นี่คือทริป 9 วัน 7 คืน ที่จะพาคุณไปท่องเที่ยว “ชัยปุระ (Jaipur)” เมืองสำคัญของแคว้น “ราชสถาน (Rajastan)” ประเทศอินเดีย  ดินแดนที่รุ่มรวยไปด้วยสถาปัตยกรรมสุดวิจิตรอลังการ ประวัติศาสตร์ จิตวิญญาณ และวิถีชีวิตแบบอินเดีย ที่เข้มข้น จี๊ดจ๊าด ไม่เหมือนใคร ตามเราไปตะลุย  Jaipur, Jodhpur, Udaipur และ Pushkar เมืองสำคัญทั้ง 4 ของแคว้นนี้ด้วยกันครับ

เนื้อหาในรีวิวนี้จะคล้ายๆ Travel Guide ประกอบด้วยข้อมูลการเดินทาง, การขอวีซ่า, คำแนะนำเรื่องการวางแผนเส้นทาง, การเช่ารถ, ข้อมูลที่พัก, ร้านอาหาร, โรงแรม และเกร็ดความรู้ต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ คนทำงาน จะได้ประหยัดเวลาในการทำแผนการเดินทาง แล้วเอาเวลามาสนุกสนานกับทริปนี้ให้เต็มที่

การวางแผนทริป

โจทย์ที่เราตั้งใจไว้ในทริปนี้ก็คือการไปเที่ยวย้อนรอยชมความสวยงานของสถาปัตยกรรมอินเดีย ใน 3 เมืองดังแห่งแคว้นราชสถาน อันได้แก่ Jaipur (ชัยปุระ), Jodhpur (จูดห์ปุระ) และ Udaipur (อุเดปุระ) แต่ระหว่างที่หาข้อมูลเที่ยว

เราพบว่ามีเมืองเล็กๆ อีกเมืองนึงที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน เมืองนี้ชื่อ Pushkar (พุชการ์) ซึ่งความน่าสนใจไม่ได้อยู่ที่ป้อมหรือพระราชวัง แต่เป็นทะเลสาบ Pushkar ทะเลสาบใหญ่กลางเมืองที่ผู้คนล้วนกราบไหว้บูชาไม่แพ้แม่น้ำคงคา เราจึงเพิ่มเมือง Pushkar ไว้ในแผนเที่ยวด้วย ซึ่งก็อยู่ระหว่างทางจาก Jaipur ไป Jodhpur พอดี

แผนที่เส้นทางเที่ยว 4 เมืองดังแห่ง Rajastan

เมื่อได้เมืองเป้าหมายแล้ว เราจึงวางแผนเรื่องระยะเวลา สถานที่เที่ยว ที่พัก และร้านอาหาร จึงสรุปทริปออกมาเป็น 9 วัน 7 คืน โดยจะนอนพักในเมืองสำคัญอย่าง Jaipur, Jodhpur และ Udaipur เมืองละ 2 คืน และนอนที่เมือง Pushkar เพียง 1 คืน

ก่อนมาเที่ยว “ราชาสถาน” โปรดอ่านคำแนะนำ10 ข้อควรรู้ที่ทำให้เที่ยว “ชัยปุระและราชสถาน” ได้อย่างสบายใจ

ตารางการเดินทางของเราเป็นดังนี้

 

วางแผนเรื่องสถานที่เที่ยวเสร็จแล้ว ก็มาวางแผนเรื่องการเดินทางกันต่อ หากกำลังกังวลว่า เฮ้ย!! เราพูดอินเดียไม่เก่ง จะเที่ยวยังไง ขนส่งมวลชนก็อ่านไม่ค่อยออก อย่าเพิ่งกังวลไป

การเที่ยวใน Rajastan ในทริปนี้นั้นสบายกว่าที่คิดเยอะ เพราะเราใช้บริการ “รถเช่าพร้อมคนขับ” ตลอดทริป ราคาจะถูกจะแพงขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้

  1. จำนวนผู้โดยสาร ซึ่งจะสัมพันธ์กับขนาดรถ รถที่เราใช้เป็น Toyota Innova รุ่น Crysta นั่งได้ 6 คน
  2. เมืองที่ต้องการจะไปเที่ยว, ระยะทาง ในทริปนี้เราเที่ยว 4 เมืองใน Rajastan ทั้ง Jaipur, Pushkar, Jodhpur และ Udaipur บางวันนั่งรถข้ามเมืองกัน 3-7 ชม. เลยครับ
  3. ราคาจะเป็นราคาเหมา (รวมค่าน้ำมัน, ทางด่วน, ที่จอดรถ และที่พักของคนขับ) การเดินทางระหว่างเมืองนั้นต้องเสียทั้งภาษีระหว่างเมือง และค่าใช้ทางพิเศษเยอะมาก

