“เฮ้ย!! ทำไมเราไม่ไปไต้หวันซักทีวะ” เป็นคำถามที่ผมมักถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แล้วส่วนใหญ่ผมก็มักเลือกที่ตอบตัวเองว่า “ก็ ที่อื่นน่าไปกว่านี่หว่า หุๆ ไหนจะญี่ปุ่น ไหนจะจีน ไหนจะเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า บลา บลา บลา…” อันที่จริงมันก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกนักหรอกนะ แต่เหตุผลจริงๆ คือ ผมมีความรู้เกี่ยวกับไต้หวันน้อยมาก แถมหลังๆ ก็ไม่ค่อยจะแน่ใจว่าเราควรเรียกที่นี่ว่าประเทศไต้หวัน หรือเขตปกครองพิเศษไต้หวัน (แบบที่เรียกฮ่องกง) กันแน่ เฮ้อ… คิดแล้วปวดหัวว่ะ ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า (55555 เป็นงั้นไป)
แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ใจเด็ก ผมเลยยังคงชอบจะดูการ์ตูนอยู่ นั่นจึงทำให้ผมได้พบกับการ์ตูนเรื่อง Spirited Away เป็นการ์ตูนแนวแฟนตาซีของ ฮะยะโอะ มิยะซะกิ (Hayao Miyazaki) และสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) การ์ตูนเรื่องนี้ดังมากนะครับ ภาพสวย เนื้อเรื่องดี เล่าเรื่องสนุก แฝงข้อคิดต่างๆ มากมาย และที่สำคัญฉากหลังของเมืองในการ์ตูนเรื่องนี้ (ที่เป็นเมืองโบราณประดับด้วยโคมไฟจีนสีแดงๆ) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองโบราณกลางขุนเขาที่ชื่อ “จิ่วเฟิ่น” ในไต้หวันนั่นเอง แถมต่อจากนั้นไม่นานก็มีโอกาสได้ชมสารคดีท่องเที่ยว ที่พาไปเที่ยวยังที่ต่างๆ ในไต้หวัน ตอนนั้นเองที่ทำให้ผมตัดสินใจว่า… “ไต้หวัน เดี๋ยวเราจะได้เจอกัน”
ก่อนออกเดินทาง เรามาดูข้อมูลคร่าวๆ ของไต้หวันกันสักนิดนะครับ
ไต้หวันนั้นเป็นหมู่เกาะขนาดใหญ่อยู่ระหว่างทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีด้านตะวันตกติดกับจีน ด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือติดกับญี่ปุ่น และด้านใต้ติดกับฟิลิปปินส์
มีกรุงไทเปเป็นเมืองหลวง และมี ไทเปใหม่ หรือ New Taipei เป็นเขตปกครองที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งกินพื้นที่กรุงไทเปและเป็นเขตซึ่งประชากรหนาแน่นที่สุดในเวลานี้
สำหรับสถานะของไต้หวันบนเวทีโลกนั้นยังค่อนข้างคลุมเครือ เนื่องจากยักษ์ใหญ่หลังม่านไม้ไผ่อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เคยให้อธิปไตยอย่างเป็นทางการให้กับไต้หวัน ดังนั้นไต้หวันจึงยังคงถือเป็นมณฑลหนึ่งของจีนอยู่ หากแต่เป็นเขตปกครองตนเองพิเศษที่ประเทศจีนไม่เข้ามาก้าวก่ายในการบริหารกิจการภายในไต้หวัน ส่วนรายละเอียดลึกๆ ทางการเมืองการปกครองของไต้หวัน ผมแนะนำให้หาอ่านเพิ่มเติมนะครัส เนื่องจากไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่จะพาไปเที่ยวใดๆ เลย 55555
อ้อ… ขอเพิ่มเติมนิดนึงนะครับ ว่าสำหรับในระดับนานาชาติแล้ว ไต้หวันมีชื่อเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐจีน หรือ Republic of China” ซึ่งเป็นคนละอันกับ “สาธารณรัฐประชาชนจีนหรือประเทศจีน” นะครับ อย่าได้งง ดังนั้นจากนี้ไปผมจะเรียกไต้หวันว่าเป็น “เกาะไต้หวัน” หรือ “ไต้หวัน” เฉยๆ นะครับ
