Jodhpur (จูดห์ปุระ) นครสีฟ้า ตรึงตรา ถึงใจ!!

ที่นี่คือ Jodhpur (จูดห์ปุระ) นครโบราณที่ถูกฉาบด้วยสีฟ้า-คราม-น้ำเงิน เมืองที่วิถีชีวิตผู้คนมีสีสันจัดจ้านยิ่งกว่าที่ใดๆ และเป็นเมืองที่เราอยากบอกคุณว่า “พลาดแล้วจะเสียใจ” เพราะ Blue is the most lively color at Jodhpur มาสัมผัสประสบการณ์พิเศษของเมืองนี้ด้วยกันกับเราครับ

Jodhpur เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของแคว้น Rajastan รองจาก Jaipur ศูนย์กลางของเมือง คือ Mehrangarh Fort ป้อมปราการใหญ่บนเนินเขา ที่มองเห็นได้ไกลจากรอบเมือง สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1459 (พ.ศ. 2002) โดย มหาราชา ราโอ จอดา (Maharaja Rao Jodha) ซึ่งเป็นยุคเดียวกับกรุงศรีอยุธยาตอนต้น

เราพบว่า Jodhpur เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง เพราะนอกจะเป็นเมืองเก่าอายุ 500 กว่าปีที่ถูกฉาบด้วยสีน้ำเงินแล้ว เมืองนี้ยังมีป้อมปราการใหญ่อยู่กลางเมือง มีอนุสรณ์ความรักที่มีเรื่องเล่าตรึงใจไม่แพ้ทัชมาฮาล และมีรูปแบบวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ก่อนมาเที่ยว “ราชาสถาน” โปรดอ่านคำแนะนำ : 10 ข้อควรรู้ที่ทำให้เที่ยว “ชัยปุระและราชสถาน” ได้อย่างสบายใจ

ทำไม Jodhpur ถึงเรียกว่าเป็นเมืองสีฟ้า

เหตุที่บ้านเรือนส่วนใหญ่ที่ Jodhpur นั้นทาสีฟ้า, สีคราม จนได้ฉายาว่าเมืองสีฟ้า เพราะเมืองนี้เป็นเมืองหน้าด่านของทะเลทรายธาร์ ในอดีตเมืองนี้สภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนระอุมาก

การฉาบผนังบ้านด้วยดินและทาสีบ้านเป็นสีฟ้าจะช่วยกันรังสี UV จากแสงแดดได้มากกว่าสีอื่น อีกทั้งสีฟ้ายังเป็นสีของวรรณะพราหมณ์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ใน Jodhpur ก็เป็นวรรณะพราหมณ์ จึงทำให้สีฟ้ากลายเป็นสีที่นิยมใช้ทาบ้านเรือนใน Jodhpur นานวันเข้าเมืองทั้งเมืองเลยกลายเป็นสีฟ้าในที่สุด

ติดตามอ่านเรื่องราวของเมืองน่าเที่ยวอื่นๆ ในแคว้น ราชสถาน (Rajastan) ได้ตามนี้ครับ

กิจกรรมห้ามพลาดใน jodhpur

ตลอด 2 วันที่เที่ยวอยู่ใน Jodhpur เราสองคนได้รับประสบการณ์สนุกๆ ไม่รู้เบื่อเลย ไปดูกันครับว่ามีกิจกรรมสนุกๆ อะไรให้ทำที่ Jodhpur กันบ้าง

1. ชมวิวเมืองที่ Mehrangarh fort (ป้อมเมห์รานการห์)

ป้อมปราการที่เหมือนกองบัญชาการบนเนินเขานี้ ชื่อว่า Mehrangarh Fort (ออกเสียงว่า เม-ราน-กา) เป็น 1 ใน 4 พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ป้อมนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง Jodhpur อยู่สูงกว่าเมืองประมาณ 122 เมตร

สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ราวปี ค.ศ. 1460 โดย Maharaja Rao Jodha (มหาราชา ราโอ จอดา) ตัวป้อมสร้างจากหินทรายสีแดง ที่ผ่านการแกะสลักอย่างวิจิตร แสดงถึงทักษะงานแกะสลักของคนในยุคนั้น

ค่าเข้า : 600 รูปี จะได้รับ Audio Guide ไว้เดินฟังบรรยายด้วย (ภาษาอังกฤษ)
ค่านำกล้องเข้าไปถ่ายภาพ : 100 รูปี (คิดเฉพาะกล้อง DSLR, กล้อง Compact ไม่เสียเงิน)
เวลาทำการ : 09:00 – 17:00 น. (ประตูปิดไม่ให้เข้าตอน 17:00 น. แต่อยู่ต่อได้ถึง 19:00 น.)

