เรา 2 คน คือคนไทยที่ได้รับเลือกให้ไป “ค้างคืนในทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน” สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุดของประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของชาติ และไม่ใช่ที่ที่ใครๆ ก็เข้ามานอนค้างคืนได้!!

นี่คือโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตเรา และเป็นประสบการณ์พิเศษที่อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน เราเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้คุณ รู้จักตัวตนของ “ไต้หวัน” มากกว่าที่เคย!!

ย้อนไปหลายเดือนก่อน เรากับยัยหมวยส่ง VDO แนะนำตัวเข้าร่วมโครงการ Spend A Night @ Taiwan’s Presidential Office Building (SNTPOB) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มาลองพักค้างคืน 1 คืน ในทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน (อ่านรายละเอียด ลิงค์นี้ https://www.nightattaiwan.tw/en/index.php)

อารมณ์เหมือน Home Stay ที่เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้มากิน-นอน ให้มาเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น อะไรแบบนั้น แต่นี่เป็นการนอนในทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ก็แปลว่า เค้าอยากเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้ได้มารู้ มาสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของไต้หวัน เราว่าโครงการนี้เป็น Wise Move ที่ไต้หวันอยากให้คนทั่วโลกจดจำไต้หวัน ในฐานะประเทศที่มีความเป็นมิตร ถ่อมตน และเลือกมาเที่ยวไต้หวันมากยิ่งขึ้น

เวลาผ่านไปสักพัก เค้าก็มีอีเมล์มาแจ้งว่า “เราได้รับคัดเลือก ให้เป็น 1 ใน 10 คู่ จากทั่วโลก ที่จะได้เข้าไปนอนในทำเนียบประธานาธิบดี” โอ้โห!!! ตอนนั้นทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น คิดไปต่างๆ นานา ใจนึงก็แอบเกร็งกลัวทำประเทศไทยเสียชื่อ แต่อีกใจก็ เอาวะ!! คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก!! สู้ๆๆ

ยัยหมวยรีบไปทำเสื้อคู่ (ทั้งชุดนอน ทั้งเสื้อทีม) ส่วนเราก็พยายามเรียนรู้เรื่องไต้หวันมากขึ้น พยายามเรียนรู้เรื่องการทำคลิปวีดีโอ ให้เล่าเรื่องสนุก จะได้ทำคลิปมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน (อย่าลืมดูคลิปข้างบนน๊า ^_^)

ไปไต้หวันรอบนี้ เราบินกับ China Airlines เช่นเคย นี่คือสายการบินประจำชาติไต้หวัน ที่ให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย มีระบบความบันเทิงบนเครื่อง อาหารรสชาติดี ที่สำคัญคือให้น้ำหนักโหลดตั้ง 30 KG ครับผม!!

สิทธิพิเศษสำหรับคนที่ได้รับเลือก

สำหรับทุกคู่ที่ได้รับเลือกให้มาค้างคืนในทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน จะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ในการมาเที่ยวไต้หวัน ซึ่งได้แก่

  • ได้เลือกเข้าพักในโรงแรมระดับ 5 ดาว 1 คืน (เลือกจากรายชื่อโรงแรมทั่วไต้หวัน)
  • ได้ทานมื้อเย็นในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์ 1 มื้อ (มื้อเย็นคืนที่เข้าพักในทำเนียบ)
  • มีรถรับ-ส่ง ไปยังทำเนียบ
  • มีบัทเลอร์ส่วนตัวคอยดูแล
  • ได้เดินชมทำเนียบประธานาธิบดีแบบ Exclusive พร้อมไกด์พูดภาษาอังกฤษ

คู่เราได้รับเชิญมาเป็นคู่ที่ 6 กำหนดเข้าพักช่วงวันที่ 20-21 พ.ย. 62 แต่เพื่อความพร้อม เราเลยเดินทางมาก่อนล่วงหน้า 1 วัน และเข้าพักแถวๆ New Taipei City (เพราะยัยหมวยอยากไปเที่ยว Christmasland 5555)

