เราเชื่อว่ามีหลายคนที่คิดอยากจะลอง “ขับรถเที่ยวเอง” ในญี่ปุ่นดูบ้าง เพราะสะดวกสบาย คุมเวลาได้ อยากแวะตรงไหนก็แวะ โดยเฉพาะถ้าเที่ยวชมธรรมชาติ การขับรถเองยิ่งสะดวก!! รีวิวนี้เราจะแนะนำการขับรถเที่ยวชมใบไม้แดงในภูมิภาคที่ธรรมชาติสวยสุดๆ อย่าง “โทโฮคุ (Tohoku)” กันครับ

“ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn)” หรือที่บ้านเรามักเรียกว่า “ฤดูใบไม้แดง” คือหนึ่งในช่วงเวลาพิเศษสุดของประเทศญี่ปุ่น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก ให้เดินทางมาชมความสวยงามของธรรมชาติ ในช่วงที่ต้นไม้ใบไม้ทั้งประเทศจะพร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีเหลืองแดง ช่วยขับเน้นสีสันให้ทิวเขา ป่าไม้ น้ำตก และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดูงดงาม เจิดจ้า และร้อนแรง

เรากับเพื่อนๆ ก็หลงใหลความสวยงามของญี่ปุ่นในฤดูใบไม้แดงเหมือนกัน พวกเราจึงวางแผน “ขับรถเที่ยวเอง” ที่ญี่ปุ่นด้วยกัน โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ภูมิภาค “โทโฮคุ (Tohoku)” หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เพราะเป็นภูมิภาคที่เหมาะแก่การชมใบไม้แดงท่ามกลางธรรมชาติเป็นที่สุด ซึ่งภูมิภาคโทโฮคุนั้นใบไม้บนเขาจะเริ่มแดงสวยราวช่วงสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือนตุลาคม ส่วนระดับพื้นล่างจะแดงสวยราวช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและระดับความสูง)

เราสามารถตรวจสอบช่วงเวลาที่ใบไม้จะแดงในแต่ละภูมิภาคได้ในเว็บไซต์พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่น

การเช่ารถขับเองในญี่ปุ่น

การเช่ารถขับเองในญี่ปุ่นนั้นไม่ยากเลย เราสามารถเข้าไปทำการเลือกรถ,​ กำหนดจุดรับ-คืนรถ, กำหนดวัน-เวลาในการรับ-คืนรถ, อุปกรร์เสริม,​ ประกันภัย รวมถึงเลือก Package ต่างๆ ได้ทางเว็บไซต์บริการรถเช่าในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษเข้าใจง่าย ระบบใช้งานสะดวก

  • ติดต่อผ่านเว็บบริการเช่ารถอย่าง ToCoo!
  • ค่ายรถยนต์ดังๆ ในญี่ปุ่นหลายค่า ก็มีบริการเช่ารถของตัวเองเช่นกัน อาทิ โตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสัน

การจองรถเช่าต้องใช้บัตรเครดิตในการจองเพื่อยืนยันตัวตน แต่จะชำระเงินจริง (ผ่านบัตร) วันที่ไปรับรถ

หน้าเว็บเข่ารถของ ToCoo!

ทริปนี้เราใช้รถเช่าของ ToCoo! เป็นรถ Toyota เพราะมีจุดรับ-ส่งรถกระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่นเลย ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้สถานี JR ข้อดีของการเช่ารถกับ ToCoo!

จุดแข็งที่ 1 ของ ToCoo! คือ เว็บไซต์จองรถของ ToCoo! นั้น “รองรับภาษาไทย” แบบจริงจังเลยค่ะ ทุกเมนู ทุกหัวข้อบนเว็บไซต์ มีข้อมูลภาษาไทยรองรับหมด ไม่เข้าใจรายละเอียดตรงไหน กดเข้าไปอ่านได้เลย เข้าใจทะลุปรุโปร่ง!!!

