
ถ้าคุณคือคนนึงที่เคยลิ้มรสความอร่อยของร้าน “Akiyoshi (อะคิโยชิ)” นั่นแปลว่าคุณคือผู้นิยมความอร่อย “ตัวจริง” เพราะนี่คือร้านอาหารในตำนาน เปิดให้บริการมากว่า 24 ปี ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพวัตถุดิบ, กรรมวิธีการปรุง, การบริการ และการรักษารสชาติให้คงความเป็นต้นตำรับแท้ๆ จากญี่ปุ่น


แต่ถ้านี่คือครั้งแรกที่คุณได้ยินชื่อร้าน “Akiyoshi (อะคิโยชิ)” ก็นับเป็นโอกาสอันดี ที่คนทำงานอย่างเราๆ จะได้รู้จักร้านบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง-สุกี้-ชาบู ที่คัดสรรแต่ของดี, ปรุงดี, บริการดี, รักษามาตรฐานได้คงที่ ในราคาที่แสนจะสมน้ำสมเนื้อ
มาครับ!! ถ้าไม่ดีจริง เราไม่รีวิวลงเว็บกันง่ายๆ เราจะพาคุณไปล้วงลึกความคุ้มและดี ของร้าน “Akiyoshi (อะคิโยชิ)” ร้านปิ้งย่าง-สุกี้-ชาบูในตำนาน ที่คนรอบตัวเราล้วนคอนเฟิร์ม ว่าของเค้าดีจริงๆ กันครับผม!!

รู้จักร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) กันสักนิด
“Aki” หมายถึง ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และ “Yoshi” หมายถึง ความโชคดี Akiyoshi จึงหมายถึง “สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี” เปรียบเหมือนเมนูที่หลากหลาย ที่จะสร้างความอิ่มเอมให้กับทุกคน
ร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวปิ้งย่าง สุกี้ยากี้ ชาบู และซูชิ รสต้นตำรับญี่ปุ่นแห่งแรกของเมืองไทย เปิดบริการมาตั้งแต่ปี พศ.2538 (ปัจจุบันก็ 24 ปีแล้ว) เป็นร้านที่เน้นความเป็นญี่ปุ่นแท้แบบดั้งเดิม ใส่ใจทั้งในเรื่องวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และการบริการ โดยมีเชฟ “ฮิโระ” เชฟชาวญี่ปุ่น เป็นผู้ควบคุมกรรมวิธีในการปรุงอาหาร ให้คงความอร่อยได้ดังต้นตำรับ

ปัจจุบันเปิดบริการ 7 สาขา ได้แก่ สาขาพระโขนง, เอเชียทีค, สยามสแควร์วัน, เซ็นทรัลเวสต์เกต, เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, สเปลล์แอทฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และสาขาใหม่ล่าสุดที่จามจุรีสแควร์ ใครใกล้ที่ไหน แวะไปลิ้มรสความอร่อยได้เลยครับ
จุดเด่นของ Akiyoshi (อะคิโยชิ)
ธุรกิจใดๆ ที่เปิดให้บริการมาได้นานถึง 24 ปี ย่อมต้องจุดแข็งชัดเจน ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจร้านอาหารด้วยแล้ว ยิ่งต้องพัฒนารูปแบบร้าน การบริการ รวมถึงรสชาติ ให้ยังคงเป็นที่ประทับใจลูกค้าอยู่เสมอ

เคยไหม? กับร้านอาหารบางร้าน ที่ครั้งนึงเราเคยชื่นชอบในความอร่อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลับพบว่า “อร่อยน้อยลง” จะเป็นเพราะร้านนั้นๆ ควบคุมมาตรฐานรสชาติให้คงที่ไม่ได้? หรือจะเป็นเพราะมีร้านอื่นที่อร่อยมากกว่า ลิ้นเราจึงมีมาตรฐานรสชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น?
ดังนั้นร้านอาหารใดก็ตาม ที่ยังคงเปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และมีลูกค้าแวะเวียนไปใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะการันตีได้สัก 30% แล้วล่ะ ว่าร้านนี้ตัวจริง เสียงจริง!!
สาขาที่เรามารีวิวครั้งนี้ คือ สาขาพระโขนง ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 2 อาคารไทยซิน สแควร์ สาขานี้มาสะดวก มีที่จอดรถกว้างขวาง หรือถ้าจะมา BTS ก็ลงสถานีพระโขนง เดินออก Exit 1 ได้เลย