ดังนั้นในคืนแรก เราเลือกใช้สิทธิ์นอนโรงแรม 5 ดาวซะเลย เราพักที่ Caesar Park Hotel Banqiao (ซีซาร์ พาร์ค โฮเทล บันเชียว) โรงแรมหรู งานเนี๊ยบ กลิ่นสะอาด ห้องกว้าง นอนสบาย (โคตรๆ) ทำเลดีใจกลาง New Taipei City ราคาโอเค ไม่แรงมากเหมาะกับนักท่องเที่ยวแทบทุกกลุ่ม

ใครที่วางแผนมาเที่ยวโซน New Taipei City แล้วอยากได้ที่พักดีๆ เราเชียร์ที่นี่ครับ ข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์โรงแรมเลยนะ https://banqiao.caesarpark.com.tw/en/

ในส่วนของ Christmasland ตรง New Taipei City Hall นั้น เค้าจัดได้ยิ่งใหญ่ตระการตาดีนะ ในโซนเอเชีย เรานึกว่ามีแต่ญี่ปุ่นที่ตื่นเต้นกับการจัดงานคริสต์มาส แต่พอได้มาเห็นแบบนี้ บอกเลยว่าไต้หวันก็จัดใหญ่ไม่แพ้ใคร 55555

ถึงทำเนียบประธานาธิบดีแล้ว!!

บ่ายวันรุ่งขึ้น รถจากทำเนียบประธานาธิบดีก็มารับ!! พร้อมบัทเลอร์และทีมงานของโปรเจ็คนี้ พวกเราละลายพฤติกรรมกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างเดินทางจากโรงแรมไปยังทำเนียบประธานาธิบดี

เราแอบคิดนะว่า Security นี่ต้องเข้มข้นสุดๆ ต้องมีรั้วรอบขอบชิด ต้องแลกบัตร ต้องเรื่องเยอะ มีทหาร มีการ์ด ฯลฯ แต่เอาเข้าจริง… เราก็มาถึงทำเนียบแบบไม่ทันรู้ตัว!!?

คุณเชื่อไหม? ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันไม่มีรั้ว!!! มีแค่รั้วต้นไม้เตี้ยๆ ล้อมรับพื้นที่ที่เป็นทำเนียบประธานาธิบดีอยู่เท่านั้น!! แค่ขับจากถนน Bo’ Ai ก็เลี้ยวเข้ามาถึงทำเนียบได้เลย!! แค่วินาทีแรกก็รู้สึกได้แล้วว่าทำเนียบประธานาธิบดีแห่งนี้ไม่เหมือนที่ไหนในโลก…

แม้จะไม่มีรั้วรอบขอบชิด แต่ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน มีระบบรักษาความปลอดภัย เข้มข้น ถึงเข้มข้นมาก!! มีทหารรักษาการ และทหารเวรยามรอบทำเนียบไปหมด เราสองคนต้องห้อย tag ไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในทำเนียบ เพื่อให้การ์ดทราบว่าเรามาทำอะไรที่นี่

ห้องพักชื่อ Duty Room

หลังจากผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยแล้ว บัทเลอร์ได้พาเรามาส่งยังห้องพัก ที่อยู่ชั้น 2 ของอาคารสำนักงานภายในทำเนียบ ห้องพักนี้ชื่อว่า Duty Room (ห้องปฏิบัติงาน) เป็นห้องพักที่ดัดแปลงจากห้องสำนักงานให้กลายเป็นห้องพัก โดยฝีมือมัณฑนากรดังชาวไต้หวัน

ห้องพักอยู่ในตึกส้มๆ ด้านหลังต้นไม้ใหญ่นี่ล่ะ

คอนเซ็ปท์ในการออกแบบห้องพักนั้น เน้นความเรียบง่าย สะดวกสบาย ให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ผู้ออกแบบจึงห้องให้เป็นบ้านไต้หวันแบบร่วมสมัย ที่มีความวินเทจนิดๆ ของตกแต่งทั้งหมดก็เน้นให้เป็นงานแฮนด์เมดของไต้หวัน