กลับมาเข้าเรื่องการเดินทางของเราต่อกันดีกว่าเนอะ เรื่องเที่ยวมันต้องไม่เกี่ยวกับการเมืองนะครัส
เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่ยังไม่รู้จักไต้หวันดี อาจจะคิดว่าคนเกาะไต้หวันนี่น่าจะคล้ายๆ กับฮ่องกง หรือคล้ายๆ กับมาเก๊า ถ้ายังคิดแบบนั้นอยู่ ผมขอบอกเลยครับว่าคุณคิดผิด !! เพราะคนที่นี้แม้จะหน้าจีน แต่ดูจะเหมือนเป็นคนตะวันตกในร่างคนจีนเสียมากกว่า
เนื่องจากไต้หวันนั้นมีรูปแบบวัฒนธรรม ธรรมเนียมทางสังคม และระบบการศึกษาที่ก้าวหน้ากว่าหลายประเทศในแถบภูมิภาคนี้มากๆ ครั้งหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 17 ไต้หวันเคยถูกครอบครองโดยชาววิลันดาและชาวสเปน แล้วหลังจากนั้นในปี 1895 ไต้หวันก็เคยตกไปเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นอยู่พักใหญ่จวบจนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไต้หวันจึงได้กลับคืนมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีนอีกครั้ง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ปัจจุบันไต้หวันมีการปกครองแบบประชาธิปไตย มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและมีบทบาทสำคัญมากในเศรษฐกิจโลก
การมาเที่ยวไต้หวันจึงแสนสะดวก ปลอดภัย จนบางครั้งเราอาจนึกว่าตัวเองกำลังท่องเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่นโดยไปพร้อมๆ กับการลิ้มรสอาหารจีนสไตล์ไต้หวันแสนอร่อยไปพร้อมๆ กัน!!!
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ระดับความอยากไปเที่ยวไต้หวันของเพื่อนๆ น่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 30% แน่นอน ถ้างั้นเราไปเที่ยวไต้หวันกันดีกว่าาาา !!!!
การเดินทางมาไต้หวัน : บอกเลยว่าตั๋วไม่แพง มีสายการบินหลากหลายมากที่บินมาลงไต้หวัน แต่สำหรับพวกเราชาว Low Cost ก็จะมีราคาโปรฯ แรงๆ จากสายการบินต้นทุนต่ำมากมาย บินตรงจากประเทศไทย ทั้ง EVA Air, Tigerair, V Air เป็นต้นครับ สนนราคาตั๋วก็ไม่แพงมาก อยู่ในช่วง 3,xxx – 6,xxx บาท
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของไต้หวัน 1 บาท = 1.07 NT$ ค่าครองชีพที่ไต้หวันไม่แพงมากนะครับ อาจจะสูงกว่ากรุงเทพฯ สักเล็กน้อยครับ
ระบบคมนาคมขนส่งในไต้หวัน : เจริญมากมายครับ มีให้เลือกกันหลายแบบดังนี้
- รถไฟฟ้า MRT สำหรับเที่ยวไปในเมืองหลวงอย่างไทเป มีโครงข่ายครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ในเมืองหลวงเลยล่ะครับ โดยมีทั้งแบบซื้อตรงจากเครื่องจำหน่ายตั๋ว หรือซื้อเป็น Easy Card จากพนักงานประจำสถานีครับ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรฯ ต่างๆ ได้ที่นี่นะ http://english.gov.taipei/