รายละเอียด “บริการรถเช่าพร้อมคนขับ” แวะไปอ่านได้ที่นี่ : 10 ข้อควรรู้ที่ทำให้เที่ยว “ชัยปุระและราชสถาน” ได้อย่างสบายใจ

ราคาตามเงื่อนไขด้านบน สำหรับ 4-6 คน จะอยู่ที่ 72 USD/ วัน
ดังนั้นถ้าไปสัก 4-6 คน ช่วยกันหาร จะได้ค่าเดินทางไม่แพง

**ก่อนเดินทางไปเที่ยวราชสถาน Search Google เกี่ยวกับบริการ “รถเช่าพร้อมคนขับ” ดูนะ หรือจะดูใน TripAdvisor ก็ได้ ตรวจดูรายชื่อคนขับที่ได้รับคะแนน Review ดีๆ แล้วติดต่อเค้าล่วงหน้า จะได้แจ้งแผนการเดินทางและคุยรายละเอียดราคากันให้จบก่อนเดินทาง (เป็นลายลักษณ์อักษร) มาหาเอาดาบหน้าอาจจะโดนฟันราคาจนหัวแบ่ะ แถมได้คนขับรถไม่ดีด้วยนะ**

เราใช้บริการคุณลุง Tarachan ครับ น่ารัก สุภาพ ภาษาอังกฤษดี บริการดี ไม่ขี้โกง

รถที่เราเช่า มีบริการน้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว ให้ทานทุกวันเลย

Fly me to Jaipur

ทริปนี้เราใช้บริการสายการบิน AirAsia เช่นเคย เพราะมีบินตรง “กรุงเทพฯ – ชัยปุระ” 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (บินทุกวันอังคาร,​พุธ, ศุกร์ และอาทิตย์) ใช้เวลาบินแค่ 4 ชั่วโมงกว่าๆ นี่จึงเป็นเส้นทางที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะเราสองคนที่หลงใหลมนต์เสน่ห์ของอินเดีย จนต้องหาเรื่องมาเที่ยวทุกปี 55555

ไปชัยปุระกับแอร์เอเชีย

ทุกทริปที่เดินทางกับ AirAsia เราไม่ลืมจะพกบัตรเครดิต Platinum “AirAsia ธนาคารกรุงเทพฯ” ไปด้วย เพราะสิทธิประโยชน์มากมาย ตั้งแต่มีช่องทางพิเศษให้เช็คอินก่อนใคร, ขึ้นเครื่องก่อนคนอื่น, มีเครื่องดื่มฟรีบนเครื่องมูลค่า 60 บาท และอื่นๆ อีกมากมาย 55555 ทำบัตรนี้มาแล้ว ต้องใช้ให้คุ้ม

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก : https://goo.gl/BQy5Uz

 

แสดงบัตรบนเครื่องเพื่อรับฟรีเครื่องดื่มมูลค่า 60 บาท

ไฟลท์นี้เราสั่งอาหารไว้ล่วงหน้า 24 ชม.

ผ่านไป 4 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึง Jaipur International Airport ที่เมืองชัยปุระแล้วครับ กว่าจะรับกระเป๋าและผ่าน ตม. ออกจากสนามบิน เวลาก็ล่วงเข้าไปตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว เราเลยมุ่งหน้าไปที่โรงแรมที่จองเอาไว้ เพื่อนอนเอาแรงก่อน โปรแกรมเที่ยว Jaipur จะเริ่มรุ่งเช้าครับผม ^_^

ติดตามอ่านเรื่องราวของเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ ในแคว้น ราชสถาน (Rajastan) ได้ตามนี้ครับ

นครสีชมพู JAIPUR (ชัยปุระ)

JAIPUR ออกเสียงว่า “จัยปูร์” แต่คนไทยเรียกว่า “ชัยปุระ” แต่แขกฟังไม่ออกนะ 55555 แต่เรียกกันมานานแล้ว (ก็เลยตามเลยละกัน) เมือง Jaipur เป็นเมืองหลักของรัฐราชสถาน (Rajastan) เมืองนี้มีฉายาฟรุ้งฟริ้งว่า “เมืองสีชมพู” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมทองคำของการท่องเที่ยวอินเดีย ซึ่งประกอบด้วย Jaipur, Deli และ Agra

