จริงค่ะที่คนเราไม่สามารถเลือกใบหน้าที่จะมาเกิดได้ แต่เลือกที่จะสร้างมันได้เท่าที่ใจเราต้องการได้ ปูเป้ก็เป็นหนึ่งในความคิดนั้น เพราะเราเกิดมาในบ้านครอบครัวคนจีน 100% จีนกวางตุ้ง และจีนแต้จิ๋ว คิ้วเข้ม ตาชั้นเดียว ยิ้มทีตาตี่เป็นสระอิ จมูกชมพู่เป็นเครื่องหมายการค้ามาตั้งแต่เด็กๆ เลยค่ะ อาม่าชอบบอกว่า “จมูกชมพู่” เนื้อเยอะ อวบอิ่ม โหวงเฮ้งดีตามหลักความเชื่อของคนจีนว่า “จะเก็บเงินเก่ง” แต่ลองคิดดูสิค่ะ!! ต่อให้โหงวเฮ้งดี เฮงๆ แต่ไม่เป๊ะถูกใจ จะมีเงินอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะคะ

รู้จักกันปูเป้กันก่อน

ด้วยปูเป้กับพี่ต้นชอบเที่ยว ชอบกิน เวลาเดินทางไปไหนก็ชอบโพสต์รูปลงบนโซเชียลส่วนตัว เพื่อนๆ ก็ชอบมาถามรายละเอียดบ่อยๆ จากนั้นก็เลยทำให้เราคิดช่องทางที่มาเปิดเพจท่องเที่ยวทาง Facebook Page ชื่อ “หนีงานไปเที่ยว” เป็นพื้นที่รวมที่เที่ยวสวยๆ พิกัดมุมถ่ายรูป ของกินอร่อย ที่พักดีงาม และยังมีภาพถ่ายสวยๆ เราตั้งใจอยากเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจให้คนทำงานที่เหนื่อยล้าได้เก็บกระเป๋าแล้ว หนีงานไปเที่ยว เพราะทำงานให้เป็นต้องรู้จักเที่ยวค่ะ ^^

พอทำมาเรื่อยๆ หลายปีก็มาเป็น Travel Bloggerแบบทุกวันนี้ค่ะ ในแต่ละทริปก่อนออกเดินทางเราจะทำการบ้านหามุมสวย, ถ่ายกี่โมง, หาภาพ Reference, เตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้า และพร็อพต่างๆ ที่เข้ากับสถานที่จะได้เป็นตัวเล่าเรื่องราวให้คนอ่านเห็นภาพ มุมไหนได้รูปสวย การเดินทาง การจองที่พัก ข้อควรรู้ก่อนเดินทางเพื่อประหยัดเวลาเตรียมตัวไปเที่ยวค่ะ

ศัลยกรรมเวอร์ชั่น 1

คนไม่สวยก็อยากสวยและมั่นใจขึ้น เวลาไปเที่ยวเราก็อยากมีรูปภาพสวยๆ กับสถานที่งามๆ แต่หนึ่งปัญหาหนักใจของปูเป้ก็คือการแต่งหน้า จะให้นอนดึก จะตื่นเช้ามาแต่งหน้าก่อนแค่ไหนก็ใจสู้ แต่การที่แต่งหน้าเป็นชั่วโมงๆ ใช้เทคนิคแล้วตาไม่โตขึ้น เฉดดิ้งจมูกแล้วไม่โด่งขึ้นสักทีก็ท้อใจค่ะ ท้ายสุดก็มาง้อทำสวยด้วยแพทย์ค่ะ เริ่มทำ “ศัลยกรรมตา และจมูก” ครั้งแรกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว แต่ด้วยครอบครัวปูเป้เป็นคนจีน 100% จะทำอะไรแบบนี้ก็ต้องหาเหตุผลกันเยอะมาก ก็เลยเลือกทำแบบเบาๆ ดูเป็นธรรมชาติไม่ขัดกับโหวงเฮ้งเอาใจที่บ้านค่ะ

ศัลยกรรมอะไรบ้าง?

  • ตา :
    • ทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว
  • จมูก :
    • ใช้เทคนิคการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) กรีดข้างในรูจมูกแล้วใส่ซิลิโคนรูปตัว L วางจากสันจมูกยาวถึงปลายจมูก และเย็บปีกจมูกให้เล็กลง

ปัญหาศัลยกรรมเวอร์ชั่น 1

หลังทำศัลยกรรมแล้วก็ได้ตาสองชั้น ชั้นตาชัดขึ้น และจมูกก็โด่งขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ (แต่ก็ยังเป็นจมูกทรงชมพู่อยู่ดี 555) แต่ก็ทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้นสมใจแล้วค่ะ พอเวลาผ่านไป 9 ปี และอายุขึ้นเลข 4 แล้ว ปัญหาต่างๆ ของ ตาและจมูก” ก็เริ่มมารบกวนหัวใจปูเป้อีกครั้งค่ะ

  • ตา :
    • ชั้นตา 2 ชั้นเริ่มพับเป็นชั้นตา 3 ชั้น
    • หนังตาเริ่มตกลงทำให้ตาดูเล็กลง
    • หางตาตกเลยทำให้ดูเหมือนเป็นคนตาเศร้า ไม่สดใส
  • จมูก :
    • รูปทรงจมูกเปลี่ยนไปเนื่องจากมีการหดรั้งของซิลิโคนที่ปลายจมูกทำให้จมูกสั้นลง
    • มีการดึงรั้งขึ้นทำให้มองเห็นรูจมูกชัดขึ้นซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ทำให้จมูกทะลุได้ในอนาคต

พอเริ่มเห็นปัญหาของตาและจมูกประกอบกับอายุเยอะขึ้นผิวก็ยืดหยุ่นน้อยลง ปูเป้จึงอยากทำกับคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ “งานแก้ตาและจมูก” เพื่ออยากสวยขึ้นในเวอร์ชั่นดีที่สุดของตัวเอง แต่การตัดสินใจครั้งนี้ต้องคิดให้ดีรอบคอบขึ้น เพราะไม่อยากเจ็บตัว ไม่อยากเสียเวลาในการรักษาดูแลหลังผ่าตัด และอยากทำเป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ

ทำไมเลือกศัลยกรรมที่เกาหลี ?

ช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ผ่านมา 2-3 ปีทำให้ Travel Blogger แบบปูเป้เดินทางไปเที่ยวไหนไม่ได้ เวลาก็เลยเยอะจึงเป็นจุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการดู “ซีรีส์เกาหลี” อย่างเต็มตัวค่ะ ยิ่งดูก็ยิ่งเคลิ้มกับความสวยใสสไตล์เกาหลี นางเอกตาแบ๊วเป็นประกาย หน้าหวานละมุนเป็นธรรมชาติ มีเสน่ห์ในแบบตัวเอง จมูกสโลปปลายพุ่งสวย และแล้ว!! ความคิดที่อยากหน้ามีความละมุนโทนเกาหลี อยากได้ตากลมๆ แบบออนนี่ก็มา เลยปักธงว่า “ครั้งนี้จะไปทำศัลยกรรมแก้ตาและจมูกที่เกาหลี” ค่ะ

เริ่มหาข้อมูลจากช่องทางต่างๆ ดังนี้ :