ภายในพระราชวังประดับด้วยแก้วหลากสี แบ่งเป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่หลายห้อง ปัจจุบันถูกแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงอาวุธ และเครื่องใช้โบราณ รวมถึงเครื่องใช้ส่วนตัวของมหาราชาก็จัดแสดงไว้ที่นี่เช่นกัน

ด้วยความที่อยู่สูงกว่าเมืองถึง 122 เมตร ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวเมือง Jodhpur ได้จากระเบียงชมวิวด้านบนปราสาท การจะขึ้นไปชมวิวด้านบนนั้นสามารถทำได้ทั้งเดินเท้าและขึ้นลิฟท์ (ค่าลิฟท์เที่ยวละ 50 รูปี)

หากเลือกจะเดิน ก็ไม่ได้ลำบากมากนัก เพราะทางเดินถูกทำไว้ให้ค่อยๆ เพิ่มระดับความสูงขึ้น เป็นแนวทะแยงซ้าย-ขวาสลับกันไปแต่ละช่วง แต่ทางไม่ชันมาก ระหว่างทางมีจุดถ่ายภาพหลายจุดให้แวะชม

สำหรับคนที่อยากมาชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน มุมสวยในการชมพระอาทิตย์ตกจะอยู่บริเวณลานจอดรถด้านล่าง ทางขวาของตัวป้อม Mehrangarh (หากหันหน้าเข้าหาป้อม) ตรงนี้มีมุมให้เราถ่ายรูป Mehrangarh Fort คู่กับวิวเมืองสีฟ้าและพระอาทิตย์ตกอยู่หลายมุมครับ

2. ชมอนุสรณ์ความรักอันยิ่งใหญ่ที่ Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา)

คนทั่วโลกรู้จัก Taj Mahal (ทัชมาฮาล) ว่าเป็นอนุสรณ์สถานความรักที่พระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน แห่งจักรวรรดิโมกุล มีต่อพระมเหสีของพระองค์ ที่ชื่อ “มุมตัช มาฮาล” แต่ที่ Jodhpur ยังมีอีกอนุสรณ์สถานความรักถูกสร้างเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าประทับใจมากกว่านั้น

ที่นี่คือ Jaswant Thada (จัสวันต์ ธาดา) “อนุสรณ์สถานความรักของลูกที่มีต่อพ่อ” สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของ “มหาราชา ซาร์ดา” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระราชบิดาของพระองค์ “มหาราชา จัสวันต์ ซิงห์ ที่ 2” โดยสร้างขึ้นราวปี 1899 หลังจากพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ไปแล้ว 4 ปี

ผู้คนจึงเปรียบ Juswant Thada ให้เป็น “Taj Mahal of Marwar” (Marwar คือ อีกชื่อนึงของเมือง Jodhpur)

ค่าเข้า : 50 รูปี

จุดเด่นของ Juswant Thada คือ เป็นสุสานหลวงที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว ซึ่งนำมาจากเหมืองหินอ่อนเดียวกันกับที่ใช้สร้าง Taj Mahal ประตูและเสาถูกแกะสลักอย่างประณีต ลวดลายอ่อนช้อยงดงาม ด้านในมีสวนสวยพร้อมลานน้ำพุ บรรยากาศร่มรื่นมาก

พื้นที่รอบๆ Juswant Thada ถูกพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะและเป็นสวนหินธรรมชาติ เปิดให้ผู้คนเข้ามาเดินเล่น ชมวิวยามเช้า-เย็น

และหากเดินทะลุ Juswant Thada ไปยังเนินเขาหินด้านหลัง เราจะสามารถมองเห็นวิวเมือง Jodhpur ได้ทั้งเมือง รวมถึงยังเป็นมุมที่มองเห็น Juswant Thada ตั้งตระหง่านคู่กับ Mehrangarh Fort โดยมีเมือง Jodhpur เป็นฉากหลังอีกด้วย!!