สำหรับเรา Jaipur คือตัวแทนของอินเดียยุคเก่า ที่รวมไว้ทั้งความวิจิตร ยิ่งใหญ่ อลังการ และวิถีชีวิตอันเข้มข้นวุ่นวาย สไตล์อินเดีย อธิบายแบบนี้ไม่รู้เห็นภาพไหมนะ แต่ค่อยๆ ดูและซึมซับไปกับรีวิวนี้นะ

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำเมือง Jaipur

นี่คือเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ ที่เที่ยวในเมืองนี้จึงหลากหลาย ตั้งแต่ พระราชวัง, ป้อมปราการ, สุสานหลวง,​โรงแรมไฮโซ ฯลฯ เรากับยัยหมวยรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง Jaipur มาให้แล้วดังนี้

1. Amber Fort and Palace (พระราชวังแอมเบอร์) (ฮินดี: आमेर क़िला)

ตั้งอยู่ที่เมือง Amer ห่างจาก Jaipur ประมาณ 11 กม. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดแห่งนึงใน Jaipur เป็นป้อมปราการตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบ Maota มองเห็นได้จากระยะไกลเพราะมีแนวกำแพงที่ใหญ่และแน่นหนาคล้ายกำแพงเมืองจีน (แต่ขนาดเล็กกว่า) ด้านในมีพระราชวังที่เคยเป็นที่ประทับของราชปุตมหาราชาและพระราชวงศ์

 

นี่คือมรดกทางอารยธรรมที่แสดงให้เห็นว่าอินเดียในยุคก่อนรุ่มรวยวัฒนธรรมแค่ไหน Amber Fort คือเครื่องพิสูจน์ นี่คือหนึ่งในป้อมปราการที่สวยที่สุดแห่งนึงของทริปนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งในอินเดียและต่างชาติหลั่งไหลมาเที่ยวชมอยู่เสมอ

คำเตือน : ที่นี่มีไกด์เถื่อนอยู่เต็มไปหมด ไล่ตั้งแต่ประตูด้านล่างจนถึงจุดจำหน่ายตั๋วด้านบน อย่าไปหลงกลเด็ดขาด ถ้าจะจ้างไกด์พาชม ไปจ้างด้านในพระราชวัง ใกล้จุด Check ตั๋วเท่านั้น!!!!

การมาเที่ยวชม Amber Fort ไม่ควรมาในวันหยุดนะครับ นักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆ วิธีการขึ้นไปด้านบนของ Amber Fort ทำได้ 3 วิธี คือ

  1. เดินขึ้นไปเอง อันนี้ไม่เสียเงิน แต่เสียเหงื่อ ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที
  2. นั่งรถจี๊ป ค่าโดยสารคันละ 300 รูปี คันนึงนั่งได้ 4-5 คน
  3. นั่งช้างชมวิวอย่างเพลิดเพลินดุจมหาราชา ค่าโดยสาร 1,100 รูปี นั่งได้ 2 คน

ถ้าหลวมตัวไปถ่ายรูปคู่ช้างแล้วละก็… อาจจะโดนคิดค่าถ่ายรูปนะจ๊ะ 20 รูปี

หากเลือกจะนั่งข้างขึ้นชมปราสาท เราจะต้องเดินมาที่จุดขึ้นช้าง ทำการชำระเงินค่านั่งช้าง 1,100 รูปี (ราคาต่อเที่ยว) เสร็จแล้วควาญช้างก็จะพาเรานั่งบนเสลี่ยงโยกไปเยกมาบนหลังช้าง ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นสู่ด้านบนของปราสาทอย่างสนุกสนาน

ระหว่างทางจะมีเหล่าพ่อค้าของที่ระลึกบ้าง พ่อค้าขายผ้าทอบ้าง เดินตามช้าง พร้อมตะโกนขายของตลอดเวลา 55555 นี่มันคือสีสันของอินเดียจริงๆ บางคนแม่งตะโกนขายของไม่หยุดหย่อน จนนักท่องเที่ยวใจอ่อนยอมซื้อเลยครับ 555555

ยังครับยังไม่พอ ระหว่างที่ช้างเดินไปเรื่อยๆ เราจะเห็นตากล้องถ่ายภาพที่ระลึก คอยตะโกนให้คุณสบตากับกล้องเค้าตลอดทาง เพื่อที่เค้าจะ Print รูปคุณออกมาขายให้คุณ เมื่อไปถึงด้านบนแล้วนั่นเอง!!!

