยเก๋สไตล์โคโลเนียล ร้านสวยจนแทบไม่เชื่อว่าจะอยู่ในย่างกุ้งเลยทีเดียว อาหารที่ร้านจะเป็นแบบ fine dining มีให้เลือก 2-3 คอร์ส มีเมนู A la carte ให้เลือกทั้งยุโรป, ฟิวชั่น, คาว-หวาน พนักงานสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก
ร้านนี้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองสักหน่อย อยู่ติดทะเลสาบอินยา บรรยากาศรอบทะเลสาบดีมาก โดยเฉพาะช่วงเย็น เสียดายที่มาถึงร้านค่ำไปนิด เลยอดเก็บภาพสวยๆ มาฝากกัน ร้านนี้ได้คะแนนรีวิว 4.5 ดาวจาก TripAdvisor และถือเป็นหนึ่งใน Hiddem Gem ประจำเมืองย่างกุ้งเลยครับผม
มื้อเย็นเราสั่งเป็น Course มาทาน ราคา 65 USD อาหารจะประกอบด้วย
- จานที่ 1 : ซุปฟักทองและขิงร้อนๆ กับถุงทองผัก
- จานที่ 2 : กุ้งอบขนมปัง เจลาตินกับกุ้ง
- จานหลัก : สเต็กเนื้อแกะ เสิร์ฟพร้อมมันบดและผักย่าง
- ของหวาน : เค้กมะม่วง (จานนี้รสชาติจะอ่อนไปนิด ส่วนเนื้อเค้กยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่)
ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ : 11:30 – 24:00 น.
ที่อยู่ : 80 University Avenue, Bahan Township, Yangon, Myanmar (Burma), Yangon
พิกัด : https://goo.gl/maps/KcckmP4B7Ky
เว็บไซต์ : http://leplanteur.net/
5. ร้านอาหารจีน Golden Duck Restaurant (Kan Taw Min)
อาหารจีนรสชาติออกไปทางจีน ถูกปากคนไทย แนะนำว่าต้องมา!! ร้าน Golden duck มีหลายสาขา ร้านนี้อยู่ริมทะเลสาป Kan Taw Min ในสวนสาธารณะมีเขียวสดชื่นสบายตา สามารถมองเห็นวิวมหาเจดีย์ชเวดากอง มีอาหารทั้งไทย และจีน
เมนูห้ามพลาด คือ “เป็ดย่าง” ทานกับซอสพริกแล้วเข้ากันดี หนังกรอบ อร่อยมากและราคาไม่แพง ร้านสะอาดและบริการใช้ได้ อาหารไม่ค่อยอมน้ำมันเหมือนอาหารเมียนมาที่เคยทาน ถือว่าอร่อยเกือบทุกอย่าง ร้านนี้เหมาะกับมาเป็นหมู่คณะ หรือมาเป็นครอบครัวครับผม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Kan Taw Mingalar Garden Compound, Shwedagon Pagoda Road, Yangon
พิกัด : https://goo.gl/maps/vQ9LnCwFApJ2
6. จิบชายามบ่าย High Tea ณ Acacia Tea Saloon
ร้านนี้ คือ ดัชนีชี้ชัดว่าย่างกุ้งปัจจุบันกำลังเริ่มมีสีสันใหม่ๆ เข้ามาแต่งเติมแล้ว ย้อนกลับไป 2 ปีก่อน เราแทบหาร้านเก๋ๆ แบบนี้ไม่เจอ แต่ตอนนี้เริ่มมีให้เห็นกันเยอะแล้ว ร้านนี้ขายชา กาแฟ เบเกอรี่ บรรยากาศดี ตกแต่งสไตล์อังกฤษ แอร์เย็น มี Wi-Fi ให้เล่น ที่สำคัญอยู่ใกล้สนามบินด้วยครับผม
เป็นอีกร้าน “Hidden gem” ติดเป็นอันดับที่ 1 จากของหวาน 15 แห่งใน ย่างกุ้งของ TripAdvisors เป็นร้านขนมที่สวย เหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคโคโลเนียล ร่มรื่น ภายในร้านตกแต่งสวยทุกมุม เหมาะกับมาถ่ายรูปจริงๆ
- Afternoon Tea set 35,000 จ๊าด
- เค้กและเครื่องดื่ม ชา กาแฟ จะราคา 4,500 จ๊าด โดยรวมราคาเค้กจะ 90-150 บาท/ชิ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : Saya San Road, Yangon
เวลาทำการ : 9.00 – 20.00 น. ปิดวันเสาร์
พิกัด : https://goo.gl/maps/eTCesFRqym52
Facebook : https://www.facebook.com/acaciateasalon
Mini Review Novotel Yangon Max