ส่วนตัวเราชอบ Duty Room ห้องนี้มาก เป็นห้องพักสีเอิร์ธโทน เน้นสีขาว, น้ำตาล, เทา ที่ได้กลิ่นอายญี่ปุ่นๆ ผสมจีน ข้าวของต่างๆ ก็ดูน่ารักลงตัวไปซะหมด พื้นที่ห้องกว้างมาก มีการจัดแบ่งพื้นที่ได้ดี แบ่งเป็นที่นอน ห้องนั่งเล่น มีบาร์ริมหน้าต่างไว้นั่งจิบชาชมวิว แล้วยังมีส่วนของห้องน้ำและห้องแต่งตัวที่มีพื้นที่กว้างเกือบครึ่งห้องนอนเลยทีเดียว!!!

ปูเป้ชอบห้องน้ำมากเป็นพิเศษ เพราะออกแบบได้สะอาด สบายตา เน้นโทนขาวไปเกือบทั้งห้อง แบ่งพื้นที่เป็นส่วนเปียกอย่างห้องอาบน้ำ, ห้องสุขา มีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ มีโต๊ะแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า

ที่พิเศษคือ เค้าจะมีตะกร้าใส่อุปกรณ์อาบน้ำให้แต่ละคน ข้างในประกอบด้วยของใช้ส่วนตัว, ผ้าเช็ดตัว และผ้าขนหนูที่ปักชื่อผู้เข้าพักเอาไว้ด้วย ดูสิ… ไม่ประทับใจได้ไงเนี่ย ^^

พิธีเชิญธงขึ้น-ลงยอดเสา (Flag Raising and Lowering Ceremony)

ธงชาติที่พลิ้วไสวอยู่บนยอดตึกทำเนียบประธานาธิบดี จะถูกเชิญขึ้นและลงทุกวันในช่วงเช้าและเย็น โดยจะมีกองทหารและกองดุริยางค์ทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้

ช่วงเช้าราวๆ 6:15-6:40 จะเป็นพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสา กองทหารกับกองดุริยางค์จะมายืนรวมพลกันที่ด้านข้างของตึกทำเนียบฯ (หน้าตึกที่เรานอนเลย) เครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มตัดด้วยสีเงินวาวและสีขาวของเครื่องดนตรี, ขลิบข้าง, ถุงมือ, เครื่องหมายต่างๆ เป็นความสวยงามที่เรียบง่ายแต่แฝงความขึงขังเอาไว้

เมื่อถึงเวลา เสียงกลองสแนร์และดรัมจะเริ่มให้สัญญาณเป็นจังหวะ จากนั้นวงดุริยางค์จะเริ่มบรรเลงเพลงมาร์ช แล้วขบวนทหารก็จะเริ่มออกเดินสู่ลานด้านหน้าทำเนียบประธานาธิบดี ทหารกลุ่มเล็กๆ จะวิ่งขึ้นสู่ชั้นบนของหอคอยด้านอาคารทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อทำหน้าที่เชิญธงชาติขึ้น-ลง ตามช่วงเวลา

  • 06:15-06:40 เชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาในเวลาเช้า
  • 16:50 – 17:15 เชิญธงชาติลงจากยอดเสาในเวลาเย็น

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละวัน หากวันไหนลมแรงจัดหรือฝนตกหนัก ก็จะพิจารณายกเว้นพิธีเชิญธงชาติครับผม

นี่เป็นพิธีการที่บุคคลทั่วไปก็สามารถรับชมได้จากถนนด้านหน้าทำเนียบประธานาธิบดีเลยครับ เพียงแต่ทางเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเดินเข้ามาในเขตรั้ว ไม่สามารถเข้าใกล้กองทหาร (ได้เหมือนที่เราทำ)​ เท่านั้นเอง ^^

เดินชมทำเนียบแบบ Exclusive

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเสร็จพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาแล้ว เรากับยัยหมวยก็มาที่ห้องอาหารของตึกทำเนียบประธานาธิบดี (ใส่เสื้อทีมด้วย เห็นป่าว) บัทเลอร์จะนำมื้อเช้ามาเสิร์ฟให้เราครับ เมนูที่ทานได้แก่ (เราเลือกไว้ล่วงหน้าแล้วจากตัวเลือก 3 อย่าง)