พ่อค้าของที่ระลึกกำลังเปิดการขายอย่างเมามัน

ก่อนลงจากหลังช้าง ควาญช้างจะคอยถามว่า “Are you happy?” ถ้ายู Happy ยูก็ให้ทิปไอด้วยนะนายจ๋า!! 55555 ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้นายลงจากช้างนะจ๊ะ ถึงตรงนี้ให้เราแข็งใจไว้ครับ แต่ถ้าอยากจะให้ทิปจริงๆ ก็ 50 รูปีพอแล้ว

Amber Fort นั้นสวยทั้งภายนอก  – ภายใน เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว แนะนำให้เข้าไปชมความงามด้านในพระราชวัง ค่าเข้า 500 รูปี

แต่เดี๋ยวก่อน!! ที่จุดจำหน่ายตั๋วจะมีตั๋วเหมา สำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใน Jaipur หลายๆ แห่ง อาทิ Amber Fort, Jantar Mantar, Albert Hall, Nahargarh Fort และ Hawa Mahall เป็นต้นราคาตั๋วเหมาอยู่ที่ 1,000 รูปี ดังนั้นถ้าตั้งใจไปเที่ยวที่เหล่านี้อยู่แล้ว
แนะนำให้ซื้อตั๋วเหมาไปเลยครับ แค่เข้าเกิน 3 ที่ก็คุ้มแล้ว!!

“อารัมบักห์” สวนสวยรูปดาวแฉกแบบโมกุล อยู่ระหว่างอาคารในพระราชวัง

 

2. Panna Meena Ka Kund Stepwells

นี่คือบ่อน้ำโบราณแบบขั้นบันไดใจกลางเมือง ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Amber Fort นั่งรถราวๆ 5 นาที บ่อน้ำโบราณแห่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงถึงภูมิปัญญาของคนอินเดียโบราณ ในการทำบันไดแคบๆ เป็นแนวทะแยงซ้าย-ขวา จากปากบ่อลงไปด้านล่างของบ่อ

ความฉลาดของบันได Stepwells นี้อยู่ที่

  1. ผู้คนสามารถลงไปในบ่อพร้อมกันได้ทีละหลายคน เพราะอินเดียนั้นคนเยอะ
  2. ออกแบบทางเดินให้แคบแค่พอเดินสวนกันได้ ป้องกันคนแซงแถว
  3. มีการออกแบบจุดพักไว้เป็นระยะ เพื่อผ่อนแรงในการเดินขึ้นบันได

แม้ว่า Panna Meena Ka Kund จะไม่ใช่ Stepwells ที่โด่งดังเท่ากับบ่อน้ำโบราณ Chand Baori ที่เมือง Abhaneri แต่ Panna Meena Ka Kund ก็สวยงาม มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเอง ถือเป็น Hidden Gem ของเมือง Jaipur เลยครับ

ปกติแล้วจะมี จนท. คอยห้ามไม่ให้เดินลงบันไดมาถ่ายภาพนะครับ แต่กฏเหล่านี้ก็อาจจะพออนุโลมได้ ถ้าจ่ายสัก 100 รูปีให้คนเฝ้า เมื่อเค้าอนุญาตให้ลงไป เราก็เดินระมัดระวังนะครับ
อย่าเกรียน และอย่าเดินลงไปถึงก้นบ่อนะครับ อันตราย 

3. City Palace of Jaipur

ถ้าอยากรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวของ Jaipur อย่างถ่องแท้ ก็ไม่ควรพลาดจะมาเที่ยวชม City Palace of Jaipur  พระราชวังแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1797 สมัย Maharaja Sawai Jai Singh II (มหาราชา ไสวจัย ซิงห์ ที่ 2) จากนั้นก็ได้รับการดูแลรุ่นสู่รุ่นโดยมหาราชาองค์อื่นๆ ของ Jaipur นี่คือพระราชวังที่ออกแบบอย่างวิจิตรสวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างราชปุตกับโมกุล

ค่าเข้าชม : 500 รูปี

ศาลาว่าราชการของ Maharaja Sawai Jai Singh II

หอนาฬิกา

 

Chandra Mahal หรือ Chandra Niwas เป็นอาคารใหญ่สุดใน City Palace ชั้นบนเป็นที่พำนักของเชื้อพระวงศ์แห่ง Jaipur ส่วนด้านล่างถูกแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงภาพเขียนล้ำค่า, งานพรมทอโบราณ งานผนังประดับกระจก และงานฝีมืออื่นๆ

ใกล้ๆ กันกับ Chandra Mahal จะมีลาน Pitam Niwas Chawk หรือ ลานนกยูง (Peacock Courtyard) ซึ่งเป็นสัตว์ประจำรัฐราชาสถาน จุดนี้ถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาด เพราะที่ลานนกยูงแห่งนี้จะมีซุ้มประตูสวยวิจิตรอยู่ 4 บาน แต่ละบานจะมีภาพวาดประดับลายเพื่อแทน 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน-ประตูนกยูง, ฤดูร้อน-ประตูดอกบัว, ฤดูหนาว-ประตูลายดอกไม้ และฤดูใบไม้ผลิ-ประตูสีเขียวตอง