3. เที่ยวชม Old Town แห่ง Jodhpur

ถ้ามาเที่ยว Jodhpur เมืองสีฟ้าอันโด่งดังแห่งราชสถาน ถ้าไม่ได้เดินเท้าชมเมือง เราว่าคุณพลาดอย่างแรง!! แต่การจะเดินชมเมืองต้องเลือกเวลาให้เหมาะสม เพราะ Old Town แห่ง Jodhpur นั้นมีระดับความพลุกพล่านเกือบทะลุพิกัด การเดินชมเมืองบนถนนแคบๆ แสนวุ่นวายในช่วงบ่ายถึงค่ำ

วิธีเดินชมเมืองที่สนุกที่สุด คือช่วงเช้าตั้งแต่ 7 โมงถึงราวๆ 9 โมง เป็นเวลาที่ถนนยังไม่พลุกพล่านมาก ร้านรวงต่างๆ เพิ่งเริ่มเปิด และความอึกทึกยังไม่รบกวนใจ ลองตั้งต้นเดินจากหอนาฬิกาใจกลางเมือง เดินผ่านตรอกซอกซอยต่างๆ เข้าสู่ Old Town

ด้วยวิธีนี้คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในย่านเมืองเก่า หมู่อาคารโบราณที่ฉาบสีฟ้า-น้ำเงิน (และสีอื่นๆ ที่เริ่มจะเอามาแซมในภายหลัง)

คุณจะได้เจอร้านอาหารที่กำลังปรุงจานเด็ดต้อนรับวันใหม่
คุณจะได้พบแผงขายผัก-ผลไม้ ที่พร้อมเชิญชวนให้คุณลองชิมของแปลกๆ 5555
คุณจะได้พบผู้คนที่ออกมานั่งจิบชายามเช้า พร้อมนั่งเสวนากันอย่างออกรส
คุณจะพบเจอผู้คนมากมายที่กำลังเริ่มต้นออกไปทำงานยามเช้า
คุณจะได้ยิ้มทักทายกับเด็กๆ ที่แต่งตัวไปโรงเรียน
คุณอาจได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพ Selfie ที่ผู้คนในเมืองอยากถ่ายกับคุณ
และ… คุณอาจได้พบเจอประสบกาณ์แปลกๆ ที่ชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่ได้เห็นที่ไหนได้อีก!!

ลองไปชมภาพบรรยากาศใน Old Town เมือง Jodhpur กันครับ ^_^

4. เที่ยว Umaid Bhawan Palace ชมพระราชวังแห่งมหาราชา

ถ้าอยากรู้ว่ามหาราชายุคสุดท้ายของ Jodhpur มีความเป็นอยู่อย่างไร ต้องไม่พลาดไปเยี่ยมชม Umaid Bhawan Palace แห่งนี้ครับ “พระราชวัง อุเมด พาวัน” แห่งนี้เป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นใหม่ เมื่อ ค.ศ. 1929 (อายุ 88 ปี) ตามพระประสงค์ของ Maharaja Umain Singh (มหาราชา อุเมด ซิงห์) ภายในมีห้องมากถึง 347 ห้อง สร้างจากหินทรายสีน้ำตาลอ่อน ใช้เวลาสร้างนานถึง 15 ปี

ด้วยความที่พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคที่อินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ สถาปนิกผู้ออกแบบพระราชวังแห่งนี้ จึงเป็นคนอังกฤษ 2 คน คือ Vidyadhar Bhattacharya และ Sir Samuel Swinton Jacob สถาปัตยกรรมของพระราชวังจึงเป็นการผสมผสานสไตล์ “อินโด – โคโลเนียล” ที่มีความเป็นอินเดียผสมอังกฤษอย่างชัดเจนทีเดียว

ปัจจุบันพระราชวัง Umain Bhawan แห่งนี้ยังเป็นที่พำนักของเชื้อพระวงศ์แห่งมหาราชาผู้เคยครอง Jodhpur แต่บางส่วนของพระราชวังถูกพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์และโรงแรมระดับ 6 ดาว ซึ่งบริหารจัดการโดย “Taj Hotel” เครือธุรกิจโรงแรมยักษ์ใหญ่แห่งอินเดีย สนนราคาค่าที่พักต่อคืน ก็เฉียดๆ หมื่นบาทล่ะครับ!!

แนะนำ 2 ร้านอร่อยใน Jodhpur

เมืองนี้มีร้านอร่อยหลายร้านนะครับที่นักท่องเที่ยวสามารถไปทานได้อย่างสบายใจ ร้านสวย บริการดีเลิศ สะอาด อาหารอร่อย รสชาติถูกปาก แถมราคาก็ไม่ได้รุนแรงจนเกินไป เรามีร้านมาแนะนำ 2 ร้านดังนี้