- รถไฟ TRA ซึ่งจะพาเราไปเที่ยวเกือบทุกที่รอบเกาะไต้หวันเลยครับ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทั้งไทเป เถาหยวน ซินจู๋ อี๋หลาน เหมียวลี่ ไถจง ฮวาเหลียน หนานโถว จังฮว่า อวิ๋นหลิน เจียอี้ ไถหนาน เกาสง ไถตง ผิงตง โดยมีทั้งแบบซื้อตรงจากเครื่องจำหน่ายตั๋ว ซื้อตรงจากพนักงานประจำสถานี / ซื้อตั๋ว Online ผ่านเว็บไซต์ของ TRA ที่นี่ครับ http://railway.hinet.net/net_eng.htm / ซื้อตั๋วผ่านทางตู้อัตโนมัติ i-bon ในเซเว่นไต้หวัน
- รถไฟซุปเปอร์ความเร็วสูงงงง… THSR หรือ Taiwan High Speed Rail รถไฟหัวกระสุนสีส้มขาว รวดเร็ว นั่งสบาย วิ่งข้ามจังหวัด เริ่มต้นที่ไทเปและไปจบที่จั่วอิ๋ง (เกาสง) ซึ่งขณะนี้รถไฟความเร็วสูงจะวิ่งผ่านเพียง 11 สถานีเท่านั้น ดังนี้ ไทเป ปั่นเฉียว เถาหยวน ซินจู่ เหมี่ยวลี่ ไถจง จังฮว่า อวิ๋นหลิน เจียอี้ ไถหนาน จั่วอิ๋ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่นะครับ http://www5.thsrc.com.tw/en/
- รถเมล์และรถบัส โดยมีทั้งรถประจำทางวิ่งในเมืองไทเปและเมืองใกล้เคียง หรือจะเป็นรถบัสเดินทางระหว่างเมือง หากไม่รีบมาก การเดินทางด้วยรถบัสถือว่าประหยัดสุดครับ ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่นะครับ http://www.e-bus.taipei.gov.tw/new/english/en_index_6_1.aspx
- รถแท๊กซี่ มีแบบมิเตอร์และแบบเหมา เหมาะสำหรับกรณีเร่งด่วนหรือใช้เพื่อท่องเที่ยวยังสถานที่เฉพาะ อาทิ อุทยานแห่งชาติโทโรโกะ เป็นต้น ราคาค่าโดยสารก็ไม่แพงเกินเหตุครับ
แล้วฉันจะอัพ status คุย LINE เล่น Facebook ได้ยังไง !? : ขอบอกว่าสบายมากครับ เพราะที่นี่เค้ามีเคาท์เตอร์จำหน่ายซิมการ์ดที่สนามบินเลย (ออกจาก ตม. มาให้เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงมาสุดทาง) มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ 4G LTE ที่นี่แรงโพดๆ ครัส พูดเลย
เอาล่ะ ข้อมูลเบื้องต้นพร้อมแล้วนะ ถ้างั้นเราออกเดินทางกันเลย เราจะไปให้รู้ว่า “เกาะไต้หวันมันจะน่าเที่ยวสักแค่ไหนกันเชียว”
วันเดินทาง
ทริปนี้เราทั้งคู่เลือกเดินทางกับ Tigerair นะครับ อันที่จริงช่วงนั้นก็มีโปรฯ แรงๆ หลายเจ้า แต่ที่เลือกสายการบินนี้เพราแอบวางใจกับมาตรฐานบริการของสายการบินสัญชาติสิงคโปร์ครับ (แต่ก็แอบเสียดายโปรฯของ V Air เหมือนกันนะ 3,xxx เองง่า) และเพื่อให้สามารถผ่าน ตม. ประเทศไทย ณ ดอนเมืองได้โดยไม่ตกเครื่องก่อน ผมกับแฟนเลยไปถึงสนามบินก่อนเวลา 3 ชม. เลยทีเดียว
เราใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งในการเดินทางก็มาถึงสนามบินเถาหยวนแล้ว (หลับเอาแรงมาเรียบร้อยแล้ว 555) สนามบินแห่งนี้สวยมีเอกลักษณ์มากเลยทีเดียวครับ
เมื่อรับกระเป๋าและผ่าน ตม. ออกมาแล้ว แนะนำให้เลี้ยวขวาแล้วเดินมาสุดทางเดิน ก็จะพบกับจุดจำหน่าย Sim Card ของค่ายมือถือ ผมแนะนำให้ซื้อซิมที่นี่เลยครับ เพราะถ้าไปซื้อในเมืองจะหาซื้อยากสักนิดครับ
ได้เวลาเข้าไทเปกันแล้น… เย้!!