จุดแข็งที่ 2 ของ ToCoo! คือ เชื่อมโยงบริษัทรถเช่าเกือบทุกค่ายในญี่ปุ่น ทำให้ ToCoo! มีรถเช่าพร้อมให้บริการเยอะมาก!!! มีรถหลายแบบให้เลือก รวมถึงมี option ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเช่ารถเยอะค่ะ

จุดแข็งที่ 3 ของ ToCoo! คือ เค้ามีแพ็คเกจเช่ารถให้เลือกหลาย Plan เลย ไม่ว่าจะเป็น Plan ยอดฮิต (บนหน้าแรกของเว็บ)

หน้าเว็บเช่ารถของ Toyota

จองรถเช่ากับ ToCoo! ใส่ “โค้ดคูปอง” รับส่วนลดทันที 1,000 เยน ได้ที่นี่!!!
โค้ดคูปอง : W0V41N

เงื่อนไขการใช้โค้ดคูปอง

  • ได้รับส่วนลด 1,000 เยน เมื่อมียอดค่ารถเช่า 10,000 เยนขึ้นไป
  • ใช้ได้กับทุกสาขารถเช่า ยกเว้นสาขาของบริษัท Times Car Rental

เคล็ดลับเดินทางต่างแดนให้อุ่นใจ

เมื่อเราเลือกที่จะเดินทางด้วยการ “ขับรถเที่ยวเอง” สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณคำนึงถึงมากที่สุดก็คือ “การทำประกันการเดินทาง” ยิ่งไปขับรถต่างแดน ในที่ที่เราไม่ชำนาญทาง การทำประกันด้วยเงินแค่ไม่กี่ร้อยบาท จะช่วยให้ทริปของเราอุ่นใจมากขึ้นอีกเยอะ

ทริปนี้เราเลือกทำประกันการเดินทางกับ “ซมโปะ (Sompo) ประกันภัย” เพราะแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ของญี่ปุ่น ที่มีเครือข่ายพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชม. พร้อมช่วยสื่อสารทางการแพทย์กับคุณหมอชาวญี่ปุ่นทางโทรศัพท์ให้ด้วย “โดยที่เราไม่ต้องสำรองจ่ายสักบาท”

แผน Go Japan ไม่ต้องสำรองจ่าย

“หากรถยนต์ที่ผู้เอาประกันภัยเช่าเพื่อขับขี่ในระหว่างเดินทางในต่างประเทศเกิดอุบัติเหตุ และผู้เอาประกันภัย  มีความรับผิดตามกฎหมาย ต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ที่ผู้เอาประกันภัยเช่าจากอุบัติเหตุนั้น บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สำหรับค่าความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยได้จ่ายไป แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่ระบุในตารางกรมธรรม์ประกันภัย”

สมัครทำประกันการเดินทางกับ Sompo ที่นี่เลย : https://traveljoy.sompo.co.th/

ตัวอย่างทริปเดินทาง 7 วัน ถ้าเลือก Plan C จะคุ้มครองครอบคลุมไปถึงอุบัติเหตุกรณีเช่ารถขับด้วย!! สังเกต “ความคุ้มครอง ข้อ 10”

ราคาแต่ละ Package และความคุ้มครอง สำหรับเดินทาง 7 วัน

*แผน GoJapan ไม่ต้องสำรองจ่าย เฉพาะ รพ.ในเครือ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อติดต่อผ่าน Sompo Assist

เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือไม่สบายขณะท่องเที่ยวในต่างประเทศ ลูกค้าสามารถติดต่อศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างการเดินทาง Sompo Assist ได้ทุกวัน 24 ชั่วโมง ที่ +662-205-7775

ค่ารักษาพยาบาลในญี่ปุ่นที่โหดเอาเรื่อง ทำประกันการเดินทางไว้อุ่นใจแน่นอน

การทำใบขับขี่สากล

“ใบขับขี่สากล” หรือใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ (International Driving Permit License) สามารถติดต่อทำได้ ณ ที่ทำการขนส่งในแต่ละจังหวัด ซึ่งสิ่งที่ต้องใช้เพื่อทำใบขับขี่สากลมีดังนี้