สำหรับสาขานี้พื้นที่ร้านค่อนข้างกว้าง ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง สะอาด ใช้สีขาว, ส้ม, แดง, น้ำตาล เป็นธีมสีหลัก การตกแต่งเป็นสไตล์ Modern Japanese เน้นความเรียบง่าย ให้อารมณ์ Zen นิดๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

จุดเด่นของร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) ที่เราสัมผัสได้ เป็นดังนี้
1. เป็นร้านอาหารที่ให้ทางเลือกคุณหลายแบบ อาทิ Premium Buffet, Deluxe Buffet, Buffet, A La Carte และ Kids Menu โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะปรุงวัตถุดิบแบบไหน ทั้งสุกี้ ชาบู หรือปิ้งย่าง (เราเลือกวิธีปรุงได้ 2 แบบพร้อมกัน) นอกจากนี้ยังมี ซูชิ ซาซิมิ และอาหารญี่ปุ่น อื่นๆ ให้เลือกทานได้
- สุกี้ + ชาบู
- สุกี้ + ปิ้งย่าง
- ชาบู + ปิ้งย่าง



2. ในรีวิวนี้เราเลือกทานแบบ “Premium Buffet ซึ่งมีให้บริการเฉพาะสาขาพระโขนง” เราว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มที่สุด เพราะเราสามารถเลือกสั่งได้ทุกรายการในเมนู รวมทุกของดีของ Akiyoshi (อะคิโยชิ) ให้เราอิ่มอร่อยอย่างจุใจ 120 นาที จากราคาปกติ 1,299 บาท (NET) แต่เดี๋ยวก่อน!! แค่คุณสมัครสมาชิก ทางร้านจะลดราคาเหลือ 899 บาท (NET) ทันที!! โอ้มายก๊อดด!! ดูเมนูได้ที่นี่ https://akiyoshi.co.th/premium-buffet/
หมายเหตุ : บัตรสมาชิกร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) ค่าสมัครเพียง 100 บาท มีอายุ 1 ปี นับจากวันที่สมัคร เมื่อหมดอายุ เสียค่าต่อสมาชิกเพียงปีละ 50 บาทเท่านั้นจ้า สิทธิพิเศษเยอะนะ ทั้งใช้เป็นส่วนลดราคาอาหาร, สะสมแต้ม, แลกของรางวัล ฯลฯ สมัครเลย คุ้ม!!

3. หากเลือกปรุงแบบสุกี้ยากี้ จะมีพนักงานมาผัดหอมหัวใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น และเห็ดชิตาเกะจนมีกลิ่นหอมฟุ้ง จากนั้นจึงนำเนื้อสัตว์ลงไปผัด แล้วค่อยๆ เทน้ำซุปโชยุรสชาติเข้มข้นลงไปพอขลุกขลิก แล้วเติมผักกาดขาว, เต้าหู, เห็ดเข็มทอง และเส้นบุก แค่นี้สุกี้ยากี้ต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว!!





แนะนำสักนิด : สำหรับคนชอบความเข้มข้นพอดีๆ เราแนะนำให้เอาน้ำซุปโชยุ (ของสุกี้ยากี้) ผสมกับน้ำซุปดาชิ (ของชาบู) รสชาติจะเข้ากันดีมากๆๆ
4. เมื่อเลือกปรุงแบบสุกี้ยากี้ ทางร้านจะเสิร์ฟ “ไข่ไก่สดสำหรับสุกี้ยากี้” ความเข้มข้นของน้ำซุปโชยุ เมื่อจิ้มกับไข่ไก่จะช่วยให้รสชาติหอมหวานนุ่มนวลขึ้น และไข่ไก่ที่สดสะอาดพอจะทานดิบๆ คู่กับสุกี้ยากี้แบบนี้ ต้องผ่านการคัดพิเศษเท่านั้น!!