ขอปิดท้ายบทความกับ Mini Review โรงแรมคุณภาพในเครือ Accor Hotels กันสักหน่อย เพราะทริป “เที่ยวย่างกุ้งแบบครบรส” รอบนี้เราเข้าพัก 2 คืนที่ Novotel Yangon Max แห่งนี้ครับ การมาของเครือโรงแรมระดับโลกอย่าง Accor Hotels เป็นดัชนีชี้วัดที่ดีถึงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของเมียนมา
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเมียนมาอยู่ในยุคที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คุณภาพด้านการท่องเที่ยวก็ดีกว่าแต่ก่อนมาก ที่พักดีขึ้น ร้านอาหารดีขึ้น การคมนาคมขนส่งได้รับการใส่ใจมากขึ้น จึงไม่แปลกถ้าอีกไม่นานจะเห็นแบรนด์ระดับโลกมากมายปรากฏตัวขึ้นในเมียนมา
โรงแรม Novotel Yangon Max เค้าบอกว่าเค้าเป็น Mid-scale hotel for business or family trips หรือ โรงแรมขนาดกลางสำหรับนักธุรกิจหรือท่องเที่ยวกับครอบครัว แม้จะฟังดูถ่อมตัวแต่นี่เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่อยู่ห่างจากพระมหาเจดีย์ชเวดากองแค่ 3 กม. และห่างจากสนามบิน Yangon International Airport แค่ 20 นาที!!
งานด้านบริการของเมียนมานั้นทำได้ดีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ยิ่งได้รับการยกระดับด้วยมาตรฐานของ Accor Hotels เลยยิ่งทำให้การบริการของที่นี่หมดจดมากขึ้น สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจน คือ Service Mind ที่แฝงในรอยยิ้มและแววตาของพนักงานครับ (อันนี้พูดกันตามตรงไม่ได้อวย)
โรงแรมนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเทนนิส ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง ร้านกาแฟ ห้องอาหาร (จีน, ฝรั่งเศส) และบาร์เครื่องดื่ม ที่พิเศษสุดก็คือ Rooftop Bar & Restaurant ที่เปิดให้เห็นวิวยามค่ำคืนของเมืองย่างกุ้งและพระมหาเจดีย์ชเวดากอง!!! ใครชอบถ่ายภาพ โปรดอย่าพลาดมุมนี้
ในส่วนของห้องพักนั้น ทางโรงแรมมีห้องพักทั้งหมด 354 ห้อง 4 RoomType ได้แก่ Suite, Excexutive Room, Excexutive Floor และ Superior Room ซึ่งเราก็พักห้อง Superior นี่แหล่ะ 5555 ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แบบครบๆ เปิดห้องเข้าไปเจอแบบในรูปเลยจ้า ร่มสไตล์เมียนมาสีแดงและสีน้ำเงิน กางอยู่บนเตียง แล้วก็มี Greeting Card กล่าวต้อนรับ
ห้องพักกว้าง แบ่งสัดส่วนได้ดี เลือกใช้สีได้สะบายตา ห้องพักสะอาดเรียบร้อย ที่นอนนี่ดูดวิญญาณดีจริงๆ มีหมอนมาให้แล้ว 3 ใบ (ใบใหญ่ 2 ใบเล็ก 1) มีโซฟาไว้นั่งเล่นชมวิว มีโต๊ะทำงาน มี Wi-Fi ให้ฟรี การจัดแสงภายในห้องก็ทำได้ดีครับ
โซนห้องน้ำนั้นจะอยู่บริเวณทางเข้าห้อง แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนได้ดีมาก โดยมีห้องส้วม, อ่างล้างหน้า และห้องอาบน้ำแยกกัน
สำหรับเรา Novotel Yangon Max เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่ควรค่าแก่การมาเข้าพักครับ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นโรงแรมดี แต่เพราะเป็นเครือโรงแรมที่มีหัวคิดทันสมัย ให้ความใส่ใจกับการบริการและรายละเอียดปลีกย่อยจนกลายเป็นเอกลักษณ์ไปซะแล้ว
ขอปิดรีวิวด้วยภาพไลน์อาหารเช้า (แบบบุพเฟ่ต์นานาชาติ) ที่จัดเยอะ จัดใหญ่ จริงจัง ซะจนเราเลือกทานกันไม่ถูกเลยทีเดียวครับ คุณภาพวัตถุดิบอยู่ในเกรดที่ดี ส่วนรสชาติจัดว่าโอเคครับ ไม่เสียชื่อมาตรฐานโรงแรมในเครือ Accor Hotels