เมื่อซื้อซิมการ์ดเสร็จแล้ว ก็ให้เดินลงบันไดเลื่อนมายังจุดขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางเข้าเมืองไทเปกันครับ สำหรับการเดินทางเข้าเมืองไทเปนั้นมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถบัส หรือ MRT หรือ Taxi หรือจะให้เพื่อนมารับ (ถ้ามีเพื่อนนะ) แต่ผมเลือกใช้บริการรถบัส Kua-Kuang ครับ
การเดินทาง: จากจุดจำหน่าย Sim Card ให้เดินลงบันไดเลื่อน โดยสังเกตป้าย “Bus to City / Bus to High Speed Rail” เดินต่อไปจนเห็นป้าย “Ticketing counter” เพื่อซื้อตั๋วรถบัส Kua-Kuang No.1819 ที่ counter เบอร์ 7-8 แล้วออกไปต่อแถวขึ้นรถบัสด้านนอก บริเวณช่องจอดรถเบอร์ 5 ครับ
เทคนิคซื้อตั๋วรถบัสให้ได้ราคาถูก คือ ซื้อตั๋วไป–กลับพร้อมกันจะได้ราคา round trip = 230 NT (ราคาค่าโดยสารเที่ยวเดียว 125 NT ) ดูข้อมูลได้ที่นี่ครับ http://www.kingbus.com.tw/index.php
รถบัส Kua Kuang No.1819 ใช้เวลาเข้าเมืองไทเปเพียง 45-60 นาที ระหว่างเดินออกมารอขึ้นรถ เราก็ได้สัมผัสอาการของไต้หวันช่วงปลายเดือน ก.ค. ซึ่งก็ถือว่าไม่ร้อนมากครับ ตอนนั้นภาวนาว่าทริปนี้ขออย่าได้เจอฝนตกเล้ย… สาธุ!!
ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง รถบัสก็มาจอดที่สถานีปลายทาง ณ Taipei Main Station ครับ เราเลือกพักโรงแรมในบริเวณนี้เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง เนื่องจากสถานีนี้เป็นศูนย์กลางของการเดินทางเกือบทั้งหมดในไต้หวันครับ
ขอเวลาไป Check-in แป๊บนึงนะ โรงแรมที่เราพักในคืนแรกชื่อ Say Love Hotel ครับ ห่างจากสถานีแค่ 400 เมตรเอง เดินได้สบายเลย
จากนั้นก็มาเตรียมรับตั๋วสำหรับการเดินทางไปทะเลสาบสุริยันจันทรา (SUN MOON LAKE) ในวันรุ่งขึ้น
ตั๋วขาไป–กลับของรถไฟความเร็วสูง THSR (ซึ่งเราได้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้าและชำระเงิน online เรียบร้อยแล้ว) ดังนั้นแค่ยื่นเอกสารใบยืนยันก็สามารถรับตั๋วได้ทันที
ล้างหน้าล้างตาเสร็จ เราก็เริ่มแผนแรกกันเลยครับ นั่นคือการไปชมวิวสวยๆ ถ่าย Cityscape มุมสูงจากชั้น 89 ของตึก Taipei 101 การเดินทางก็ใช้บริการ MRT จาก Taipei Main Station ไปยังสถานี Taipei City Hall (เดินออกประตู 4) เลยครับ
ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกทึ่งในความยิ่งใหญ่และสวยงามของตึกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ Taipei 101 เป็นตึกระฟ้าที่มีความสูง 101 ชั้น 449 เมตร ได้รับออกแบบมาตามหลักฮวงจุ้ย มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมจีนเข้ากับสากลอย่างลงตัว รูปทรงของตึกแต่ละชั้นจะดูคล้ายกับเงินของจีนโบราณ Taipei 101 เคยได้รับการบันทึกให้เป็นอาคารสูงที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2547 จนกระทั่ง “อาคารเบิร์จคาลิฟา” ที่ประเทศดูไบมาล้มแชมป์ไปในที่สุด
Taipei 101สามารถมองเห็นตึกนี้ได้จากเกือบทุกมุมของไทเปครับ เราจึงมักเห็นภาพถ่ายของตึกเคียงคู่กับวิวเมืองจากหลากหลายมุมในไทเป
ข้อมูลของตึกที่ค้นหามา ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามาในหัวผม ตามจำนวนก้าวที่พวกเราเดินเข้าไปใกล้ตึก แอบจินตนาการถึงภาพมุมสูงของเมืองไทเปที่เราจะได้เห็นจากตึกนี้ มันจะต้องเจ๋งกว่าวิวจากตึกใบหยก 2 แน่นอน
แต่แล้ว… ฝันนั้นก็สลายไปในพริบตา !!!