  1. Passport ตัวจริงและสำเนา
  2. รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 รูป ( รูปถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ) หน้าตรง ไม่สวมหมวกหรือแว่นตาสีเข้ม, ไม่มีภาพวิวหลังรูป
  3. ใบขับขี่ตัวจริงและสำเนา
  4. บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา
  5. ค่าธรรมเนียม 505 บาท

กรณีไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองได้ สามารถเตรียมหลักฐานดังนี้

  1. ใบมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 10 บาท
  2. สำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ

รายละเอียดเพิ่มเติม :  การขอรับใบขับขี่ระหว่างประเทศที่กรมการขนส่งทางบก

สิ่งที่ต้องเตรียมในการไปรับรถเช่า

  1. ต้องมีใบขับขี่สากล
  2. ต้องใช้ Passport ในการแสดงตัวตน
  3. บัตรเครดิต (ใบเดียวกับที่ใช้ในการจองออนไลน์) : โปรดแน่ใจว่าวงเงินไม่เต็มนะ 5555
  4. เอกสารยืนยันการจองรถ ซึ่งจะได้หลังจากทำการจองผ่านเว็บไซต์แล้ว (ให้ print แล้วเอามาด้วย)
  5. เลือกอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น อาทิ GPS (มีภาษาอังกฤษด้วย), ที่นั่งเด็ก เป็นต้น เราแนะนำให้ใช้ GPS ติดรถนะ ใช้ง่าย ตำแหน่งแม่นมาก
  6. เมื่อไปรับรถ รถจะถูกเติมน้ำมันมาเต็มถัง เมื่อนำรถไปคืนโปรดเติมน้ำมันเต็มถังกลับไปคืนด้วย
  7. โปรดรับและคืนรถตามเวลาที่ตกลงไว้ มิเช่นนั้นจะมีค่าปรับเกิดขึ้น

เมื่อได้รับรถเช่าแล้ว โปรดเดินตรวจสอบริ้วรอยต่างๆ รอบรถให้ดี เพื่อยืนยันกับพนักงาน

ได้รับรถมาแล้ว มีน้ำมันพร้อม มี GPS พร้อม มีบางสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง เพื่อขับรถในญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ ได้แก่

  1. ในการขับรถข้ามเมืองไกลๆ หรือขับรถข้ามภูมิภาคเป็นระยะทางไกลๆ จะมีค่าทางด่วน ค่าใช้จ่ายขึ้นกับระยะทาง
  2. การจอดรถตามโรงแรมหรือลานจอดรถจะมีค่าบริการในการจอด
  3. มีการควบคุมความเร็วรถ ไม่ให้เกิน 100 กม./ชม.
  4. ป้ายจราจรเป็นภาษาอังกฤษ อ่านเข้าใจง่าย
  5. รถที่ญี่ปุ่นจะขับพวงมาลัยขวา ซึ่งเหมือนกับประเทศไทย
  6. โปรดปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด

การคืนรถ

เมื่อจบทริปเราสามารถนำรถเช่าไปส่งคืนที่จุดรับรถตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งเราสามารถเลือกจุดรับรถเป็นสถานที่อื่นตามต้องการได้ เช่น เราอาจจะรับรถที่สาขาใกล้กับสถานีรถไฟ Aomori แต่เวลาคืนอาจจะนำไปคืนสาขาใกล้กับสถานี JR Koriyama ก็ได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการไปนำรถไปคืน

เราแนะนำให้ลองเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายดู ว่าระหว่างค่าธรรมเนียมในการไปรับรถต่างสาขา กับค่ารถไฟที่เราจะต้องเสียเอง อย่างไหนถูกกว่ากัน ก็เลือกอันนั้น

อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังก่อนคืนรถ และโปรดคืนรถตรงเวลา จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับนะครับ

เดินทางเที่ยวโทโฮคุ (Tohoku) ด้วยรถไฟ

กรณีบางคนอาจไม่สะดวกในการเช่ารถขับเที่ยวในแถบโทโฮคุ (Tohoku) เราก็สามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR ได้ซึ่งถือว่าเป็นการเดินทางอีกวิธีที่สะดวกมากๆ เพราะรถไฟญี่ปุ่นมีตารางเวลาที่หนาแน่นและตรงเวลา รู้เวลาถึงจุดหมายได้ดี นั่งสบาย และยังสะอาดด้วย หลังจากซื้อ JR Pass จาก Klook แล้วเราจะได้ Exchange Order ให้นำไปแลกรับบัตร JR Pass ฉบับจริงที่สถานีรถไฟที่ญี่ปุ่นได้เลย

กรณีเที่ยวครอบคลุมแถบคันโต (Kanto) และโทโฮคุ (Tohoku)

ขอแนะนำ JR East Pass สำหรับโทโฮคุ (5 วันติดต่อกัน) บัตรใบนี้จะพาเราเที่ยวจากโตเกียวไปภูมิภาคโทโฮคุ และตอนเหนือของเกาะฮอนชูแบบ 5 วันติดต่อกันด้วยรถไฟสาย JR East ทั้งหมดรวมถึงรถไฟท้องถิ่น, รถไฟด่วนพิเศษ, รถไฟชินคันเซ็น, รถไฟโตเกียวโมโนเรล และยังใช้รถไฟที่ไม่ใช่ของ JR ในพื้นที่อิซุและนิกโก้ได้อีกด้วย

การใช้งานของ JR East Pass เริ่มตั้งแต่สนามบินนาริตะ (NRT) และสนามบินฮาเนดะ (HND) ไปยังโตเกียว จากนั้นต่อรถไฟชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงของญี่ปุ่น) ไปยังนากาโนะ (Nagano), นิกโก้ (Nikko), ฟุคุชิมะ (Fukushima), อากิตะ (Akita), อาโอโมริ (Aomori), Yamagata (ยามากะตะ), เซนได (Sendai) และอื่นๆ สำหรับใครที่อยากไปเที่ยว Ginza Onsen, Zaoo Snow Monster, Yamadera แนะนำต้องจัดพาส JR East Pass นี้เลย

สนใจซื้อ JR East Pass สำหรับโทโฮคุ (5 วันติดต่อกัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

กรณีเที่ยวครอบคลุมภูมิภาคโทโฮคุและฮอกไกโดใต้

ขอแนะนำ JR Tohoku-South Hokkaido Rail Pass สำหรับโทโฮคุและฮอกไกโดใต้ (6 วัน) พาสใบนี้จะพาเราไปเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) และฮอกไกโดตอนใต้ (Hokkaido) โดยสามารถเดินทางด้วยรถไฟแบบไม่จำกัดทั้งขบวนด่วนพิเศษ, รถไฟด่วน, รถไฟเร็ว และรถไฟท้องถิ่น รวมถึงรถไฟชินคันเซ็น เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวแถบโทโฮคุ เมือง Aomori, Sendai และ Aizu แล้วอยากมาแวะเที่ยวซัปโปโร (Sapporo), ฮาโกะดาเตะ (Hakodate), โอตารุ (Otaru), โทยะ (Toya) และโนโบริเบทสึ (Noboribetsu)

สนใจซื้อ JR Tohoku-South Hokkaido Rail Pass สำหรับโทโฮคุและฮอกไกโดใต้ (6 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

กรณีเที่ยวครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น

กรณีอยากเที่ยวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่คนละภูมิภาคกัน เช่น จากโทโฮคุ (Tohoku) อยากไปเที่ยวแถบคันโต (Kanto), คันไซ (Kansai) หรือคิวชู (Kyushu) ขอแนะนำ JR All Area Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) พาสนี้คุ้มมากๆ จ่ายครั้งเดียวสามารถเดินทางเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น เที่ยวได้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่นสำหรับ 7, 14 หรือ 21 วัน ใช้รถไฟสาย JR แบบไม่อั้นรวมทั้งรถบัส, เรือเฟอร์รี่มิยาจิม่า, รถไฟชินคันเซ็นทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั้งสาย Tokaido Shinkansen, สาย Akita Shinkansen, สาย Kyushu Shinkansen, สาย Hokkaido Shinkansen, สาย Joetsu Shinkansen, สาย Yamagata Shinkansen และ Hokuriku Shinkansen เป็นต้น (พาสนี้ไม่ครอบคลุมการเดินทางโดยขบวนรถไฟโนโซมิและมิซูโฮะ)

