สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมต้นนะครับ เป็นพนักงานออฟฟิต ที่ชอบท่องเที่ยวถ่ายภาพ ขออนุญาตเอาบันทึกการเดินทางของผมกับแฟนมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ฟังนะครับ
ภาพประกอบจะมีทั้งจากกล้อง DSLR และจากกล้องมือถือนะครับ (ผสมๆ กันไป)
จุดกำเนิดการเดินทาง
ผมกับแฟนเป็นพนักงานออฟฟิศครับ ผมทำงานการตลาด ส่วนแฟนช่วยงานธุรกิจของญาติ งานของเราหนักหน่วงเหมือนกับที่เพื่อนๆ ทุกคนเจอครับ ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้มีแต่ลดคนแล้วเพิ่มงานกันทุกบริษัท ผมกับแฟนก็เจอหนักเหมือนกันครับ บางช่วงทำสัปดาห์ละ 6-7 วันเลย ทำงานหนักๆ สะสม ไปๆ มาๆ ก็เฉาครับ สุดท้ายนั่งมองตากัน แล้วก็สรุปว่าเราต้อง “หนีงานไปเที่ยว !!!!” โดยด่วน
ก่อนจะไปเราลิสต์รายชื่อที่เที่ยวเพียบเลย ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง บาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ สุดท้ายเราเลือกไปที่เที่ยวในฝันของเราก่อนนั่นคือ “เจแปนแดนอาทิตย์อุทัย” นั่นเอง และความที่เราทั้งคู่ชื่นชอบวัฒนธรรมดั้งเดิม เราเลยเลือกจะไปตามฝันในแถบคันไซก่อนเลย โดยเราทั้งคู่ตั้งโจทย์กับตัวเองว่า
- ใช้เงินไม่เยอะ
- กินอร่อย นอนสบาย เดินทางสะดวก
- ผมได้ถ่ายรูป แฟนได้ช้อปปิ้ง
- ได้เที่ยวสวนสนุก
- ได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับแต่ละสถานที่อย่างเต็มอิ่ม
- ได้แช่ออนเซ็น และนอนเรียวกัง
เงื่อนไข 6 ข้อนี้ใหญ่หลวงนักครับ ดังนั้นการวางแผนเองจึงได้เริ่มต้นขึ้น เพราะคงไม่มีบริษัททัวร์ไหนจะทั้งหมดนี้ให้เราได้ ในราคาประหยัดแน่นอน เราเลยทำรายการสิ่งจำเป็นไว้ดังนี้ครับ
1. ตั๋วเครื่องบิน – เราพยายามดูตั๋วโปรโมชั่นของแต่ละสายการบินที่จะพาเราไปเที่ยวช่วงหลังปีใหม่ (เลี่ยงช่วงคนเยอะ) สุดท้ายก็ได้ตั๋วโปรของ Air Asia X ครับ ราคารวมตกคนละ 10,500 บาท ราคานี้รวม….
- ค่าตั๋วไป-กลับ + ภาษีสนามบิน
- ค่า load น้ำหนักกระเป๋าคนละ 20 โล
- ค่าเลือกที่นั่งติดกัน
- ค่าอาหาร 2 คน เฉพาะขาไป (ขากลับเรากลับเที่ยวดึกเลยครับแต่ไม่เอาอาหาร)
- ค่าธรรมเนียมรูดผ่านบัตรเครดิต
คำแนะนำ : ราคาจะถูกลงกว่านี้อีกมาก ถ้าเราเลือกซื้อน้ำหนักโหลด 20 โลแค่คนเดียวเฉพาะขาไป แล้วขากลับค่อยซื้อเพิ่มทั้ง 2 คน หรือถ้าเราไม่เอาอาหาร และถ้าเราไม่ซีเรียสเรื่องต้องนั่งติดกันด้วย
2.Pocket wifi – จะเป็นประโยชน์มากๆในที่ที่เรามีอุปสรรคด้านภาษา อากู๋(เกิ้ล) จะช่วยเราหาที่กิน,ที่เที่ยว,เส้นทางตารางเวลารถโดยสาร รวมถึงยังช่วยแปลได้ด้วย ใครเคยใช้ google translator คงจะปลาบปลื้ม (มันเทพมาก)
เราเลือกใช้ WISE pocket wifi : ค่าเช่าวันละ 250 บาท (ไม่นับวันเดินทางไป-กลับ) เป็นราคารวมค่าประกันเครื่องครับ แต่ยังไม่รวม vat 7% วันไปเช่าต้องจ่ายเต็มจำนวนพร้อมมัดจำค่าเครื่อง 1,000 บาท
3. ที่พัก – สำหรับทริปนี้เราเลือกใช้โรงแรมในเครือข่ายของ Toyoko Inn ครับ เนื่องจากมีเครือข่ายแทบทุกเมืองในญี่ปุ่น มีมาตรฐานดี ห้องสะอาดตั้งอยู่ในย่านที่เข้าถึงง่าย
และตามโจทย์ที่เราตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปนอนเรียวกังกับแช่ออนเซ็น 1 คืน เราจึงเข้าไปหาข้อมูลที่พักใน agoda.com, expedia.com และ booking.com เพื่อเทียบราคาครับ และเราก็ได้ที่พักเป็นเรียวกังชื่อดังแถมราคาไม่แพง Nanten-en Anami Onsen มาครับอยู่ห่างจากโอซาก้านิดนึงแต่สวยงามและคุ้มมากครับ
มีคืนที่ 4 ที่เกียวโตเท่านั้นครับที่พักที่ Ibis Kyoto station เนื่องจากอยู่ตรงข้ามสถานี Kyoto station เลยเดินแค่ 2 นาทีถึงโรงแรม
4. การเดินทาง – การเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่นถ้าวางแผนดี + ซื้อตั๋วเหมาจะทำให้เรา save ค่าใช้จ่ายได้เยอะครับ ทริปนี้เราเลือกใช้ …
Kansai thru pass แบบเหมา 3 วัน : ข้อดีของบัตรนี้คือไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่อง ถ้าเที่ยวแถวคันไซผมแนะนำอันนี้ครับ คุ้มมาก สามารถใช้ขึ้นรถเมล์ได้แถมยังได้ส่วนลดและสิทธิประโยชน์อื่นในการเข้าสถานที่แถบ Kansai ด้วย
JR Kansai pass แบบต่อเนื่อง 2 วัน : เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางจาก Himeji -> Kyoto รวมถึง ยังใช้เดินทางด้วย รถเร็ว JR จาก Kyoto -> Osaka ด้วยครับ
5. สุดท้ายคือตั๋วเข้า Universal – มี 2 แบบให้เลือกครับ
ตั๋วรวมเครื่องเล่นทุกอย่าง (แต่ต้องต่อคิวเอง)
ตั๋วรวมแบบ 3, 5, 7 เครื่องยอดฮิต (แบบไม่ต้องไปต่อคิว) มี fast track
ตั๋วแบบแรกอาจจะดูคุ้มแต่คิวโคตรยาวววววววครับ บางเครื่องเล่นรอกันเป็น 1-2 ชั่วโมง ผมแนะนำตั๋วแบบที่ 2 นะครับ ได้เล่นชัวร์แถมไม่ต้องรอคิวนานมาก
หลังจากรวบรวมข้อมูล และเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว (มั๊ง) พวกเราก็หนีงานไปเที่ยวกันเถอะ!!
แผนการเดินทางของเราเป็นแบบตารางด้านบนนี้นะครับ มาคอยเอาใจช่วยพวกเราในตอนต่อไปนะคร๊าบบบ…