5. หากเลือกปรุงแบบชาบู จะเป็นน้ำซุปดาชิ ซุปใสๆ หอมๆ สไตล์ญี่ปุ่น โรยด้วยสาหร่ายคอมบุเพื่อความกลมกล่อม ให้รสชาติจะใสๆ เบาๆ เมื่อสั่งปรุงแบบชาบู เราจะได้ ซอสพอนซึ, ซอสงา, พริกส้ม และหอมซอย มาด้วย


ตัวซอสงานี้พิเศษตรงที่เป็น “ซอสงาสูตรโฮมเมด” ที่ได้จากการคั่วงาหอมๆ รสชาติหอมมัน กลมกล่อม อุมามิ เลยทีเดียว


6. สำหรับคนที่ชอบทานปิ้งย่าง ที่ร้านจะเรียกวิธีปรุงแบบนี้ว่า Akiyaki (ปิ้งย่างอะคิยากิ) วิธีปรุงนี้เหมาะทั้งกับทั้งเนื้อ, หมูและซีฟู๊ด ทีเด็ดคือตัวซอสอะคิยากิ ซอสสูตรพิเศษรสเข้มข้น ตอบโจทย์ในเรื่องความแซ่บ!! แล้วคุณยังขอพริก, กระเทียมและน้ำมะนาว มาปรุงซอสเพิ่มได้อีกด้วยนะจ๊ะ


7. สำหรับสายเนื้อ เราขอแนะนำ “เนื้อซูพีเรียร์ (Superior Beef)” เนื้อสันคอวัวพันธุ์ชาร์โรเล่ส์ (Charolais) สายพันธุ์จากฝรั่งเศส หน้าเนื้อขนาดใหญ่ มีไขมันแทรกอยู่ทั่วชิ้น รสชาตินุ่มชุ่มลิ้น มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เคี้ยวทีแทบจะละลายในปาก จะปรุงแบบปิ้งย่าง แบบสุกี้ หรือแบบชาบู ก็ลงตัวไปหมด แต่ส่วนตัวเราว่าปรุงแบบปิ้งย่าง กับแบบสุกี้ เหมาะที่ซู๊ดด!! ถูกใจสายเนื้อแน่นอน


8. สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อเหมือนยัยหมวย ทางร้านก็มีเนื้อหมู “คุโรบุตะ” ไว้เสิร์ฟให้คุณเช่นกัน หมูคุโรบุตะนี่จัดว่าเป็นราชันย์แห่งเนื้อหมูเลยทีเดียว ตัวเนื้อมีลายไขมันสวยงามแทรกอยู่ทั่วชิ้น ให้สัมผัสนุ่มแทบละลายในปาก เป็น “เนื้อหมูที่นุ่มสุดๆ รสชาตินวลๆ” มีกลิ่นอ่อนๆ หอมกลิ่นสะอาด เหมาะกับการปรุงแบบสุกี้ยากี้และชาบูที่สุด


นอกจากกลุ่มเนื้อ Premium อย่าง Superior Beef และคุโรบุตะแล้ว ทางร้านยังมีเนื้อคุณภาพดีไว้บริการคุณจนจุใจ ทั้ง เนื้อวัว, เนื้อติดมัน, ไก่, หมู และเบคอน


9. นอกจากบรรดา วัว, ไก่, หมู แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ของทางร้าน คือ ซีฟู้ดสดใหม่ที่มีทั้งกุ้งแม่น้ำไซส์กลาง, ปลาแซลมอนเนื้อดี, ปลาหมึก, ปลากะพง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์