สนใจซื้อ JR Pass สำหรับทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น (7, 14 หรือ 21 วัน) ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

จองโรงแรมทั่วโลกรับส่วนลดกับ Traveloka

จะเสียเวลา Search หาเว็บไซต์โรงแรมทำไม ในเมื่อมีเว็บไซต์จองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินอย่าง Traveloka ทริปนี้ราใช้บริการจองที่พักผ่าน Traveloka เพราะเว็บใช้งานง่าย ดีลดีและมีส่วนลดครับผม ^_^

จากนี้ไปขอแนะนำจุดชมวิวถ่ายภาพสวยๆ, ที่พัก และร้านอาหาร จากภูมิภาค “โทโฮคุ (Tohoku)” เน้นสถานที่ในเขตจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) และจังหวัดอากิตะ (Akita) ครับ

เที่ยวชมใบไม้แดงจังหวัด อาโอโมริ (Aomori)

แนะนำที่พักใน Aomori : Towadaka Backpacker Annex โฮสเทลสุดคุ้มแห่งทะเลสาบโทวะดะ

อาโอโมริ (Aomori) เป็นจังหวัดเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) จังหวัดนี้มีจุดชมใบไม้แดงสวยๆ เยอะมาก เหมาะสำหรับคนชอบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ธารน้ำ ทะเลสาบ ซึ่งจุดชมใบไม้แดงที่เราแนะนำในอาโอโมริได้แก่

1. Hakkoda Gold Line

เส้นทางขับรถชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดของจังหวัดอาโอโมริจะเป็นเส้นทางขึ้นสู่เขาฮักโกดะ (Hakkoda Mountain) ถนนเส้นนี้เรียกว่า Hakkoda Gold Line เป็นทางหลวงหมายเลข 103 ที่เชื่อมจากเมือง Aomori ไปสู่ Towada Lake

ด้วยความที่เขา Hakkoda นั้นอยู่สูง ใบไม้ด้านบนเปลี่ยนเป็นสีแดงเร็วกว่าด้านล่าง ช่วงเวลาที่เหมาะจะมาขับรถเที่ยวมากที่สุดคือช่วงสัปดาห์ที่ 1-2 ของเดือนตุลาคม (แต่ถ้าจะให้ชัวร์ควรเช็คกำหนดการใบไม้แดง จากเว็บพยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นอีกทีนะ)

ภาพนี้ถ่ายจาก Sukayo Onsen เป็นออนเซ็นบ่อรวมยอดนิยมของเขา Hakkoda

2. Jigokanuma Pond (บึงจิโกะคานุมะ)

เป็นบึงเล็กๆ ริมถนนอยู่บน Hakkoda Gold Line ไม่ไกลจาก Sukayu Onsen จุดเด่นของบึงนี้คือมีวิวทิวเขาอยู่เบื้องหลัง ยิ่งถ้าน้ำนิ่งๆ แล้วมีแสงสาดลงมา เราจะเห็นเงาสะท้อนสวยงามมาก แล้วหากคุณมาที่มุมนี้ตอนเช้า คุณจะได้เห็นไอน้ำที่ลอยคลุ้งขึ้นจากผิวน้ำ สวยงามมากๆ เลย

พิกัด : https://goo.gl/maps/ruTFLzZdMyt

ถนนที่วิ่งผ่านมายังบึง Jigokanuma ก็สวย

3. Hakkoda Ropeway

อีกหนึ่งสถานที่ต้องห้ามพลาดถ้ามาเที่ยวที่เขา Hakkoda ก็คือที่นี่ครับ Hakkoda Ropeway เป็นรถกระเช้าพาขึ้นสู่ยอดเขา Hakkoda เพื่อไปชมวิว แล้วยังมีเส้นทาง Treakking สำหรับคนรักการเดินชมธรรมชาติด้วย วิวด้านบoงนั้นสวยมาก ถ่ายภาพสนุก มองเห็นวิวได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