  • คลิปใน YouTube คนไปทำศัลยกรรมจมูก และตาที่เกาหลี
  • ผลงานรีวิวจากกรุ๊ปคนทำศัลยกรรมเกาหลีใน Facebook และรีวิวผลงานจาก Agency
  • สอบถาม และปรึกษากับเอเจนซี่ต่างๆ
  • อ่านรีวิวคนเกาหลีรีวิวใน Naver ดูคลิปรีวิว และหาข้อมูลโรงพยาบาลเพิ่มจาก “คังนัมออนนี่” เป็นแหล่งข้อมูลรวมรีวิวของคนทำศัลยกรรมจริงมาพูดคุยปรึกษากัน เช่น การเลือกโรงพยาบาล, ราคา, ภาพผลงานของคนทำศัลยกรรม
    • พอได้อ่านรีวิวเยอะๆ ก็ทำให้รู้ว่า…
  1. โรงพยาบาลศัลยกรรมในเกาหลีมีเยอะมากกกก เยอะมากกว่าที่เราเคยได้ยินชื่อมาทั้งชีวิต
  2. ส่วนใหญ่คนเกาหลีเลือกทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลที่คนไทยไม่รู้จักเยอะมาก ไม่ได้ทำกับโรงพยาบาลที่เน้นทำการตลาดในไทยซึ่งราคาจะสูงกว่า รพ.อื่นๆ
  3. คนเกาหลีเลือกทำศัลยกรรมกับแพทย์เฉพาะทางที่เก่งมากกว่าทำที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ที่มีหมอชำนาญทุกด้าน และจะเริ่มทำตา จมูก ค่อยๆ ทำไป ไม่เหมือนคนไทยที่ทำทีเดียวครบทุกอย่างในครั้งเดียว

ศัลยกรรมเวอร์ชั่น 2

หลังจากที่ได้หาข้อมูล, อ่านรีวิว, ดูผลงานรีวิวของแต่ละโรงพยาบาล, ปรึกษากับคนในครอบครัวประกอบกับได้รับคำแนะนำศัลยกรรมวงในทั้งสอง Agency คือ พี่ไวน์ Surgery by Wine และพี่ก้อย ศัลยกรรมเกาหลี Gdesire agency สำหรับใครกำลังวางแผนทำศัลยกรรมที่เกาหลี ลองปรึกษาทั้งสอง Agency นี้ดูค่ะ

  • พี่ๆ ให้คำแนะนำดี ปรึกษาดี ดูแลดี เข้าใจหัวอกคนขี้กลัวแบบปูเป้ที่คอยถามนั่นถามนี่อยู่ตลอดเวลา
  • ทุกคำถามมีคำตอบให้ อุ่นใจ ไม่เดียวดาย มีล่ามคอยดูแลเทคแคร์ดีมากอุ่นใจ
  • ราคาเท่ากับที่ทางโรงพยาบาล มากับเอเจนซี่ช่วยให้ลดความกังวลใจมากขึ้นเยอะเลยค่ะ ^^

ในที่สุดปูเป้ตัดสินใจเลือกทำ “ศัลยกรรมตาและจมูกกับคุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do)“ศัลยกรรมพลาสติกของ โรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า LARA Plastic Surgery (라라성형외과의원)

ทำไมเลือกโรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า
(LARA Plastic Surgery : 라라성형외과의원)

1. เทคนิคเฉพาะของคุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do)

คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมพลาสติกของโรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า (LARA Plastic Surgery) เฉพาะด้านตา จมูกโดยเฉพาะงานแก้จมูกมีประสบการณ์การผ่าตัดนานกว่า 16 ปี เคสปีละหลายพันคน เป็นอาจารย์สอนการทำศัลยกรรมที่มหาวิทยาลัยโรงพยาบาลรัฐบาล และโรงพยาบาลใหญ่ๆ ในเกาหลี

  • คุณหมอเข้าใจปัญหาของตา และจมูกของปูเป้ มีการวิเคราะห์ปัญหาได้ละเอียด ตรงจุด มีการใช้ปรับโหวงเฮ้งประกอบกับดีไซน์รูปหน้าแบบองค์รวมเข้ามาด้วย
  • ใช้เทคนิคเฉพาะทำให้แผลบวมช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน และติดตามดูแลผลหลังผ่าตัดนาน 1 ปี (ด้วยเราเป็น Travel Blogger พอกลับไทยปูเป้ก็มีเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และจีน ก็เลยอยากหายบวมไวๆ ค่ะ)
  • ได้อ่านรีวิวของคนเกาหลี คนญี่ปุ่น และต่างชาติที่มาทำศัลยกรรมจริงที่ รพ.ลาร่า แบบไม่ผ่านเอเจนซี่ในไทย ที่นี่เน้นทำกันแบบบอกต่อกันปากต่อปากค่ะ
  • ดูรีวิวทำตาและจมูกแบบ VDO ไม่ต่ำกว่า 100 เคสของ รพ.ลาร่า โดยรวมผลงานคุณหมอดี ชั้นตาสวย ไม่ปลิ้น และสันจมูกทำสโลปได้สวยไม่แข็ง ปลายพุ่งนิดๆ ไม่โด่งจนเว่อร์ มีการนำลักษณะเด่นของแต่ละคนให้มาเป็นจุดเด่นบนใบหน้าได้แบบเป็นธรรมชาติ

2. เทคโนโลยีการศัลยกรรม “ปริ้นท์ต้นแบบกระดูกจมูกออกมาเป็น 3มิติ”

เทคโนโลยี 3D Printing” เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นทันสมัยกว่าโรงพยาบาลศัลยกรรมอื่นๆ ว๊าวมาก!! เทคโนโลยีนี้ทำให้เราได้เห็นภาพจมูกจริงก่อนการผ่าตัด, ช่วยวางแพลนได้ละเอียดขึ้น, ช่วยดีไซน์ทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า และช่วยเลือกรูปทรงซิลิโคนให้ตรงกับกระดูกเหมือนต่อจิ๊กซอว์ลงไปเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และอาการอักเสบ โดยเริ่มแรกจะทำ CT Scan เพื่อวิเคราะห์กะโหลกและโพรงจมูกก่อน

คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) จะมี “การปริ้นท์ต้นแบบกระดูกจมูก (3D Bone Printing)” ให้เราได้จับฐานกระดูกจมูก และเห็นทรงจมูกก่อนทำจริง อันนี้ดีมากกกก!! ปูเป้เคยทำจมูกมาแล้ว อะไรที่ลดความเสี่ยงได้และปลอดภัยกว่าก็อยากทำค่ะ

3. ความเอาใจใส่ของคุณหมอ

จากที่อ่านรีวิวของคนเกาหลีที่มาปรึกษาและทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาลลาร่า โดยรวมพูดตรงกันว่า คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ให้คำแนะนำดี ใจเย็น ใส่ใจคนไข้ไม่รีบเร่งอัดเคส ปูเป้ได้อ่านรีวิวของผู้ใช้จริงๆ แล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้น คิดว่าคุณหมอน่าจะให้คำปรึกษาได้ดี ตอบคำถามที่มีให้หมดความกังวลใจได้แน่ๆ ค่ะ

4. โรงพยาบาลมีมาตรฐานความปลอดภัย

  • โรงพยาบาลมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดี มีเครื่องมือผ่าตัดที่ครบแม่นยำทันสมัย
  • มีวิสัญญีแพทย์และเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดการผ่าตัด, มีล่ามไทยบริการ ทางล่ามตอบคำถามด้วยความรวดเร็วและเป็นมืออาชีพได้ดีทั้งเรื่องเทคนิค และดีเทลต่างๆ ค่ะ
  • การเดินทางสะดวกมาก โรงพยาบาลตั้งอยู่ใจกลางโซล เดิน 3 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีคังนัม (Gangnam)

เตรียมตัวก่อนบินไปศัลยกรรมที่เกาหลี !!