จะสั่งเป็นจานแยกหรือจะสั่งเป็นซีฟู๊ดรวมก็ได้ เรื่องความสดนี่จัดว่าดีมาก ทานได้สบายใจไม่ต้องกลัวจู๊ดๆ สำหรับซีฟู๊ดนี้เราแนะนำให้ทานเป็นแบบปิ้งย่างหรือชาบูจะเหมาะที่สุดครับ
ทีเด็ดของเมนูซีฟู๊ด ก็คือซอสซีฟู๊ดสูตรลับของร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) ที่แซ่บ จี๊ดจ๊าด ถึงใจ หอมพริก หอมมะนาว จนอยากซื้อใส่ขวดกลับบ้านเลยทีเดียว
10. ซาชิมิและซูชิของร้านก็ดีเด่นไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะซูชินั้นมีให้เลือก 7 แบบ ทั้งซูชิปลาแซลมอน, สไปซี่แซลมอนโรล, แซลมอนทาร์ทาร์โรล, ข้าวหน้าปลาดิบ, ซูชิปลาแซลมอนลนไฟ, สไปซี่ทูน่าโรล และแคลิฟอร์เนียโรล


และถ้าชอบซาชิมิ ทางร้านก็มีให้เลือกทั้งชุดปลาดิบรวม ปูอัด ปลาแซลมอน และเซ็ทไข่หวาน ด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี มีความสดใหม่ และปรุงเสิร์ฟกันจานต่อจาน เราว่าซูชิและซาชิมิของร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) น่าจะโดนใจคนรักปลาดิบแน่นอน



11. ในส่วนของ Appetizer (อาหารเรียกน้ำย่อย) นั้น อาจไม่ใช่เมนูที่คนส่วนใหญ่โฟกัส แต่สำหรับสายชิลล์และสาย Drink นี่บอกเลยว่าให้ความสำคัญสุดๆ 55555 แม้เราจะไม่ใช่ขาดริงค์ตัวจี๊ด แต่เราก็ประทับใจที่ทางร้านไม่ละเลยเมนูเรียกน้ำย่อย เลือกใช้วัตถุดิบมีคุณภาพดี แถมยังอร่อยด้วย ทั้งยำปลาแซลมอน, สลัดกรอบ, แปะก๊วยคั่ว, กุ้งชุบแป้งทอด, ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ, ยำสาหร่าย, ปลาไข่, ถั่วแระต้ม และเทมปุระ
เสียดายที่เราได้ชิมเมนูเรียกน้ำย่อยแค่ไม่กี่เมนู (เพราะเมนูหลักก็เยอะมาก จนทานแทบจะไม่หมด 5555) แต่เราคอนเฟิร์มว่า ปลาไข่, แซลมอนย่างซอสเทอริยากิ และยำแซลมอน ที่เด็ดมากครับผม!!



ในส่วนของเครื่องดื่ม ก็มีให้เลือกดื่มไม่อั้น ทั้งร้อน-เย็น และน้ำอัดลม จะเป็นชาเขียวร้อน-เย็น, ชาจีนเย็น, ชามะนาว, โค้ก, สไปร์ท สั่งมาดื่มได้เลยจ้า
ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปากกันสักหน่อย ทางร้านมี 4 เมนูให้เลือก ได้แก่ น้ำแข็งใสถั่วแดง, ไอศกรีมรสวนิลลา, รสชาเขียว และรสช็อคโกแลต รสชาติไอศกรีมนั้นทั่วๆ ไป แต่น้ำแข็งใสถั่วแดงนี่เราโปรดปรานมาก!!