พิกัด : https://goo.gl/maps/qCJzHhRvq6A2

4. Jogakura Bridge

ไม่ไกลจาก Hakkoda Ropeway จะมีอีกหนึ่ง Landmark ที่ต้องห้ามพลาด นั่นคือสะพาน Jogakura สะพานยาวสีน้ำตามเข้มที่เชื่อมระหว่างเขา ช่วยขับเน้นให้วิวทิวเขากับป่าใบไม้แดงดูน่าสนใจขึ้นอีกหลายเท่า

หากเดินไปถึงบริเวณกลางสะพาน ให้มองลงไปบ้านล่าง จะพบกับโตรกธารสวยๆ ไหลคดเคี้ยวไปตามแนวภูเขาหินสวยงามมาก เวลาถ่ายภาพให้เลือกถ่ายเจาะไปยังเส้นของลำธารที่คดเคี้ยวดูน่าสนใจ จัดองค์ประกอบภาพดีๆ เราจะได้ภาพ Top View เหมือนถ่ายจากโดรนเลยล่ะ

พิกัด : https://goo.gl/maps/NDqAZW2WFBz

5. Tsutanananuma Lake

ขอเรียกทะเลสาบแห่งนี้ว่าเป็น Hidden Gem แห่ง Hakkoda Mountain ทะเลสาบแห่งนี้คือรางวัล ณ ปลายทางของเส้นทางชมธรรมชาติ Tsutanananuma ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Towada Hot Spring

หากมาที่ทะเลสาบ Tsutanananume ในช่วงเช้าวันฟ้าเปิด รอให้น้ำในทะเลสาบนิ่งสักนิด เราจะได้ภาพสะท้อนน้ำของทะเลสาบที่สวยงามอย่าบอกใคร ยิ่งถ้าพกเลนส์ Telephoto มาด้วย แนะนำให้ถ่ายเจาะไปตามแนวต้นไม้สีขาวที่สะท้อนอยู่ในน้ำ เราจะได้ภาพเส้นสาย Graphic แปลกตาดีด้วยครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/9tj6zYCMhQo

6. Orirase Stream (ลำธารโอริราเสะ)

ลำธารโอริราเสะ (Orirase Stream) เป็นธารน้ำใสที่ไหลจากทะเลสาบโทวาดะ (Towada Lake) ผ่านหุบเขาโอริราเสะ ความสวยงามของธรรมชาติตลอดสองข้างทางที่มีทั้งธารน้ำใส โตรกธาร น้ำตก ในช่วงเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูใบไม้แดงนั้นสวยงามมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินชมธรรมชาติ

หากตั้งใจจะมาชมใบไม้แดงที่ Orirase นั้น ควรวางแผนมาในช่วงสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือนตุลาคม เนื่องจากบริเวณนี้อยู่ต่ำกว่ายอดเขา ใบไม้ในบริเวณนี้จึงเปลี่ยนสีช้ากว่าโซนด้านบนเขา

พิกัด : https://goo.gl/maps/5WMiaC6a6442

7. Towada Lake (ทะเลสาบโทวาดะ)

นี่คือทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะฮอนชู  ตั้งอยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติ Towada-Hachimantai ซึ่งมีพรมแดนติดต่อถึงเขตจังหวัดอาคิตะ นับเป็นทะเลสาบน้ำลึกอันดับ 3 ของญี่ปุ่นเลยทีเดียว ทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่เหมาะแก่การล่องเรือชมใบไม้แดงเป็นที่สุด

เที่ยวชมใบไม้แดงจังหวัด อะกิตะ (Akita)

แนะนำที่พักใน Akita : นอนเรียวกัง แช่ออนเซ็นที่ Highland Hotel จังหวัดอะกิตะ (Akita)

อะกิตะ (Akita) เป็นจังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ติดกับทะเลญี่ปุ่น จังหวัดนี้นอกจากจะมีเนื้อวันอร่อย, มีเหล้าบ๊วยและสาเกชั้นดีแล้ว ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นและสถานที่เที่ยวชมธรรมชาติอีกด้วย ไปดูสถานที่เที่ยวแนะนำสำหรับการขับรถเที่ยวเองกันครับ