ปูเป้ได้คิวปรึกษา คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) และผ่าตัดตาและจมูกในวันเดียวกันแบบนี้ถูกใจเลยค่ะ!! ทริปนี้เลยแพลนอยู่โซล (Seoul) รวม 9 วัน มาเตรียมตัวก่อนบินไปเกาหลีกันค่ะ

  • ทำ K-ETA ไว้ล่วงหน้า, จองตั๋วเครื่องบิน และพาสปอร์ตต้องมีอายุมากกว่า 6 เดือนก่อนวันหมดอายุ
  • ส่งตั๋วเครื่องบิน และหน้าพาสปอร์ตให้ทางโรงพยาบาลออก “หนังสือรับรองยืนยันการเดินทางมาทำศัลยกรรม”
  • หาโรงแรมใกล้สถานีคังนัม (Gangnam) เพื่อเดินทางสะดวกเวลาไปผ่าตัด, Follow-up, ฉายแสง และตัดไหม
  • ก่อน 1 สัปดาห์งดบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาชนิดต่างๆ เช่น อาหารเสริม, วิตามิน, โอเมก้า, แอสไพริน, โสม, ยาจีน, ยาฮอร์โมน และยาลดน้ำหนัก
  • เอาผมต่อ, สีเล็บ, สีเล็บเจลทั้งมือและเท้า และขนตาปลอมออกทั้งหมด
  • รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทำจิตใจให้สบาย ไม่ต้องกังวล และเตรียมเคลียร์งานไว้ล่วงหน้า

ก่อนไปทำศัลยกรรมที่โซล ปูเป้แวะไปเที่ยว 3 วัน 2 คืนที่เมือง ปูซาน (ฺBusan) ก่อนก็เลยได้มาขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมที่วัด Haedong Yonggungsa Temple เป็นอีกหนึ่งที่พึ่งทางใจ สายมูต้องมานะคะ วัดนี้ดังจริงๆ ทริปปูซานเลยทำให้หัวใจให้พองโต ใจสบายขึ้น แฮปปี้สุดๆ พร้อมที่ผ่าตัดวันพรุ่งนี้แล้วค่ะ

วันที่ 1 : แล้ววันผ่าตัดก็มาถึง!!

บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้นสุดๆ แม้ปูเป้จะเตรียมใจมาแล้วแต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ตื่นเต้นตั้งแต่ลืมตาตื่นเลย โชคดีที่เข้านอนหัวค่ำเลยนอนอิ่ม ตอนอาบน้ำก็บอกกับตัวเองว่าวันนี้ต้องทำใจให้นิ่งสุด ไม่กังวล ไม่เครียด (ท่องไว้ในใจๆๆๆ) แต่ในเมื่ออยากสวย ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วก็ต้องทำใจสู้ๆๆ กันค่ะ Fighting Fighting!!!

คำแนะนำวันผ่าตัด :

  • งดน้ำ, กาแฟ, อาหารทุกชนิด, ลูกอม และหมากฝรั่งก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง
  • งดแต่งหน้า ทาครีมกันแดด ลิปมัน ไปแบบหน้าสดๆ และไม่ต้องใส่เครื่องประดับ หรือของสิ่งของมีค่าไปด้วย
  • เลือกใส่เสื้อกระดุมหน้าหรือเสื้อคอกว้าง เวลาถอด-ใส่เสื้อจะได้ไม่โดนแผล รวมทั้งเตรียมหมวกไว้ใส่กันแดดเวลากลับไปพักฟื้นด้วยนะคะ กรณีศัลยกรรมจมูกคุณหมอจะห้ามใส่แว่นนะคะ เพราะมันจะไปกดบริเวณดั้งจมูกค่ะ
  • จะผ่าตัดตาและจมูก ควรรักษาร่างกายไม่ให้เป็นหวัดหรือมีน้ำมูกนะคะ ถ้าไม่สบายก่อนการผ่าตัด ต้องแจ้งให้คุณหมอและทางโรงพยาบาลให้ทราบเพื่อประเมินอาการนะคะ

การเดินทางมาโรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า LARA Plastic Surgery :

นั่งแท็กซี่มาลงที่หน้าตึก GWell Tower หรือนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Gangnam ทางออก 10 แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาทีจะถึงอาคาร Gwell Tower แล้วขึ้นลิฟท์มาชั้น 12 (ถ้าพักแถวถนนคังนัม หรือเส้นรถไฟใต้ดินสายสีเขียวจะยิ่งเดินทางสะดวกมากค่ะ)

พอเดินเข้ามาใน โรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า LARA Plastic Surgery จะพบพนักงานต้อนรับยิ้มแย้ม และล่ามเข้ามาทักทาย ภายในตกแต่งสไตล์มินิมอลเกาหลีเกาใจสร้างบรรยากาศด้วยโทนสีสบายตาดูแล้วสบายใจ ทำให้รู้สึกอบอุ่น สบายๆ ผ่อนคลายได้มากขึ้นค่ะ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ล่ามจะพาไปพบกับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาศัลยกรรม (Surgery Consultant)

  • เพื่อซักประวัติเกี่ยวกับโรคประจำตัว, อธิบายขั้นตอน, ข้อควรระวัง, การดูแลตัวเอง, อาการหลังผ่าตัด และพูดคุยถึงความต้องการว่าอยากทำอะไรบ้างและแก้ปัญหาที่จุดใดบ้าง มีภาพ reference ทรงตาหรือจมูกก็เอามาให้ดูค่ะ
  • จากนั้นไปทำ CT Scan เพื่อให้เห็นโครงหน้าสแกนกะโหลกแบบ 3 มิติเพื่อได้เห็นกระดูกจมูก, กระดูกอ่อนโพรงจมูก, ผิวบางจากซิลิโคน, พังพืดหรือสภาพของเนื้อเยื่อผิว และถ่ายรูปหน้าทุกมุมเพื่อการวินิจฉัย รวมถึงการวางแผนผ่าตัดที่แม่นยำก่อนผ่าตัด
  • หลังทำ CT Scan ทาง Surgery Consultant จะตอบข้อกังวลใจได้ดีทั้งโครงสร้างจมูก, ซิลิโคนจมูกอันเดิมรูปตัว L, วัดความหนาของกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูกที่จะนำมาต่อปลายได้ไหม?

ทาง Surgery Consultant จะทำงานร่วมกับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) เพื่อหารือและประเมินว่า “ต้องใช้วิธีการผ่าตัดแบบใดเพื่อให้ตามรูปภาพ Reference ที่เราต้องการ” จากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุดของโรงพยาบาล และล้างหน้าให้สะอาด

ครั้งแรกที่พบคุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do)

จากนั้นก็ได้เวลามาปรึกษากับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรก แอบรู้สึกตื่นเต้นๆๆ คุณหมอมีการนำเทคโนโลยีการศัลยกรรม การปริ้นท์ต้นแบบกระดูกจมูก (3D Bone Printing) มาช่วยวิเคราะห์กะโหลกและโพรงจมูก แล้วนำมาดีไซน์ทรงจมูกให้เข้ากับรูปหน้า เพื่อสอดคล้องกับรูป Reference ที่เราต้องการ ทำให้เราได้จับ และเห็นภาพได้ชัดขึ้นก่อนผ่าตัด

ด้วยปูเป้เป็นคนขี้กังวลเลยลิสต์คำถามไว้เยอะเลยค่ะ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ก็ค่อยๆ ตอบ อธิบายได้ละเอียด สัมผัสได้ถึงความใส่ใจ ไม่ได้รีบเร่ง และยังให้ความรู้สึกเป็นกันเอง ทำให้การปรึกษาเต็มไปด้วยความสบายใจ ลดความกังวลใจ และมีความมั่นใจขึ้นมากค่ะ

คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) จะออกแบบทรงตาและจมูก และปรับให้เข้ากับโครงหน้าให้สอดคล้องกับรูปภาพ Reference ที่เราอยากได้ค่ะ ในส่วนขั้นตอนสุดท้ายคุณหมอจะสรุปขั้นตอนการผ่าตัดแบบตรงไปตรงมา อะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ ไม่ได้ขายฝันเกินจริง และใช้ปากกาจุดตาและจมูกเพื่อ mark แต่ละจุดก่อนเข้าผ่าตัดค่ะ

ปูเป้ทำศัลยกรรมอะไรบ้าง?