มาถึง Pitam Niwas Chawk แล้วต้องมาโพสต์ท่าถ่ายรูปให้ครบทั้ง 4 บานแบบยัยหมวยนะ

4 บานประตูสวย ณ ลานนกยูง

ทหารยามในพระราชวัง

ก่อนเดินออกจาก City Palace จะมีซุ้มละครหุ่น เล่าเรื่องราวโรแมนติกดราม่าในราชสำนัก อย่าลืมแวะชมนะ เพลิดเพลินๆ

4. Jal Mahan (พระราชวังน้ำ Water Palace) จาล มาฮาล (ฮินดี: जल महल)

เป็นพระราชวังกลางน้ำตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทะเลสาบ “มันสกา (Man Sagar Lake) กลางเมือง Jaipur พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของ มหาราชา สะหวาย จัย สิงห์ ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II) ตัวอาคารสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานแบบราชปุตและโมกุล อันเป็นเอกลักษณ์ของราชสถาน

พระราชวังแห่งนี้ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้เข้าชม เนื่องจากพระราชวังตั้งอยู่ในน้ำมานานจนทำให้ฐานของพระราชวังเริ่มทรุด ขณะนี้ทางรัฐบาลรัฐราชสถานกำลังวางแผนในการบูรณะอยู่

บริเวณรอบๆ ทะเลสาบมันสกาได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง เราเลยมาเที่ยวชมพระราชวัง Jal Mahan ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่รอบๆ ทะเลสาบนี่สิ มีสิ่งล่อใจให้เสียทรัพย์เยอะเลย ทั้งบริการขี่อูฐชมเมือง หรือบริการถ่ายภาพพร้อมใส่ชุดอินเดียโบราณ

เวลาที่เหมาะในการเที่ยวชมทะเลสาบ ก็คือ ช่วงเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้นสักนิด หรือจะเป็นช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกครับ

ถาดขายถั่วสไตล์อินเดีย สีสันจี๊ดจ๊าดมาก

5. Nahagarh Fort

Jaipur เป็นมหานครแห่งรัฐราชสถาน ที่มีป้อมปราการใหญ่ๆ อยู่บนเนินเขารอบเมือง ทั้ง Amber Fort, Jaigarh Fort และ Nahargarh Fort แห่งนี้ “Nahargarh Fort หรือป้อมนาหรครห์” ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา “อะระวัลลี (Aravalli)” ห่างจากเมือง Jaipur ไปทางเหนือ 5 กม. สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1734 สมัย Maharaja Sawai Jai Singh II

ค่าเช้าชม : 250 รูปี
เวลาทำการ : 10:00 – 17:00 น. (หลัง 17:00 น. สามารถอยู่ต่อได้ถึง 19:30 น.)

หากอยากชมวิวเมือง Jaipur ยามเย็น คงไม่มีที่ไหนสวยไปกว่าที่ Nahagarh Fort อีกแล้ว เพราะด้านบนนี้จะเป็นจุดที่เห็นวิวเมือง Jaipur ได้อย่างชัดเจน ยิ่งในวันที่ฟ้าเคลียร์ไร้หมอกควัน จะยิ่งชมพระอาทิตย์ตกได้สวยมากๆ

บ่อเก็บน้ำด้านในป้อม

เป็นป้อมปราการที่มองเห็นเมือง Jaipur ได้อย่างชัดเจน

 

6. Hawamahal (พระราชวังแห่งสายลม) (ฮินดี: हवा महल)

พระราชวังสีชมพูแห่งนี้คือหนึ่งในสุดยอดไฮไลท์ของเมือง Jaipur ที่ไม่ควรพลาดชมด้วยประการทั้งปวง!! Hawamahal หรือ พระราชวังแห่งสายลม เป็นหนึ่งในตำหนักสำคัญของ Jaipur City Palace

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1799 ตามพระประสงค์ของมหาราชาสะหวาย ประธาป สิงห์ (Maharaja Sawai Pratap Singh) ออกแบบโดยลาล ชันด์ อุสถัด (Lal Chand Ustad) ด้วยการถอดแบบจากรูปทรงของมงกุฏของพระนารายณ์

Hawa Mahal เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์เปอร์เซียผสมโมกุล มีหน้าต่างขนาดเล็กตกแต่งด้วยลวดลายฉลุ จำนวน 953 บาน จึงเป็นที่มาของฉายา “พระราชวังแห่งสายลม” ซึ่งหน้าต่างบานเล็กๆ ที่ถูกฉลุลายนั้นมีไว้เพื่อให้นางใน สามารถมองเห็นความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็นจากภายนอก

หากอยากชมวิว Hawa Mahal แบบเต็มๆ ตา แนะนำให้ขึ้นมาที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ดาดฟ้าของตึกตรงข้ามกับ Hawa Mahal ที่ด้านบนดาดฟ้าจะมีร้านกาแฟ 2 ร้าน ได้แก่ Wind View Cafe’ และ Tattoo Cafe’ รสชาติกาแฟระดับกลางๆ แต่วิวนี่ระดับพรีเมี่ยม!!