1. Onuma Lake

เป็นทะเลสาบเล็กๆ แต่โคตรสวย อยู่ระหว่างทางจากจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ไปยังจังหวัดอะกิตะ (Akita) ใกล้ๆ กับ Goshogake Onsen และ Onuma Onsen บริเวณนี้มีทะเลสาบเล็กๆ และเส้นทางชมธรรมชาติที่จะพาเราเดินชมธรรมชาติรอบๆ ทะเลสาบ

ความพิเศษของ Onuma Lake ก็คือกลุ่มของต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ริมทะเลสาบที่ค่อยๆ เพิ่มความสูงไต่ระดับขึ้นไปตามเนินเขา ซึ่งเมื่อสะท้อนกับผิวน้ำในบึงแล้วสวยมหัศจรรย์มากๆ อีกแนวทางเดินไม้ที่ทอดตัวเป็นเส้นซิกแซกจากริมถนนมุ่งสู่ทะเลสาบ เป็นมุมที่เหมาะแก่การถ่ายภาพ Portrait เป็นอย่างยิ่ง!!

พิกัด : https://goo.gl/maps/KGvqL5aUder

2. เส้นทางสู่ Tamagawa Hot Spring

ระหว่างทางจากอาโอโมริ (Aomori) มุ่งสู่ Tamagawa Hot Spring ในช่วงที่ใบไม้แดงกำลังพีคนั้น ต้องยอมรับว่าสวยมากจริงๆ โดยเฉพาะช่วงบ่ายแก่ๆ ที่พระอาทิตย์เริ่มคล้อยทำมุมเฉียงกับเขา

แม้จะไม่สามารถกำหนดพิกัดแต่ละจุดชัดเจนได้ แต่เราแนะนำให้อย่าขับเร็ว ให้เพื่อนร่วมทางช่วยมองหามุมถ่ายภาพไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีไหล่ถนนกว้างพอให้จอดรถได้ (ไม่อันตราย) ก่อนจะเดินไปยืนถ่ายภาพ ขอให้มองซ้ายมองขวาสักนิดนะครับ จะได้ไม่โดนรถชน

3. Tamagawa Onsen (Hot Spring)

หนึ่งในออนเซ็นชื่อดังแห่งจังหวัดอะกิตะ (Akita) ความพิเศษของที่นี่คือเป็นออนเซ็นกลางหุบเขาที่มีไอน้ำพวยพุ่งเกือบจะตลอดเวลา ถ้าชอบที่พักสไตล์ออนเซ็นแล้วละก็ ควรหาเวลามาพักที่นี่สัก 1 คืนครับ จากนั้นตื่นเช้าๆ เข้าไปเดินเล่นออกกำลังกาย คนที่นี่เชื่อว่าการได้มาสูดไอกำมะถันยามเช้าจะทำให้สุขภาพดีครับ

บริเวณใกล้ๆ กับ Tamagawa Onsen จะมีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่ด้วย แนะนำให้ลองเดินขึ้นไปด้านบนดูครับ วิวจากตรงนั้นเมื่อมองลงมายัง Tamagawa Onsen ก็สวยดีทีเดียว

พิกัด : https://goo.gl/maps/tKMFUrkcs892

4. Nyuto Onsen (Hot Spring)

ปิดท้ายกันที่ Nyoto Onsen (เนียวโตะ ออนเซ็น) ออนเซ็นบ่อรวมที่ดังที่สุดของโทโฮคุ (Tohoku) เพราะที่นี่ไม่ใช่ออนเซ็นบ่อรวมธรรมดา แต่มี “บ่อรวมชาย-หญิง” เป็นบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่ทั้งผุ้ชายและผู้หญิงสามารถเปลือยกายลงแช่ในบ่อเดียวกัน พร้อมชมธรรมชาติสวยๆ ไปด้วย

ขออภัยที่ไม่มีภาพขณะใช้บริการนะครับ มันลับเฉพาะจริงๆ 55555

พิกัด : https://goo.gl/maps/LzuYJWzGt9G2