ตา

  • แก้ตาสองชั้น : กรีดตาสองชั้นใหม่แล้วเย็บรวมกับชั้นเก่าจะได้ตากลมโต สดใสขึ้น แต่ความโตอาจไม่เท่าแบบ Reference ด้วยข้อจำกัดของตาที่เล็กมาก
  • ปรับกล้ามเนื้อตา : แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและเปลือกตาที่หย่อนลงมา วิธีนี้จะได้ผลกึ่งถาวรอยู่ได้มากกว่า 20 ปี แต่จะมีการค่อยๆ หย่อนคล้อยตามอายุของเราที่เพิ่มขึ้น
  • เปิดตา Full-option : ด้วยโครงสร้างดวงตาเล็กที่แคบมากๆ จะเปิดหัวตา, เปิดหางตา และดึงหางตาลง

จมูก   

  • เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty): ปรับโครงสร้างจมูกด้วยการเอาซิลิโคนรูปทรงตัว L ออก แล้วใส่ซิลิโคนรูปทรงตัว I บริเวณสันจมูก ตัวแท่งซิลิโคนของเกาหลีจะมีความนิ่มธรรมชาติ เป็นที่นิยมใช้กันในโรงพยาบาลเกาหลี และยังมีความปลอดภัยสูงผ่าน KFDA (มาตราฐานเกณฑ์ในการตรวจผ่าน KFDA จะยากกว่า FDA ของอเมริกา) ซึ่งคนกังวลแบบปูเป้ก็สบายใจในเรื่องความปลอดภัยของซิลิโคนขึ้นเยอะเลยค่ะ
  • ปลายจมูก : เพิ่มความโด่งด้วยการใช้กระดูกอ่อนผนังจมูกตกแต่งปลายจมูก 
  • ลดเนื้อปลายจมูก : แก้จมูกรูปทรงชมพู่ด้วยการขูดเนื้อตรงปลายจมูกออกผ่านช่องใต้รูจมูกเราบางส่วนเพื่อลดความหนาของปลายจมูก
  • ปรับตำแหน่งปีกจมูก : ยกปีกจมูกขึ้นเพื่อแก้โหวงเฮ้งเพื่อไม่ให้เห็นรูจมูกแบบชัดๆ มีการเย็บปีกจมูกด้านข้างให้เล็กลง และเลื่อนตำแหน่งของปีกจมูกให้เป็นทรงจมูกบาลานซ์กับทรงจมูกที่คุณหมอออกแบบ

คาง

  • ฉีดสลาย Filler ที่คาง : ก่อนหน้านี้ปูเป้เคยปรับรูปหน้า V-Shape ด้วยการฉีด Filler ที่คางเพื่อให้หน้าดูยาวขึ้น ซึ่งคุณหมอคิมจงโด อธิบายว่า คางที่สวยควรทำคางให้สั้นลงเป็นสัดส่วน 1/3 ของหน้าจะยิ่งทำให้ดูอ่อนกว่าวัย เด็กลง จึงฉีดสลาย Filler ไปใต้ชั้นผิวหนังโดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) เป็นตัวช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์

ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัดแล้ว !!

โอ๊ยยยย!!! แล้วก็ถึงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต!!  แม้จะเตรียมใจสบายๆ ไม่เครียด ไม่กังวลมาแล้ว แต่วินาทีที่มายืนก่อนเข้าห้องผ่าตัดก็รู้สึกหัวใจเต้นเร้วแรง ใจสั่นๆ ตื่นเต้นมากกกก ดีใจมากสุดๆ จนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกตีกันไปหมดเลย และนี่จะเป็นภาพสุดท้ายของเวอร์ชั่นที่ 2 แล้ว บ๊ะบาย ตาสระอิ!! จากนี้ฉันจะเป็นออนนี่ตากลมๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้ปูเป้ด้วยค่ะ ^^

วินาทีที่เดินเข้าห้องผ่าตัดหัวใจเต้นเร็วมากๆ แต่จะมีพนักงานและล่ามคอยดูแลให้กำลังใจตลอดเลยพอจะช่วยลดความตื่นเต้นลงได้บ้าง จากนั้นก็มานอนบนเตียงผ่าตัด พยาบาลคนแรกจะตัดขนจมูกด้วยความรวดเร็ว, ใช้ยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดภายในรูจมูก, ใบหน้า และลำตัวช่วงบน ส่วนพยาบาลอีกคนเตรียมเข็มปักตรงหลังมือแต่ยังไม่ได้ปล่อยยาสลบ แล้วเทสยาแก้อักเสบที่แขนอีกข้างเพื่อลดผลข้างเคียงของการแพ้ยา

จากนั้น คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) เดินเข้ามาในห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่พยาบาลช่วยใส่เสื้อคลุมผ่าตัด และถุงมือให้ ภาพที่เห็นอย่างกับอยู่ในซีรี่ย์หมอเกาหลีเลยค่ะ!! 5555 จากนั้นคุณหมอ mark จุดตำแหน่งที่ตาอีกครั้ง พอสิ้นสุดเสียงล่ามว่า “จะฉีดยาสลบแล้วนะคะ” ทุกอย่างภาพก็ตัดไปเลย ระหว่างการผ่าตัดจะได้ยินเสียงคุณหมอพูดเป็นระยะๆ ว่าให้ “ลืมตา-หลับตา-ลืมตา-หลับตาแล้วภาพตัดไปอีกรอบ สักพักจะได้ยินเสียงคุณหมอพูดกับพยาบาลเป็นระยะๆ พอได้ยินพยาบาลพูดว่า “กึด” ก็แอบดีใจว่า “เย้ๆๆๆ การผ่าตัดเสร็จแล้ว” แต่ก็ยังมึนๆ เหมือนรู้ตัวบ้าง ไม่รู้สึกตัวบ้างนะคะ ^^

ได้เวลาออกจากห้องผ่าตัดแล้ว

ปูเป้ใช้เวลาในห้องผ่าตัดรวม 3 ชั่วโมง จากนั้นก็ย้ายไปนอนในห้องพักฟื้นเพื่อดูอาการก่อน กรณีถ้าไม่มีอาการปวดหัวหรือคลื่นไส้อาเจียนก็จะสามารถกลับบ้านได้เลย ซึ่งปูเป้เลยขอพักหลับต่ออีก 2 ชั่วโมง พอตื่นขึ้นมาปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ พอได้จิบน้ำก็ดีขึ้นมากๆ พอไม่มีอาการปวดหัว หรือคลื่นได้แล้วก็ได้เวลากลับบ้านนค่ะ น้องล่ามจองมีน่ารักมากดูแลกันตลอด แถมยังช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งที่พักด้วยค่ะ

ระหว่างที่ปูเป้อยู่ในห้องผ่าตัด ทางน้องล่ามจองมีพาพี่ต้นไปร้านขายยาที่อยู่ด้านล่างตึก Gwell เพื่อไปซื้อยาตามใบสั่งของแพทย์ เช่น น้ำฟักทองลดอาการบวมและแก้ช้ำ, ยาหยอดตา, ขี้ผึ้งป้ายแผล หรือถ้าจะซื้อเทปติดแผล หรือน้ำตาเทียมก็ซื้อได้เลยค่ะ