2 ร้านนี้วิวเดียวกันแต่คนละมุม ลองเลือกดูนะ ว่าชอบวิวไหน เราจัดตัวอย่างมาให้ดูทั้ง 2 มุมเลย

วิวจาก Tattoo Cafe’

วิวจาก Tattoo Cafe’

วิวจาก Wind View Cafe’

วิวจาก Tattoo Cafe’

วิวจาก Tattoo Cafe’

สำหรับสายชอปปิ้ง ตลอดสองข้างทางใกล้กับ Hawa Mahal คือสวรรค์สำหรับคุณ!! บรรดาร้านขายของที่ระลึก ร้านกระเป๋าหนังอูฐ ร้านเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ร้านขายผ้า ฯลฯ หรือถ้าเดินต่อไปอีกหน่อยก็จะถึงตลาด “ทริโปเลียบาซาร์ (Tripolia Bazaar)” แหล่งขายงานหัตถกรรมใหญ่ที่สุดในเมือง Jaipur ครับผม

จะชอปปิ้งที่อินเดีย ทักษะการต่อราคานั้นสำคัญ ควรเริ่มต่อราคาอย่างน้อย 70% จากราคาตั้ง
จงใจแข็งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ราคาที่พอใจ

รองเท้าคู่นี้ราคาเปิด 1,200 รูปี สุดท้ายจบที่ราคา 450 รูปี ยัยหมวยแฮปปี้

 

7. Royal Gaitor Tumbas

นี่คืออนุสรณ์สถานหลวงของมหาราชาผู้เคยปกครองนคร Jaipur ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง บริเวณด้านล่างของ Nahargarh Fort ภายในอนุสรณ์สถานจะมีอาคารคล้ายศาลามียอดเป็นทรงโดมอยู่หลายศาลา บางศาลาสร้างจากหินอ่อนสวยงาม บางศาลาสร้างจากหินทราย

แต่ละศาลาที่เห็น คือ อนุสรณ์ของมหาราชาแต่ละพระองค์ ที่เคยปกครองนคร Jaipur เมื่อครั้งอดีต อาทิ Jaipur Maharajas Pratap Singh, Maharajas Madho Singh II, Maharajas Jai Singh II และมหาราชาองค์อื่นๆ อีกหลายพระองค์

ค่าเข้า : 30 รูปี

การออกแบบก่อสร้างศาลาฝังพระศพของมหาราชาแต่ละองค์นั้นสวยงามและวิจิตรมาก แสดงให้ถึงทักษะความเชี่ยวชาญของช่างฝีมืออินเดียโบราณได้เป็นอย่างดี

Royal Gaitor Tumbas ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เป็นสถานที่ถ่าย Pre-Wedding ยอดนิยมแห่งเมือง Jaipur ฟังดูงงๆ ดีเนอะ 55555 ในวันที่ไปเที่ยวชม เราแปลกใจมากที่มีทีมถ่ายทำ Pre-Wedding ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ กำลังถ่ายทำอยู่ตามจุดต่างๆ หลายทีม เราว่านี่คือหนึ่งใน Hiddem Gem ของเมือง Jaipur เลยล่ะ!!!

 

8. Patrika Gate, Jawahar Circle

Patrika Gate คือประตูเมืองลำดับที่ 9 ของ Jaipur ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน ประตูเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณวงเวียน Jawahar ใกล้กับสนามบินนานาชาติ Jaipur

ด้วยความที่เป็นประตูเมืองลำดับที่ 9 ซึ่งเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ การสร้างประตู้นี้จึงมีการระดมความคิดในการสร้างให้ตรงตามประเพณีโบราณของ Jaipur ทำให้ Patrika Gate มีโดม 9 โดม มีซุ้มประตู 7 ซุ้ม แต่ละซุ้มมีภาพวาดสีสันสวยงาม เล่าประวัติศาสตร์ของแคว้นราชสถาน