12. ปิดท้ายด้วย “โปรลับๆ แบบ All you can drink” ที่โดนใจทั้งสายแอลฯ, สายดริงค์ ให้คุณดื่มไม่อั้น ทั้งเบียร์, เหล้า Shochu, เหล้าบ๊วย, สาเก, และ Cocktail สไตล์ญี่ปุ่น!!
โปรฯ นี้ออกสื่อไม่ได้ แต่กระซิบบอกคนอ่านได้ 555555 ใครอยากได้โปรฯ นี้ สอบถามโดยตรงจากร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) ได้เลยครับผม!!
คะแนนรีวิวจากหนีงานไปเที่ยว
มาถึงบรรทัดนี้ เราอยากสรุปให้คุณฟังสักนิดว่า ร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) คือหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นบุฟเฟ่ต์สไตล์ ปิ้งย่าง-สุกี้-ชาบู ที่เหมาะสำหรับคนชอบของดี ของอร่อย ยิ่งถ้าเลือกทานเมนู Premium Buffet ยิ่งคุ้มค่า เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นที่คุณจะไม่ผิดหวัง
แต่ในข้อดีที่เพียบพร้อมเหล่านี้ เราคิดว่าทางร้านยังขาด “เมนูที่มีแรงดึงดูดสูงๆ” มาสร้าง Viral เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้เข้าไปลองใช้บริการ ถือเป็นโจทย์สำคัญที่ฝ่ายการตลาดจะต้องทำการบ้าน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่สร้างความแตกต่าง ให้กับร้าน Akiyoshi (อะคิโยชิ) ต่อไป
คะแนนรีวิวจากเราเป็นดังนี้
- คุณภาพวัตถุดิบ : 5/5 คุณภาพเนื้อนั้นดีเกินราคาตลาดซะด้วยซ้ำ
- การให้บริการ : 4.8/5 พนักงานยิ้มแย้ม ใส่ใจบริการ และเป็นมืออาชีพพอสมควร
- บรรยากาศร้าน : 5/5 สะอาด โปร่งสบาย แสงสว่างทั่วถึง บรรยากาศผ่อนคลาย
- ความหลากหลาย : 4/5 มีความหลากหลายในระดับดี รายการอาหารถูกใจ
- รสชาติอาหาร : 4.8/5 กล้าบอกตรงนี้ ว่ารสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นของที่นี่ ดีจริงๆ หักคะแนนเล็กน้อยเรื่องรสชาติข้าวผัดกระเทียมและไอศกรีม
- ความคุ้มค่า : 5/5 ให้คะแนนเต็มได้แบบไม่ต้องคิดเยอะ คุ้มค่าทุกบาท ยิ่งโปรฯ Premium Buffet กับราคาสมาชิก 899 บาท ยิ่งโคตรคุ้ม!!!
รวมคะแนนรีวิวจากหนีงานไปเที่ยว : 4.8/5 คะแนน



ข้อมูลเพิ่มเติม
Facebook : https://www.facebook.com/AkiyoshiRestaurant/
Website : www.akiyoshi.co.th
- สาขาพระโขนง (อาคารไทยซิน สแควร์ ชั้น 2)
โทร. 02-381-2267-8 หรือ 065-729-5594
การเดินทาง : BTS สถานีพระโขนง Exit 1
* Premium Buffet จะมีเฉพาะสาขาพระโขนงเท่านั้น *
เวลาทำการ :- จันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-14.00 และ 17.30-22.00 น.
- เสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น.
- สาขาเอเชียทีค (โกดัง 10)
โทร. 02-108-4310
*สาขาเอเชียทีค ให้บริการเฉพาะสุกี้ยากี้+ชาบู ชาบู เท่านั้น
เวลาทำการ : จันทร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-23.00 น. - สาขาสยามสแควร์วัน (ชั้น 5)
โทร. 02-115-1491
*สาขาสยามสแควร์วัน ให้บริการเฉพาะสุกี้ยากี้+ชาบู ชาบู เท่านั้น
เวลาทำการ : จันทร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น. - สาขาเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต (ชั้น 3 โซนสีส้ม)
โทร. 02-108-7245
เวลาทำการ :- จันทร์-พฤหัสบดี เวลา 10.00-21.00 น.
- ศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
- สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ (ชั้น 2 Food Forest Zone)
โทร. 02-041-3098
เวลาทำการ :- จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น.
- เสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-22.00 น.
- สาขาสเปลล์ แอท ฟิวเจอร์พาร์ค (ชั้น 2 Zentary Zone)
โทร. 02-150-9116
เวลาทำการ :- จันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.00-21.30 น.
- ศุกร์ เวลา 11.00-22.00 น.
- เสาร์-อาทิตย์-นักขัตฤกษ์ เวลา 10.30-22.00 น.
- สาขาจามจุรีสแควร์ ชั้น 3
โทร. 02-115-0141
การเดินทาง : MRT สถานีสามย่าน Exit 2
เวลาทำการ : ทุกวันเวลา 11.00-21.30 น.