1. The Step Well House Cafe

เป็นร้านอาหารเก๋ๆ ตั้งอยู่ในย่าน Old Town ใกล้กับ Toorji Ka Jhalra Step Well บ่อน้ำโบราณชื่อดังแห่ง Jodhpur ตัวร้านมีทั้ง 3 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นร้านกาแฟในห้องแอร์ ชั้น 2 เป็นโต๊ะนั่งทานแบบ Open Air และชั้น 3 ถูกทำเป็น Chill Rooftop มีเบาะสีขาวให้นั่งๆ นอนๆ นั่งกิน นั่งเมาท์กันเต็มที่ โดยมีวิวของ Step Well ช่วยสร้างบรรยากาศ

เวลาทำการ : 11:00 – 22:30 น.
Facebook : https://www.facebook.com/thestepwellhousecafe/

ถ้าได้ตาม รีวิวเที่ยว Jaipur ของเว็บเรา คุณจะเห็น Panna Meena Ka Kund Step Well ที่เมือง Jaipur ซึ่งเป็นบ่อน้ำโบราณที่ปิดไม่ให้ลงไปด้านล่าง แต่ที่ Toorji Ka Jhalra Step Well แห่งนี้ คุณลงไปเล่นน้ำได้เลยตามสบายครับ 55555

น่าเสียดายวันที่เราไปนั้น เค้ามีถ่ายทำภาพยนต์กันอยู่ เลยอดลงไปเดินเล่นถ่ายภาพครับ

ร้านอาหาร ชั้น 2

เคานเตอร์กาแฟ ชั้น 1

Chicken Pizza, Pasta และน้ำมะม่วงปั่น จานอร่อยของร้านนี้

Chicken Pizza แป้งบางกรอบ อร่อยๆ

Pasta

ร้านอาหาร ชั้น 3

ร้านอาหาร ชั้น 2

ร้านอาหาร ชั้น 2

ร้านอาหาร ชั้น 1

ใกล้ๆ กับ Toorji Ka Jhalra Step Well จะมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร และ Shopping Complex อยู่รอบๆ ทานอาหารเสร็จแล้วแวะไปเดินเล่นย่อยอาหารได้นะ

2. On the Rocks Restaurant

ปิดท้ายกันด้วยร้านอาหารหรู บรรยากาศดี๊ดี แถมอาหารอร่อย ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด ถ้ามาเที่ยว Jodhpur ร้านนี้ชื่อ On the Rocks Restaurant ซึ่งเป็นหนึ่งใน Hidden Gem ของเมืองนี้เลย (มาร้านนี้ได้เพราะลุงคนขับรถแนะนำ) พื้นที่ร้านแบ่งออกแบบส่วน Indoor และ Outdoor การตกแต่งสวยงาม ด้วยคอนเซ็ปท์สวนหิน

ร้าน On the Rocks Restaurant ให้บริการอาหารอินเดีย, อิตาเลียน, จีน และไทย ได้รับคะแนนรีวิว 4 ดาว จาก TripAdvisor เปิดให้บริการ เวลา 12:00–15:30 และ 19:00–23:00

แนะนำที่พักย่าน Old Town

ด้วยความที่หลงใหล Local Culture เราเลยชอบไปนอนในย่านเมืองเก่า แม้ห้องพักจะไม่กว้าง ไม่สะดวกสบาย เท่ากับโรงแรมในโซนเมืองใหม่ แต่จะได้ฟีลลิ่งแบบโลคอลๆ ไปเต็มๆ 55555

เราพักที่โรงแรมในย่าน Old Town ชื่อ Juna Mahal Boutique Rooftop เป็น Boutique อายุ 472 ปี (โห!!!) ตกแต่งสไตล์วินเทจ โดดเด่นเรื่องการใช้สิ่งละอันพันละน้อยในท้องถิ่นมาตกแต่งห้อง ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูป, ภาพเขียน, มู่ลี่, โต๊ะ, เก้าอี้, เตียงและโคมไฟ ล้วนเป็นของเก่าและเป็นงานฝีมือท้องถิ่น

ทั้งโรงแรมมีห้องพักแค่ 8 ห้อง ชั้นบนสุดเป็นร้านอาหาร Rooftop ที่บรรยากาศแสนจะชิลล์ แถมยังได้เห็นวิวเมืองสีฟ้ากับป้อมปราการ Mehrangarh ด้วย ถ้าไม่อยากออกไปเดินหามุมดูวิวยามเย็น เราว่าวิวจากดาดฟ้าโรงแรมนี้สวยไม่ใช่เล่นเลยล่ะ!! เป็นโรงแรมที่ Lonely Planet แนะนำให้มาลองพักเชียวนะ

ค่าที่พัก : คืนละ 2,500 รูปี (ไม่รวมอาหารเช้า)