  • ก๋วยเตี๋ยวเนื้อซุปมะเขือเทศ ระดับ Champion
  • อาหารเช้าสไตล์ไต้หวัน จากร้าน Fuhang Soy Milk Dou Jiang (阜杭豆漿 ฟู่หังโต้เจียง) เป็นร้านขายน้ำเต้าหู้ชื่อดัง ที่คิวยาวโคตรๆ ของไทเป!!! เราเคยรีวิวร้านนี้ไว้แล้ว อ่านได้ที่นี่ รวม 12 ร้านอร่อยในไทเป ที่ทัวร์ (ไม่ค่อย) พาไป

เรียกว่าเป็นมื้อเริ่มต้นวันที่อร่อยประทับใจเรากับยัยหมวยมากๆๆๆๆ อาหารเช้าจากร้าน “ฟู่หังโต้เจียง” นั้นอร่อยเหมือนที่เราเคยรีวิวไป แต่ “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อซุปมะเขือเทศ” นั้น พิเศษตรงที่เค้าไปรับตัวเชฟรางวัล Champion มาทำให้เราทานถึงที่ทำเนียบเลยทีเดียว!!!

ขอเก็บภาพคู่กับเชฟคนดังซะหน่อย

เสร็จจากมื้อเช้า ก็ได้เวลาเดินทัวร์ทำเนียบประธานาธิบดี!!! ตอนนี้ที่บริเวณชั้น 1 ของทำเนียบฯ กำลังมีนิทรรศการฉลองครบรอบ 100 ปี ของอาคารทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน จัดแสดงอยู่

ถ้ามองจากบนฟ้า จะเห็นรูปทรงอาคาร เป็นตัวอักษรเขียนว่า “พระอาทิตย์”

ก่อนจะมาเป็นที่ทำการทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันอย่างทุกวันนี้ ช่วงปี พ.ศ. 2438 สมัยที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวันอยู่ อาคารแห่งนี้ถูกใช้เป็น “สำนักงานผู้สำเร็จราชการแห่งไต้หวัน” ก่อนการก่อสร้างทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดให้มีการประกวดออกแบบอาคาร สถาปนิกชาวญี่ปุ่น ชื่อ Uheiji Nagano กลายเป็นผู้ได้รับคัดเลือก จากผลงานการออกแบบที่ผสมผสานสไตล์ Renaissance, Baroque และ neoclassical ได้อย่างลงตัว อาคารนี้สร้างแล้วเสร็จเดือน มีนาคม พ.ศ. 2462 กลายเป็นอาคารที่สวยงามและทันสมัยที่สุดในไต้หวัน เป็นอาคารแห่งแรกที่มีลิฟท์ใช้งาน เป็นผลงานชิ้นเอกของญี่ปุ่นในยุคปกครอบไต้หวันเลยทีเดียว!!

แต่ในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (พฤษภาคม พ.ศ. 2488) อาคารแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตร (45 วันหลังการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ญี่ปุ่นก็ประกาศแพ้สงคราม) หลังจากถูกทิ้งร้างไปนาน พ.ศ. 2490 รัฐบาลท้องถิ่นไต้หวันก็ได้กลับเข้ามาบูรณะ โดยได้รับเงินบริจาคจากภาคเอกชน จนแล้วเสร็จในช่วงปลายปี พ.ศ. 2491 และถูกใช้เป็นอาคารสำคัญของประเทศต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน!!