สำหรับนักท่องเที่ยว จุดนี้เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะช่วงเย็น ดวงอาทิตย์จะสาดแสงเฉียงทำมุมกับซุ้มประตู ทำให้เกิดมิติแสงเงาสวยๆ เหมาะแก่การถ่าย Portrait เป็นอย่างยิ่ง

 

9. Rambagh Palace : โรงแรมแรมแบคห์พาเลซ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ใน Jaipur แล้ว เรายังมีอีกสถานที่นึงอยากแนะนำให้คุณๆ ไปเดินเฉิดฉาย โพสต์ท่าชิคๆ ถ่ายรูปเว่อร์วังด้วยกันครับ ที่แห่งนี้คือ Rambagh Palace (ออกเสียงว่า “รัมบากห์”) ที่นี่พระราชวังเก่าของมหาราชาที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงแรม 6 ดาว ที่ค่าห้องพักแพงที่สุดใน Jaipur!!!

พระราชวังเก่าแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงาม ลักษณะเดียวกับ Jaipur City Palace ภายในมีส่วนหย่อมสไตล์อังกฤษผสมอินเดีย มีสระว่ายน้ำทั้งในร่มและกลางแจ้ง มีสปา มีร้านอาหาร มีโปโลคลับ

หากจะไปเที่ยวชมโรงแรมนี้ เราแนะนำให้ไปนั่งจิบชายามบ่ายครับ เปิดให้บริการเวลา 15:00 น. ที่ห้องอาหาร Verandah โดยให้บริการชา-กาแฟ และขนบอบแสนอร่อย…

แต่เราดันไปก่อนเวลา 55555 แทนที่จะได้ทาน Afternoon Tea Set  เลยต้องไปนั่งทานขนมและจิบชา-กาแฟ ที่ Polo Bar แทน แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังนะ ของหวานที่โรงแรมนี้อร่อยจริงๆ เป็น Bakery สไตล์อังกฤษที่เจือกลิ่นอินเดียได้อย่างลงตัว ในเซ็ตที่สั่งมาประกอบด้วย

  • Masala Tea : ชานมมีกลิ่นขิงอ่อนๆ หอมอร่อย เสิร์ฟมาพร้อมกาน้ำชาที่ทำจากเงินแท้เลยนะ
  • คุ๊กกี้สไตล์ Rambagh เป็นเซ็ต 4 แบบ 8 ชิ้น อาทิ คุ๊กกี้วนิลลา, คุ๊กกี้ขิง,​ คุ๊กกี้ลิ้นจี่, คุ๊กกี้มะพร้าว หอม อร่อยหวานกำลังดี
  • Apple Crumble : จานนี้เด็ด เพราะเค้าสไลด์แอปเปิ้ลเป็นแผ่นบางๆ วางเรียงกันเป็นเลเยอร์แล้วนำไปอบ เนื้อมีความเหนียวหนึบนิดๆ เปรี้ยวอมหวาน แป้งทาร์ตหอม กรอบ แต่ไม่ป่นง่าย ทานคู่กับไอศครีมโรยด้วยซินนามอล (อบเชย) เข้ากันดีทีเดียว
  • กาแฟคาปูชิโน่ : เมล็ดกาแฟดี หอมกรุ่น รสนุ่มละมุน

ทั้งหมดนี้ 1,859 รูปี

ติดตามอ่านเรื่องราวของเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ ในแคว้น ราชสถาน (Rajastan) ได้ตามนี้ครับ

แนะนำ 2 ร้านอร่อยใน Jaipur

อาหารอินเดียไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะชอบทาน ทริปนึงทานแค่ 1-2 มื้อก็พอได้ แต่จะให้ทานทุกมื้อก็คงมีสายแข็งแค่ไม่กี่คนที่โอเค 55555 ไม่เป็นไร เราเข้าใจทุกคน ทริปนี้เราเลยจะแนะนำ 2 ร้านอร่อยใน Jaipur ที่อาหารอร่อย ร้านสวย วิวดี ให้ทุกคนได้เก็บไว้เป็นตัวเลือกครับ

1. Café Palladio Jaipur

ร้านอาหารเก๋ไก๋ สุดชิค แห่งเมือง Jaipur ติดอันดับ Top ร้านอาหารในดวงใจนักท่องเที่ยวของทุกสถาบัน!! ร้านนี้ชื่อ Cafe’ Palladio Jaipur ร้านอาหารแสนร่มรื่น ตกแต่งสไตล์วินเทจ เน้นเฉดสีพาสเทลโทนสีส้ม-เขียวน่ารักน่าชัง ภายในมีภาพกราฟฟิกและภาพเพนท์บนผนัง ยิ่งทำให้หลงรักได้ง่ายๆ