คำแนะนำหลังการผ่าตัด :

  • ให้นอนหมอนสูงประมาณ 45 องศา และใช้หมอนรองคอล็อกคอไว้
  • ผ้าก๊อซอุดอยู่ในรูจมูกต้องหายใจทางปากตลอดทั้งคืน ซึ่งคุณหมอจะเอาผ้าก๊อซออกให้ในเช้าวันที่ 2
  • ทานยาให้ครบ ดื่มน้ำฟักทอง พักผ่อนเยอะๆ และหมั่นประคบเจลเย็นบ่อยๆ ติดต่อกัน 1 สัปดาห์
  • เน้นทานอาหารนิ่มๆ เพราะมีแผลผ่าตัดบริเวณจมูกจะอ้าปากมากๆ ไม่ได้
  • ทำความสะอาดแผลภายนอก ทาขี้ผึ้งบริเวณรอยเย็บ หยอดตาแก้อาการอักเสบ
  • ช่วงแรกๆ ตายังจะพร่ามัวอยู่บ้าง มองภาพไม่ชัด ซึ่งเกิดจากการอักเสบภายในตา
  • เดินอย่างน้อยวันละ 10,000 ก้าว เพื่อจะช่วยทำให้ลดบวมให้เร็วขึ้น

วันที่ 2 หลังจากผ่าตัด

วันนี้ปูเป้มีนัดกับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) เพื่อเอาผ้าก๊อซในจมูกออก พอเอาผ้าก๊อซออกจากจมูกปุ๊ป รู้สึกว่าหายใจทางจมูกได้โล่งขึ้นเยอะมากๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอนการทาขี้ผึ้งให้เน้นทาเยอะๆ บริเวณแผลที่มีรอยเย็บจะทำให้ไม่เจ็บมากเวลาตัดไหม และตามด้วยฉายแสงช่วยลดบวมได้เร็วขึ้น

อาการวันที่ 2 หลังจากผ่าตัด :

  • ไม่เจ็บหรือปวดแผล แต่จะมีอาการตึงๆ เน้นใช้ขี้ผึ้งทาที่แผลเยอะๆ
  • หน้าบวมมากอย่างกับนาร์เนีย ดังนั้นอย่าส่องกระจกเยอะให้กังวลใจค่ะ
  • การมองภาพจะเลือนรางบ้าง เพราะตาขาวยังมีอาการบวมอยู่
  • นอนหลับไม่สนิทตลอดคืน เพราะยังไม่ชินกับการนอนหงาย และใช้หมอนรองคอ
  • ทานอาหารนิ่มๆ เพราะอ้าปากกว้างไม่ได้ ทานยาให้ครบทุกมื้อ ใช้หลอดดื่มน้ำ และประคบเจลเย็นบ่อยๆ

ข้อควรระวัง

  • 7 วันแรกห้ามโดนน้ำให้ใช้สำลีแบบแผ่นชุบด้วยน้ำยาทำความสะอาดผิวหน้าแทน
  • ห้ามนอนตะแคง, ห้ามจามแรง อ้าปากกว้าง เม้มปาก ให้ใช้ Cotton bud แคะจมูกแทนระยะเวลา 1 เดือน
  • บางครั้งอาจมีน้ำมูกปนเลือด มีน้ำมูก และเสียงขึ้นจมูกบ้าง
  • ห้ามทานของเผ็ด เค็ม มัน ปลาร้า จะทำให้บวม ยุบช้า ระยะเวลา 1 เดือน
  • ห้ามแต่งหน้าที่บริเวณแผล 1 เดือนจะทำให้แผลไม่สวยและดำ
  • ห้ามออกกำลังกายหนัก กระโดด ว่ายน้ำ ดำน้ำ กีฬาทางน้ำอย่างน้อย 3 เดือน และสตรีมซาวน่า 1 เดือน
  • ห้ามใส่แว่น 1-2 เดือน งดเล่นโทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงแสงแดด

วันที่ 3 หลังการผ่าตัด

ก่อนออกจากที่พักก็แอบเป็นกังวลว่าไปเที่ยวสภาพแบบนี้จะไหวรึเปล่า? จะรอดไหมน๊า?
วันนี้เป็นวันแรกที่ปูเป้ตั้งใจออกไปเดินเยอะให้ได้ขั้นต่ำ 10,000 ก้าว ตามที่พี่ทางเอเจนซี่แนะนำมาค่ะ เพราะจะช่วยระบบการไหลเวียนเลือดเป็นปกติ ลดอาการบวมได้เร็วขึ้น ด้วยความอยากหายไวๆ เลยรีบจัดแพลนไปเที่ยวค่ะ

ช่วงบ่ายๆ แวะไปหมู่บ้านอึนพยอง ฮันอก Eunpyeong Hanok Village, คาเฟ่ 1 In 1 cup ร้านนี้คือวิวเดอะเบส จากนั้นก็เดินเล่นชมบ้านโบราณสไตล์ฮันอกสวยๆ จากนั้นไปเที่ยวต่อย่านเมียงดง แวะช้อปปิ้ง ถ่ายรูปแสงเย็นสวยๆ กับโบสถ์เมียงดง Myeongdong Cathedral และแวะทานบะหมี่ และเกี๊ยวนึ่งไส้แน่นๆ ร้าน Myeongdong Kyoja Main Branch ร้านดังย่านนี้เลยเปิดมายาวนานพ่วงด้วยรางวัล Michelin Guide Seoul 2023 รวม 7 ปีซ้อน

อาการวันที่ 3 หลังจากผ่าตัด :

  • ตาและจมูกบวมขึ้น บริเวณรอบตา หางตามีรอยช้ำแต่ไม่เจ็บหรือปวดแผล
  • เวลาออกแดดจัดๆ มีอาการแสบตาและเคืองตา แนะนำให้หยอดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ตา
  • ยังอ้าปากกว้างไม่ได้ เพราะมีความตึงบริเวณรอยเจ็บตรงจมูก

พอเที่ยวจบครบ 1 วัน บอกเลยว่าเดินเที่ยวสบายมากกกก!!
ปูเป้ไปเกาหลีช่วงเดือนพฤษภาคม 2023 อุณหภูมิประมาณ 16-24 องศา มืดช้า อากาศกำลังดี เย็นสบายทำให้เดินได้เพลินๆ และที่สำคัญคนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเราค่ะ เพราะคงคุ้นตากับภาพคนทำศัลยกรรมออกมาเดินบนท้องถนน และหลายคนก็ทำกันมาแล้วแหล่ะ!!

แต่ก็อาจมีคนหันมามองแต่ก็ไม่ได้จ้องจนเสียมารยาทเลยทำให้การเดินทางไปเที่ยวด้วยรถสาธารณะ ทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน และรถแท็กซี่เป็นเรื่องง่ายมาก แต่เราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวในการเดิน กลัวคนมาเดินชนบ้าง เลือกทานอาหารนิ่มๆ เน้นโปรตีนเยอะๆ และใช้หลอดดูดน้ำแทนนะคะ

วันที่ 4 หลังการผ่าตัด

เมื่อวานปูเป้ออกไปเดินเยอะเกิน 10,000 ก้าวเลยทำให้หลับได้สนิทมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับการนอนหมอนสูง และใช้หมอนรองคออยู่ค่ะ

แพลนวันนี้ไปเที่ยวแถวซองซู (Seousu) ย่านที่กำลังบูมในโซลมีครบทั้งอาคารตึกสวยๆ มุมถ่ายรูป คาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง ร้านขาย Multi-brand และก็นั่งแท็กซี่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ Seoul Forest เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ดูแล้วธรรมดา แต่เป็นที่เราสองคนชอบมากค่ะ ไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวๆ ร่มรื่น สดชื่นมาก ไปดูผู้คนเกาหลีมาใช้ชีวิตในสวนสาธารณะ ภารกิจเดินเกิน 10,000 ก้าวก็สำเร็จไปอีกวันค่าาาา!!