เพราะเมื่อขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้น 5 เพื่อซื้อตั๋ว ก็พบว่า “ทัวร์จีนครับ !!! โอ้แม่เจ้า ทัวร์จีนคิวยาวเป็นกำแพงเมืองจีนเลย !!! นาทีนั้นรู้สึกเหมือนนางงามโคลัมเบียที่ได้มงกุฏนางงามจักรวาล แต่แล้วพิธีกรก็เดินมาบอกว่า “ขอโทษนะ กรูประกาศผลผิด” ความฝันจะขึ้นตึกต้องยุติลงทันที เพราะเมื่อสอบถามดูแล้ว กว่าจะถึงคิวของเรา ฟ้าก็คงมืดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว ถ่ายรูปไปคงไม่สวย ยิ่งเทียบกับค่าขึ้นตึก หัวละ 500NT ผมว่าเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่า
เราใช้เวลาทำใจอยู่ครู่นึง ปาดน้ำตา แล้วก็เดินหน้าหามุมถ่ายภาพต่อไป และแล้วแฟนก็นึกได้ว่ามีอีกหนึ่งมุมที่เราเล็งไว้ว่าจะมาถ่ายภาพตึก Taipei 101 คิดได้ดังนั้นก็เริ่มออกเดินทางทันที จุดหมายของเราคือมุมถ่ายรูปบริเวณตึก Cathay United Bank ซึ่งไม่ไกลจากตึก Taipei 101 มากนัก
พอไปถึงก็มีตากล้องท้องถิ่นหลายคนกำลังก้มๆ เงยๆ หามุมถ่ายรูปอยู่ ผมก็เลยไปขอแจมถ่ายภาพกับเค้าด้วย หลังจากได้ภาพจนสมใจแล้ว คุณแฟนก็สะกิดว่า “เฮ้ย… หิว ไปเดินตลาดกลางคืนกันเถอะ” ราตรีนี้จึงยังไม่จบ เดี๋ยวเราไป Shilin Night Market อันลือลั่นกัน
ระหว่างทางเดินกลับเพื่อไปขึ้น MRT เราจะต้องเดินผ่านลานกิจกรรมของ Shin Kong Mitsukoshi เราพบว่าชาวไทเปนี่ชอบออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งกันจริงๆ ครับ แม้จะค่ำมืดแล้วแต่ก็มีผู้คนมากมายออกมาเดินเล่น กินดื่ม และไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือ “การแสดงเปิดหมวก” ทั้งโชว์ร้องเพลง–เล่นดนตรี โชว์กายกรรม หรือโชว์สัตว์เลี้ยง ช่างเป็นสีสันที่น่าสนใจของค่ำคืนจริงๆ ครับ
การเดินทางไป Shilin Night Market นั้นเราใช้บริการ MRT สายสีแดง โดยไปลงที่สถานี Jiantan (ทางออก 1) พอลงสถานีก็จะเจอสามแยกไฟแดงใหญ่ ให้เราเดินข้ามถนนไปก็จะถึงแล้ว โดยหากเราเดินไปทางขวาจะพบร้านค้าและร้านขายอาหารแปลกตามากมาย มองไปก็คล้ายๆ กับบ้านเราเหมือนกันนะ
สินค้าส่วนใหญ่ก็เป็นของคุ้นตา อาหาร ผลไม้ ขนม เครื่องดื่ม เสื้อผ้า รองเท้า สินค้ากลุ่ม Gadget หรืออุปกรณ์มือถือมีขายกันเยอะเลย แต่ที่ผมชอบสุดคงเป็นอาหารของเค้าครับ หลายอย่างเป็นเมนูแปลกตา แต่รสชาตินี่โดนมากจริงๆ โดยเฉพาะไส้กรอกและไก่ทอดชิ้นใหญ่ยักษ์ Hot Star
หลังจากเดินชมตลาดและหาของอร่อยใส่ท้องกันจนแน่นพุงแล้ว เราทั้งคู่ก็กลับโรงแรมเพื่อพักเอาแรงสำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ต่อไป
สถานีต่อไป “ทะเลสาปสุริยันจันทร Sun Moon Lake” ครับ
++ รีวิวไต้หวันสไตล์หนีงานไปเที่ยว (ตอนที่ 2) มาแล้วจ้า ++