รสชาติอาหารที่ Cafe’ Palladio Jaipur นั้นอร่อยไม่แพ้หน้าตา อาหารร้านนี้เป็นสไตล์อิตาเลี่ยน ผสมการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น อาหารที่เราสั่งมาลองทานเป็นดังนี้ครับ

  • Prosciutto Crudo Pizza : พิซซ่าใส่ Parma ham รสชาติดี ผักร็อกเก็ตสดดี พิซซ่าอร่อย แต่แป้งหนาไปหน่อย (คะแนน 7.5/10)
  • Spaghetti alla puttaniera : สปาเก็ตตี้ปุตตาเนสก้า ตัวเส้นยังไม่เหนียวหนึบ รสชาติมะกอก มะเขือเทศ แอนโชวี่เข้ากันดี น่าจะถูกปากคนไทย (คะแนน 7/10)

  • Potato Tabouleh : สลัดมันฝรั่งเป็นอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมนูแนะนำจากพนักงาน มันฝรั่งเนื้อดี สุกกำลังดี นำมาคลุกเคล้ากับหอมแดง สะระแหน่และผักอื่นๆ ทานแล้วรู้สึกสดชื่น หอมขึ้นจมูก (คะแนน 9/10)

  • Villa Accha : น้ำแอปเปิ้ล ผสม Cinnamon  กลิ่นหอม รสกลมกล่อม

  • Schweppes Ginger Soda

มื้อนี้ 2,207 รูปี

Potato Tabouleh

Spaghetti alla puttaniera

Prosciutto Crudo Pizza

 

2. Peacock Rooftop Restaurant, Pearl Palace Hotel

ร้านอาหารดังที่อยู่บนดาดฟ้าโรงแรมที่เราพักนั่นเอง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นให้ฉายาร้านนี้ว่าเป็น “ร้านอาหารบนดาดฟ้าที่โรแมนติกที่สุดในราชสถาน” โอ๊ว!! เพราะเมื่อพระอาทิตย์ลาลับไป ร้าน Peacock Rooftop ก็จะเจิดจรัสสวยงาม ท่ามกลางวิวค่ำคืนของ Jaipur

ร้านนี้ได้รับคะแนนโหวต 4.5/5 คะแนน จาก Trip Advisor เลยทีเดียว เปิดให้บริการ 07:00 – 23:00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://hotelpearlpalace.com/wordpress/peacock-rooftop-restaurant

ที่ดาดฟ้าของโรงแรม Pearl Palace จะเป็นลักษณะดาดฟ้าเล่นระดับ แบ่งเป็นดาดฟ้าชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้น 1 จะเหมาะกับหมู่เพื่อนฝูงมานั่งทานอาหาร มีวงดนตรีพื้นเมืองมาขับกล่อมเพลง และมีจอ Projector ถ่ายทอดสดกีฬา ส่วนบริเวณชั้น 2 จะเหมาะกับคู่รักมานั่งทานอาหาร

เมนูอาหารที่ร้านนี้มีทั้งอาหารจีน, ตะวันตกและอินเดีย อาหารรสชาติดี อร่อยมากครับ

Tikka Spicy / Tomato soup / Tanduri

ที่พักเมือง Jaipur

เราพักกันที่ Pearl Palace Hotel เป็น Boutique Hotel ที่มีผสมกลิ่นอายอินเดียเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างน่ารัก ติดอันดับ Top 25 Global Budget Hotel 2017 มีห้องพัก 5 แบบ ทั้งแบบ Deluxe / Semi-Deluxe / Standard AC / Family และ Dormatory

ชั้นดาดฟ้าเป็น Rooftop Restaurant ชื่อดังประจำเมือง ชื่อ Peacock Rooftop Restaurant ที่ได้คะแนนรีวิว 4.5/5 จาก TripAdvisor

คะแนนรีวิวจากหนีงานไปเที่ยว

  • ห้องพักกว้าง พื้นที่เยอะ ตกแต่งสไตล์อินเดียว ดูวิจิตรดี
  • ความสะอาดของห้องพักและโรงแรมอยู่ในระดับปานกลาง มีฝุ่นบ้างเล็กน้อย
  • การบริการดี โดยเฉพาะร้านอาหาร
  • ทำเลโรงแรมอยู่ในเมือง แต่ไม่ได้ติดถนนใหญ่ แต่เข้าถึงสะดวก หน้าโรงแรมมีที่จอดรถ
  • ความคุ้มค่าในการเข้าพัก 4/5

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://hotelpearlpalace.com/wordpress/

ติดตามอ่านเรื่องราวของเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ ในแคว้น ราชสถาน (Rajastan) ได้ตามนี้ครับ