อาการวันที่ 4 หลังจากผ่าตัด :

  • อาการบวมเริ่มยุบลง บริเวณห้อเลือดหางตา และรอบดวงตาดีขึ้น
  • รู้สึกตึงบริเวณปลายจมูกและรอยแผลมากกว่าทุกวัน เริ่มมีน้ำมูก และเสียงขึ้นจมูก

วันที่ 5 หลังการผ่าตัด

วันนี้ปูเป้มีนัด Follow-up ดูแผลกับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) และฉายแสงเพื่อลดบวม ทางเอเจนซี่ได้ส่งน้องล่ามจองมีมาดูแลเราใกล้ชิดทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาลจนถึงวันตัดไหมทำให้เรารู้สึกอุ่นใจเสมอค่ะ น้องล่ามจองมีน่ารักมาก นิสัยดี ช่วยเหลือทุกเรื่องยันหาร้านอาหารอร่อยๆ เลยค่ะ

คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) บอกว่า แผลค่อนข้างดีไม่มีรอยเขียว ม่วง เหลืองบนใบหน้า, อาการบวมลดลงเรื่อยๆ, เวลาไอหรือจามให้ออกทางปากแทน, เยื่อบุตาขาวยังอักเสบบวมอยู่จึงทำให้ภาพยังชัด และจะแสบตาเมื่อเจอแดดจัดๆ เน้นหยอดน้ำตาเทียม และยาหยอดตาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่ง

ช่วงบ่ายหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็แวะไปที่เดินเล่นรับลมดูงานสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่ Dongdaemun Design Plaza และกำแพงป้อมปราการของกรุงโซล Heunginjimun Gate Park เป็นสถานที่ที่สวย ฟีลดีมาก มีดอกไม้สวยๆ บรรยากาศชิลล์ได้นั่งมองวิว ลมพัดเย็นสบาย และชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นโมเม้นต์ที่ธรรมดาแต่มีความสุขจังเลย ปิดท้ายวันด้วยปูดองที่ Sunmi’s Haengbok Marinated Crab อร่อยสมมงมากกกก!! ทริปนี้ได้ทั้งมาเที่ยว ได้มาทำสวยด้วย ใช้เวลาคุ้มค่าสุดๆ เลยค่ะ ^^

วันที่ 6 หลังการผ่าตัด

วันนี้ร่างกายต้องการโปรตีนเน้นๆ เลยไปจัดหนักกันที่บุฟเฟ่ต์เนื้อปิ้งย่างที่ Watsso Hongik Univ. Branch เนื้อนุ่มๆ ฉ่ำดีมาก อร่อยมากเกินราคาแบบเซอร์ไพร์ส สำหรับคนเพิ่งผ่าตัดมาก่อนทานต้องตัดเนื้อให้คำเล็กๆ เพราะยังอ้าปากกว้างได้ไม่เยอะยังตึงบริเวณฐานจมูกอยู่

อิ่มแล้วก็มาเดินย่อยช้อปปิ้ง ย่านฮงแด (Hongdae), ย่านยอนนัมดง (Yeonnam) แต่ละร้านตกแต่งเก๋ บรรยากาศดีสุดๆ แต่ละร้านมีจุดเด่นพิเศษเป็นของตัวเอง! ร้านที่โดนใจมาก 2 ร้านขอยกให้คาเฟ่ Cheong Su Dang (청수당공명) เบเกอรี่ดี ร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น มีโคมไฟไม้ไผ่ น้ำตก ถ่ายรูปออกมาสวยมาก และอีกร้าน Layered Yeonnam (카페 레이어드 연남) เครื่องดื่มดี ขนมเยอะ สโคนดีมากกก เนื้อไม่แห้งร่วน หอมเนย แต่มีความฉ่ำๆ อร่อยมากค่ะ

อาการวันที่ 6 หลังจากผ่าตัด :

  • รอยห้อเลือดใต้ตาเริ่มจางลง สู้แดดจัด และความร้อนหน้าเตาปิ้งย่างไม่ได้ทำให้ตายิ่งแห้ง และมีน้ำตาไหลบ้าง
  • ตาสองข้างยุบไม่เท่ากัน ข้างขวาจะยุบมากกว่า เน้นใช้เจลเย็นประคบตาข้างซ้ายบ่อยขึ้นค่ะ
  • จมูกเหมือนมีอะไรแน่นๆ มีน้ำมูกไหล ให้ใช้คัตตอนบัตทำความสะอาดภายในจมูก

วันที่ 7 หลังการผ่าตัด

ผ่านมา 7 วันแล้วเป็นการทำศัลยกรรมที่รู้สึกชิลล์มากกกก!!
วันนี้ปูเป้แพลนไปเดินเล่นแถว N Seoul Tower และสวนสาธารณะบนภูเขาพร้อมกำแพงเมืองสวยๆ ที่ Namsan Baekbeom Square (จตุรัสนัมซานแบคบอม) อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์สวยๆ ของ Itaewon Class หลังจากดูซีรี่ส์มานานหลายปีค่าา ช่วงเย็นก็แวะไปนั่งเล่นแถว Yeouido Hangang Park เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่ดีต่อใจ อิ่มตากับวิวแม่น้ำ เพลิดเพลินกับเสียงดนตรี และอาหาร Street Food ที่เยอะมาก เป็นบรรยากาศที่ฟีลกู๊ดมากกกก!!

อาการวันที่ 7 หลังจากผ่าตัด :

  • ครบ 1 สัปดาห์แล้ว ปูเป้รู้สึกโชคดีมากที่ไม่เจ็บหรือปวดแผลเลยทำให้ใช้ชีวิตได้ปกติ ออกเที่ยวรัวๆ โพสต์รูปเที่ยวจนเพื่อนแซวว่า “ปูเป้เป็นคนแรกที่ทำให้การผ่าตัดศัลยกรรมไม่น่ากลัวแบบที่เคยคิดเลย ชิลล์มากจริงๆ” การเดินเยอะไม่ต่ำกว่า 10,000 ก้าวก็ช่วยลดบวมได้ไวขึ้น แต่ปูเป้เชื่อว่าต้องมีปัจจัยอื่นๆ ที่มาเกี่ยวข้องด้วย เช่น
  1. ฝีมือและเทคนิควิธีการเย็บแผลเฉพาะของ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ทำให้บวมน้อยมาก และหายเร็วขึ้น
  2. การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดอย่างเคร่งครัดทั้งการทานยา ล้างแผล การนอน การประคบเย็น และการทานอาหารเน้นโปรตีน และการเดินเยอะทุกวันที่ช่วยลดอาการเลือดคั่ง
  3. เทคโนโลยีทางการแพทย์ และเครื่องมือของโรงพยาบาลที่เกาหลีมีความก้าวหน้า มีความทันสมัยมากๆ
  • เริ่มมีอาการคันบริเวณรอยเย็บ มีน้ำมูก มีตึงบริเวณปลายจมูก
  • น้ำตาไหลเวลาเจอแสงแดดจ้าๆ ให้ใช้น้ำตาเทียมช่วยหยอดตาเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา

วันที่ 8 หลังการผ่าตัด

หลังจากผ่านไป 8 วันก็ได้เวลามาตัดไหมแล้วค่ะ วันนี้ตื่นเต้นที่สุดของที่สุดดดดด!!
โอ๊ยๆๆ ลุ้นจากเห็นจมูกมาก เพราะแอบอยู่ในเฝือกตลอด อาการบวมจากการผ่าตัดเป็นเรื่องธรรมดาส่วนอาการเจ็บคงแล้วแต่คนค่ะ ส่วนปูเป้ไม่มีอาการเจ็บปวดที่แผลเลย มีแต่ตึงๆ ที่ปลายจมูก และตาแห้งตั้งแต่วันที่ 2 หลังผ่าตัดจนถึงวันที่ 9 วันที่ตัดไหม น่าจะมาจากฝีมือคุณหมอคิมจงโดมือเบามาก ทำให้แผลบวมน้อยเลยทำให้ฟื้นตัวไว

ช่วงเช้าเลยแวะไปชิลล์ๆ นั่งเล่นเพื่อลดอาการตื่นเต้นกันสักหน่อยที่ Cafe Mooni Apgujeong สาขา Apgujeong Rodeo St. คาเฟ่เกาหลีเกาใจที่แท้ทรู ตกแต่งได้น่านั่ง มุมไหนก็สวยละมุน น่ารักมากกกก ถ่ายรูปเพลินสุดๆ มื้อเที่ยงแวะไปทานพิซซ่าร้านอร่อยแห่งหนึ่งในโซลชื่อว่า Pizza Deokhu Pizza Hip Apgujeong Branch ไฮไลต์ของร้านนี้ที่ไม่เบสิค คือ พิซซ่าหน้าซี่โครงเนื้อที่วางมาแบบฉ่ำๆ แน่นๆ เนื้อซูวีมาแบบนุ๊มนุ่ม แบบเปื่อยสุดๆ พร้อมราดซอสสูตรลับด้านบน (ที่ร้านจำกัดขายวันละ 30 ถาดเท่านั้น) เป็น “พิซซ่าหน้าเนื้อ” ที่อร่อยโดนใจ เด็ดจริง สุดจริงค่ะ

ถึงเวลาตัดไหมแล้ว

ช่วงบ่ายๆ ก็ไปลุ้นตัดไหมที่โรงพยาบาลลาร่า (LARA Plastic Surgery) คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) จะดูแลเองในทุกขั้นตอนทั้งนัด Follow-up และตัดไหมที่เย็บบริเวณตาและจมูกด้านนอกแบบด้วยความมือเบา ทำไว ส่วนไหมที่เย็บในรูจมูกยังไม่ได้ตัดออกเพราะแผลยังไม่สมานดี เราสามารถกลับมาตัดไหมที่ไทยก็ได้แต่ให้ครบ 7 วันก่อน หรือถ้าไม่ระคายเคืองก็ปล่อยไว้ได้เพราะเป็นไหมละลายจะใช้เวลา 3-4 เดือน ก็จะสลายหมดค่ะ

คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) เล่าให้ฟังว่า ทรงตาและจมูกออกมาตามที่แพลนไว้ และคุณหมอตั้งใจมากๆ ทำให้เหมือนผ่าตัดให้ภรรยาเลยครับพอฟังแล้วปูเป้รู้สึกใจฟู touching สุดๆ ประทับใจในฝีมือการออกแบบ เทคนิค ความละเอียดของคุณหมอ และสิ่งที่เซอร์ไพร์สสุดๆ คือ บริเวณแผลใต้ปีกจมูกที่เย็บทั้งสองข้างกับฐานจมูกเนียนแบบตกใจมากเหมือนไม่มีแผล หรืออะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลยค่ะ

รูปภาพหลังตัดไหมตาและจมูกและเอาเฝือกออก

เริ่มแรกปูเป้ตั้งใจจะทำแค่ตาอย่างเดียว แต่คุณหมอแนะนำให้ทำตาและจมูกพร้อมกันจะทำให้หน้าดูละมุนขึ้น และเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น” พอตัดไหมแล้ว ปูเป้รู้สึกขอบคุณคุณหมอมากๆ ที่แนะนำได้อย่างตรงจุดทำให้หน้าดูชัดมีมิติ ดูหวานละมุนมากขึ้นภายใน 8 วัน ชั้นตาดูเป็นสองชั้นชัดและกว้างขึ้น หางตาเปิดและดึงลงทำให้พื้นที่ขนาดของตาเพิ่มขึ้น

ก็เลยนึกไปถึงรีวิวของคนเกาหลีที่เคยอ่านก่อนหน้านี้บอกว่า คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ใจดี ให้คำแนะนำและคำปรึกษาด้วยความใส่ใจ ใจเย็น อธิบายละเอียด ปูเป้ก็ว่าเป็นแบบรีวิวจริงๆ ค่ะ ท้ายสุดนี้ประทับใจคุณหมอคิมจงโด, ทีม Surgery Consultant, ทีมพนักงานต้อนรับทุกคน และล่ามที่ดูแลใกล้ชิด บริการด้วยใจทั้งทายา ช่วยเหลือ บริการดีจนรู้สึกคลายกังวลใจได้เยอะมาก แฮปปี้มากกกก!!

หลังจากตัดไหมเสร็จแล้วช่วงเย็นไปเดินลั่นล้า ย่าน Itaewon ถ่ายรูปแสงเย็นสวยๆ กับมุมสะพาน Signature แล้วแวะไปทานหมูย่างที่อร่อยที่สุดในทริปนี้ ร้านชื่อว่า Ggupdang 꿉당 แถวสถานี Sinsa Exit 5 ร้านนี้ดังมากกก คิวแน่นมาก ร้านนี้ได้ Michelin Guide Seoul 2023 มาหลายปีซ้อน เนื้อหมู Aging15 วันกินคู่ใบงาคืออร่อยแบบแสงออกปาก ชอบที่ร้านจะมีหนุ่มๆ มาปิ้งย่างให้ด้วย แต่คิวยาวมากกกกก แนะนำให้รอเถอะค่ะ สมกับความอร่อยจริงๆ 555

เผลอแป๊ปเดียวปูเป้จะอยู่เกาหลีครบ 14 วัน พรุ่งนี้จะบินกลับไทยแล้วค่าาาา

คำแนะนำหลังจากผ่าตัด 1 เดือน

  • ตา, จมูก และใบหน้าสองข้างอาจจะยุบและบวมไม่เท่ากัน อาการช้ำก็จางลงเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าที่ 100%
  • สามารถเล่นโยคะ หรือพิลาทิสเบาๆ ได้ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ
  • เวลาใส่และถอดเสื้อระวังโดนจมูก ถ้ารู้สึกคัดจมูกให้ใช้คอตตอนบัตแห้งค่อยๆ ทำอย่างเบามือ
  • แต่งหน้าได้เลย สำหรับคอนแทคเลนส์ให้รประมาณ 1-2 อาทิตย์

2 สัปดาห์หลังจากตัดไหม

าทั้งสองข้างจะบวมและยุบไม่เท่ากัน, ยังมีอาการตาแห้ง และการที่เราใส่แว่นสายตาไม่ได้เลยทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการทำงานค่ะ ส่วนจมูกจะมีน้ำมูกใสๆ จามบ่อยขึ้น และรู้สึกตึงรั้งแน่นๆ บริเวณปลายจมูก ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้น และหายไปเอง ท่องไว้ใจเย็นๆ

ข้อควรระวังหลังกลับไทย :

  1. ระวังเรื่องอาหาร เค็ม เผ็ด มัน ผงชูรส และของหมักของดอง
  2. อาจมีอาการบวมมากขึ้นช่วง 1-3 วันแรก พยายามอยู่ในที่เย็นๆ อย่าตากแดด
  3. หลีกเลี่ยงไปสถานที่ฝุ่นเยอะ เพราะทำให้เกิดอาการจาม และเคืองตาได้
  4. ทายาที่แผลเพื่อทำให้รอยแผลจางลง