ใครที่อยากรู้ว่ารถไฟความเร็วสูง HSR ของไต้หวันเป็นยังไง ใครที่วางแผนจะไปเที่ยวทะเลสาปสุริยันจันทรา รีบมาอ่านเลยจ้า
http://wp.me/p6rcdI-bb
——————————————————
โอเอซิสของคนเจอมรสุมงาน งานเหนื่อย งานหนัก เจ้านายบี้งาน สมองตัน ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน แวะมาเพจนี้ครัส ผมจัดรีวิวที่สิ่งอันที่จะทำให้ท่านอยากหนีงานไปเที่ยว
อ่านจบแล้วก็รีบกลับไปทำงานเมคมันนี่ซะนะ จะได้มีตังค์มาเที่ยวกับกระโผมมม
https://www.facebook.com/ibreak2travel/?ref=hl
Airasia เคยมีบินตรงจากไทยไปไทเปพักนึงแต่เลิกไปหลายปีแล้ว ตอนนี้มีแต่บินตรงจากมาเลย์
ใช่แล้วครับ สำหรับ Air Asia ตอนนี้ไม่มีบินตรงจากดอนเมืองแล้ว ถ้าจะบินไปไทเป ต้องไปรอ Transit ที่มาเลเซียก่อน
ไต้หวันกลับคืนสู่จีน ปกครองโดยสาธารณรัฐจีน ไม่ใช่จีนคอมมิวนิส ก็เหมือนเกาหลีเหนือ เกาหลีไต้ สายตาคนจีนแผ่นดินใหญ่คิดว่าไต้หวันคือมณฑลหนึ่งของจีน แต่คนไต้หวันคิดว่าเค้าเป็นประเทศๆหนึ่ง
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม
เวลาผมไปไต้หวันก็ต้องพูดประมาณว่าไต้หวันคือประเทศๆหนึ่งแม้ไม่ได้การยอมรับจาก UN เพราะจีนแผ่นดินใหญ่ขวางไว้ คนไทยไปพูดว่าไต้หวันเป็นมณฑลๆหนึ่งของจีนระวังจะถูกโกรธเอาครับ 55 คนไต้หวันจะว่าไปเค้าก็คือคนจีนนั่นแหล่ะ แต่ชนเผ่าชาวเกาะดั้งเดิมเขาก็มี แล้วไม่ได้พูดภาษาจีน แต่ชาวไต้หวันแท้ๆ เค้ามีจำนวนน้อยมาก ไม่ถึงล้านคนครับ ส่วนมากผิวจะคล้ำหน่อย
น่าสงสารตรงที่ว่า จะเป็นประเทศก็เป็นไม่ได้ จะเข้าร่วมอะไรระหว่างประเทศก็โดนขัดขวาง โดยจีนล้วนๆคับ ไต้หวันทำได้แค่คงสถานะกึ่งรัฐกึ่งประเทศ เพื่อไม่ให้จีนเข้ามาบุก แต่จีนรอการรวมตัวก่าไต้หวัน แต่ก็คงไม่ได้ง่ายหรอกผมว่า ประชาชนส่วนใหญ่เลือกที่จะเป็นประเทศ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับจีน แต่จีนก็ยังยืนกรานว่าจะต้องรวมตัวเท่านั้น เพราะฉะนั้นไต้หวันคงสถานะแบบนี้มาตลอดคับ ที่จีนยังเอาไต้หวันกลับไม่ได้เพราะ ต่างฝ่ายต่างมีอาวุธ ไม่เหมือนฮ่องกงและมาเก๊าที่ไม่มีอาวุธเลย ถ้ารบกันจริงๆ ก็มีตาย ถึงรู้ๆกันอยู่ว่าจีนจะชนะ แต่มันคงไม่เสี่ยงสูญเสียประชากรหรอกมั้งผมว่านะ
ส่วนตัวเห็นใจคนไต้หวันครับ ในเนื่อหาเลยพยายามบอกว่าเป็นเกาะไต้หวันมากกว่า เพื่อเลี่ยงประเด็นการเมือง
ถ้าพูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ รัฐบาลไต้หวันเองก็พยายามสร้างจุดยืนในเวทีโลกมาช้านานแล้ว ตั้งแต่สมัยสาธารณรัฐประชาชนจีนยังปิดประเทศอยู่ด้วยซ้ำ แต่ปลาเล็กหรือจะสู้เจ้าสมุทร เมื่อจีนเปิดประเทศ สถานะของไต้หวันเลยเป็นอยู่แบบนี้
ผมชอบไต้หวันมากนะครับ ไปแล้วก็อยากไปอีก