ความน่าสนใจของอาคารทำเนียบประธานาธิบดีแห่งนี้มีเยอะมาก แต่เราขอเล่าเป็นข้อๆ ก็แล้วกันนะ

  • เมื่อมองจากบนท้องฟ้า จะเห็นรูปทรงอาคารเป็นตัวอักษรญี่ปุ่น เขียนว่า “日 = พระอาทิตย์” หมายถึงคนญี่ปุ่นและคนไต้หวัน ที่เป็น “ลูกพระอาทิตย์”
  • “ลูกบิดประตูทุกบาน” เนื่องจากคนญี่ปุ่นมักโค้งตัวแล้วเปิดประตูให้คนอื่นเขาก่อน ลูกบิดจึงอยู่ต่ำกว่าระดับปกติ แสดงถึงความนอบน้อม
  • ในอดีตที่นี่เคยถูกเรียกว่า “ทำเนียบประธานาธิบดี (Presidential Palace) แต่ปัจจุบันทางไต้หวัน ประสงค์จะใช้คำว่า “สำนักงานประธานาธิบดี (Presidential Office Building)” เพื่อให้ประชาชนรู้สึกเข้าถึงได้มากกว่า
  • อาคารแห่งนี้มีสวนอยู่ 2 ฝั่ง บริเวณกลางอาคาร ในยุคแรกถูกใช้เป็นที่จอดจักรยานของเจ้าหน้าที่ ยุคต่อมาถูกทำเป็นที่จอดรถของประธานาธิบดี ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นส่วนหย่อม ให้เจ้าหน้าที่ได้เดินผ่อนคลาย
  • ที่กลางสวนหย่อนทั้ง 2 ฝั่ง มีต้นสนปลูกอยู่ตรงกลางสวน ต้นสนนี้ปลูกขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ที่ค้นพบในชั้นน้ำแข็งบนภูเขาสูง พบว่าตัวเมล็ดมีอายุหลายพันปี แต่เมื่อทดลองปลูกดู ก็พบว่าสามารถเติบโตได้ เมื่อปลูกต้นแรกจนโตแล้ว ก็นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากต้นแรก ไปปลูกต้นที่ 2 ต่อมา
  • “สิ่งประดับ” ภายในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน, ต้นไม้, ดอกกล้วยไม้, ผ้าม่าน ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ภายในประเทศทั้งหมด
  • ตั้งแต่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน “Tsai Ing-wen” เข้ามารับตำแหน่ง ก็ได้จัดนิทรรศการขึ้นบ่อยๆ ในสำนักงานประธานาธิบดี สร้างคอนเซ็ปท์การเปิดบ้านต้อนรับประชาชน ให้เข้ามาเที่ยวชมสำนักงานประธานาธิบดี อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
นิทรรศการบริเวณชั้น 1

นอกจากการเดินชมตัวอาคาร สวน และนิทรรศการที่ชั้น 1 แล้ว เรายังได้รับอนุญาตให้ขึ้นมายังชั้นบนของอาคาร ซึ่งเป็นห้องรับรองของทำเนียบ, ห้องแถลงข่าว เรื่อยมาจนถึงห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นครึ่งตัวของอดีตประธานาธิบดี “ซุน ยัตเซ็น (Sun Yat-sen)” ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “Father of the Nation” ซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชนชาวไต้หวันจวบจนทุกวันนี้

ถ่ายรูปคู่ท่าน ซุน ยัตเซ็น

แม้เราจะมาเที่ยวไต้หวันแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง แต่ประสบการณ์พิเศษที่เราได้สัมผัส ตลอด 2 วัน 1 คืน ในทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ทำให้เรามองเห็นได้ชัดเจนว่าประเทศนี้เปิดบ้านต้อนรับเพื่อนใหม่จากทั่วโลกด้วยน้ำใจไมตรี นี่คือประเทศที่เรียบง่าย ไร้พิธีรีตรอง และให้คุณค่ากับประชาชนอย่างน่าประทับใจ

มีคนเคยบอกเราว่า “สมบัติล้ำค่าของไต้หวัน ก็คือประชาชนชาวไต้หวัน” ซึ่งก็พิสูจน์ได้แล้วว่าประโยคนี้ไม่ได้สวยหรูเกินจริง มาครับ!! นี่คือประเทศที่ผู้นำสูงสุด ลงทุนเปิดบ้านต้อนรับคนไทย เราเชื่อว่าคนไทยเองก็พร้อมจะรักไต้หวัน และมาท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมสองประเทศให้ใกล้กันมากกว่าที่เคย!!