3 สัปดาห์หลังการผ่าตัด

อาการบวมเริ่มยุบลงเรื่อยๆ อาการช้ำรอยสีเหลืองบริเวณตาหายไป แต่ยังมีความบวมๆ ที่ปลายจมูก และตาสองข้างที่ยังไม่เท่ากันค่ะ 2 สัปดาห์หลังจากผ่าตัดปูเป้มีเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น

ตลอดการเดินทางไม่ว่าจะขึ้นเครื่องบิน ตื่นเช้า นอนดึก เดินเยอะ อากาศเย็น ฝนตก สลับร้อน ทานอาหารญี่ปุ่นได้ทุกอย่างทั้งของดิบ ซูชิ ซาชิมิ ราเมน ของดอง ก็เที่ยวได้รัวๆ ใช้ชีวิตเที่ยวได้เป็นปกติมากๆ ไม่มีอะไรให้กังวลเลยค่ะ เพียงแค่ระวังอย่าไปโดนหรือชนจมูก ทำร่างกายให้แข็งแรง อย่าให้เป็นหวัดเพราะจะทำให้มีน้ำมูก นอกนั้นก็ไม่มีอะไรต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ สบายฝุดๆ

1 เดือนหลังการผ่าตัด

ตอนนี้ปูเป้ทำ “ตาและจมูก” ครบ 1 เดือนแล้ว ส่องกระจกทุกวัน วันละหลายรอบ 555 ตอนนี้ตาและจมูกเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ คุณหมอผ่าตัดได้ดีมาก แผลเนียนสวยจริง ปูเป้ประทับใจและทำให้มั่นใจมากขึ้นค่ะ พอครบ 1 เดือนปูเป้วาร์ปไปเที่ยวเมืองจีนยาวๆ 8 วันค่ะ เที่ยวสนุก ไม่มีอะไรให้รำคาญใจเลย ชิลล์มาก ทานอาหารจีนได้ทุกอย่างทั้งหมาล่า ก๋วยเตี๋ยว ติ๋มซำ ซุปตุ๋นยาจีนสมุนไพร และอื่นๆ

การดูแลและติดตามผลหลังผ่าตัดของทางคลินิกดีมากๆ ค่ะ พอดีตรงกับจังหวะที่ปูเป้อยู่ไทยเลยได้ไปนัด Follow-up กับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ที่มาเปิดตัวครั้งแรกที่ไทย บอกว่า แผลเรียบเนียนสวยดีมาก ปกติดี ตาขวายุบเร็วส่วนตาซ้ายยังมีอาการบวมอยู่ และบริเวณสันจมูกยุบแล้วจะได้สันสูงประมาณนี้ ส่วนปลายจมูกต้องใช้เวลาอีกหน่อยกว่าจะเข้าที่ ฟังแบบนี้ปูเป้ก็สบายใจมากๆ ค่ะ

2 เดือนหลังการผ่าตัด

และแล้วก็ผ่านไป 2 เดือนแล้ว!! รู้สึกว่าทั้งตาและจมูกเริ่มเข้ากับหน้ามากขึ้น หน้าเปลี่ยนไปจากเดิม ตาสองข้างเท่ากันแล้วด้วย ตาดูโต สดใสขึ้น มีตากลมสไตล์ออนนี่แล้วค่ะ ส่วนจมูกมีความพุ่งเป็นรูปทรงที่สวยมากกว่าเดิม ถูกใจมากกกก!! โดยรวมแล้วหน้าดูหวานละมุนขึ้น ดูอ่อนวัยลงจนหลายคนทักว่าหน้าเด็กลงด้วย ยิ้มกว้างเลยค่ะ

3 เดือนหลังการผ่าตัด

ผ่านมา 3 เดือนหลังทำศัลยกรรมแล้วค่ะ ตาและจมูกเริ่มเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เห็นได้ชัดมาก คือ ชั้นตาสวย ตาดูโตขึ้น และลืม “จมูกชมพู่” แบบเก่าก่อนหน้าไปเลยค่ะ สันจมูกรัดแกน บริเวณปลายจมูกมีขนาดเล็กลง ทรงจมูกดูเล็กลงสมส่วนมากขึ้น

จมูกที่โด่งขึ้นช่วยปรับใบหน้าให้ดูมีมิติ ละมุน หวานขึ้นแบบเห็นได้ชัดเจน และดูรูปหน้าสมส่วนขึ้น สำหรับข้อควรระวังในช่วงก่อน 3 เดือน คือ ยังหลีกเลี่ยงการดำน้ำ และการออกกำลังกายหนักๆ แบบหักโหมนะคะ แล้วปูเป้จะมาอัพเดทหน้าเรื่อยๆ จนครบ 1 ปี จนกว่าหน้าจะเข้าที่ลงตัวแบบ 100% ค่ะ

4 เดือนหลังการผ่าตัด

นี่เป็นการกลับมาเที่ยวเกาหลีในรอบ 4 เดือนหลังทำศัลยกรรมค่ะ เผลอแป๊ปเดียว!! ตอนนี้เป็นลูกสาวหมอคิมลาร่าครบ 4 เดือนแล้ว ตา และจมูกเข้าที่ดีมากแล้ว ถูกใจมากกก!! จมูกเป็นทรงชัดขึ้น ปลายจมูกเล็กลง ทำให้หน้าดูหวานละมุนขึ้น หน้าดูเด็กลง ถ่ายรูปง่ายขึ้นเยอะเลย จะมุมใกล้ มุมไกล หรือมุมด้านข้างก็พร้อมค่า

ข้อมูลโรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า
(LARA Plastic Surgery : 라라성형외과의원)

ปูเป้ทำศัลยกรรมตาและจมูกกับ คุณหมอคิมจงโด (Dr. Kim Jong do) ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า LARA Plastic Surgery (라라성형외과의원) ที่บรรดาเซเล็บ และเหล่านักการเมืองเกาหลีไว้วางใจมีประสบการณ์ค่ะ

ราคาทำศัลยกรรมตา-จมูก และฉีดสลายคาง

  • งานตา 7 ล้านวอน (ราคาปกติ 10 ล้านวอน)
  • งานจมูก 10 ล้านวอน (ราคาปกติ 14.5 ล้านวอน)
  • ฉีดสลายคาง 5 แสนวอน (ราคาปกติ 7 แสนวอน)
  • รวมทั้งหมด 17.5 ล้านวอน (จากราคาปกติ 24.5 ล้านวอน)

ทางโรงพยาบาลลาร่าจะให้ส่วนลดกับลูกค้าสูงสุด 30%

  • ส่วนลด 10% ชำระเงินสด
  • ส่วนลด 10% สำหรับวางมัดจำจองคิวและล็อกคิว
  • ส่วนลด 10% คืนภาษีที่โรงพยาบาล (คืนที่สนามบินจะได้ส่วนลด 5-8%)

ที่ตั้งโรงพยาบาลศัลยกรรมลาร่า
LARA Plastic Surgery (라라성형외과의원)

ที่อยู่ : 12F, Gwell Tower, 24 Seocho-daero 77-gil, Seocho-gu, Seoul
การเดินทาง : เดิน 3 นาทีจากสถานีคังนัม (Gangnam) Exit 10 ไปยังอาคาร Gwell Tower กดลิฟท์ไปชั้น 12
เวลาทำการ : วันจันทร์-วันศุกร์เวลา 10:00-19:00 น. และวันเสาร์เวลา 10:00-17:00 น.
โทรศัพท์ : 82.2.532.8078
Website : http://www.laraps.co.kr/
Instagram : https://www.instagram.com/laraps_official/
ปรึกษา : Line : https://lin.ee/VCBhNDj
Naver Map : https://naver.me/5KOMAmjw