“ไปเที่ยว “เมืองแดกู (Daegu)” ที่เกาหลีใต้มีอะไรน่าซื้อกลับเป็นของฝากมั่งนะ ?”
เป็นคำถามที่หมวยนึกถึงรองจาก “เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง” เลยหล่ะ!! ก็แหม… “เมืองแดกู” ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเกาหลีใต้ที่มี ช้อป, ชิม, แชะ, ชิลล์ เมืองใหญ่ทันสมัย มีแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่มากกว่าเมียงดงถึง 3 เท่า จะมาเที่ยวเมือง “แดกู ” ทั้งที จะไม่มาละลายเงินวอน ช้อปของฝากก่อนกลับได้ยังไงหล่ะคะ?
รวมบทความและคลิปเที่ยวเมืองแดกู (Daegu)
- 9 ข้อควรรู้ เที่ยวแดกู (Daegu) ได้แบบสบายใจ… ไม่เปิ่นแน่นอน!! รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่น่ารู้ก่อนไปเที่ยวเมืองนี้กันค่ะ
- รีวิว T’Way สายการบินราคาประหยัด สัญชาติเกาหลีใต้
- ข้อมูลท่องเที่ยว Daegu Tour Guidebook สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ
- คลิป #1 “ตะลุยเมือง Daegu (แดกู)” รวมพิกัดท่องเที่ยวใหม่ ที่ถูกใจสายเกา (หลี)
- คลิป #2 “ตะลุยย่าน Dongseongno” ถนนชอปปิ้ง ย่านละลายทรัพย์ที่คุณจะบันเทิง
1. ย่านดงซองโน (ใหญ่กว่าย่านช้อปปิ้งเมียงดงกลางกรุงโซลมากถึง 3 เท่า)
ถนนชอปปิ้งสุดฮิตของเมืองแดกูเปรียบเหมือนย่านสยามแสควร์ของบ้านเรา มาที่เดียวได้ของครบทุกสิ่งอย่าง ตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองเป็นแหล่งศูนย์รวมแฟชั่นเกาหลี Brandname ขายของร้อยแปดพันอย่างละลานตาไปหมดทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แว่นตา เครื่องประดับ ร้านขายเครื่องสำอาง
ล้อมรอบด้วยห้างสรรพสินค้า, LOTTE Young Plaza, โรงภาพยนตร์, ร้านอาหาร, คาเฟ่เก๋ๆ, ผับบาร์ต่างๆ เป็นย่านถนนช้อปปิ้งใหญ่กว่าย่านเมียงดง แต่คนไม่พลุกพลานเหมือนในกรุงโซลค่ะ
- ช่วง Korea Grand Sale ตลอดสองข้างทางเราเห็นป้ายลดราคาเยอะมาก ถูกใจสายช้อปแน่ๆ เช่น Final Sale, Sale 50%-70%, 80% Discount เห็นเค้าว่ากัน “ที่นี่ราคาของถูกกว่าในโซล” ด้วยนะ
- ร้านขายรองเท้า และอุปกรณ์กีฬา เช่น ร้าน ABC Mart, Folder มีโปรโมชั่นลดราคาถูกมาก มีสีและไซต์ครบทั้งแบรนด์ Fila, Adidas, Nike, Converse และแบรนด์อื่นๆ หมวยได้รองเท้า “Adidas Stansmith” มาในราคา 1,3xx บาทเองค่ะ (ที่ไทยขายเกือบ 3 พันบาท)
- ร้านเครื่องสำอาง เช่น Olive young, Aritaum, Swanicoco, Tony Moly, Innisfree, SkinFood, Nature Collection, Holika Holika, Etufe หรือแบรนด์ต่างชาติ H&M, Uniqlo ก็มีจ้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิสถานี Jungangno ทางออก 1 และ 2
พิกัด : https://goo.gl/maps/spGnABcHUE72
2. Lotte Outlets Shopping Mall สาขา Esiapolis
ที่นี่เป็น Outlet ขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมแบรนด์ต่างๆ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์แบบครอบครัว เด็กๆ ก็มีที่วิ่งเล่น คุณพ่อคุณแม่ก็มีเวลาเดินซื้อของ พื้นที่จะประกอบด้วยศูนย์การค้า, โรงละคร, สวนสนุกสำหรับเด็ก, สวนสวย และห้องพัก ซึ่งมาที่เดียวครบจบทั้งเสื้อผ้า, ของใช้, ชุดกีฬา, รองเท้า, ชุดกันหนาวที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศและเกาหลี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 16 Palgong-ro 49-gil, Dong-gu, Daegu, Korea
เปิด : 11:00 – 21:00 น. (วันจันทร์-วันพฤหัสปิด 20:00 น.)
โทร : 053-945-2500
Website : https://www.lotteshopping.com/
พิกัด : https://goo.gl/maps/qwqFocbpVnn
3. The Grand Duty Free
Duty Free มี 3 ชั้นตั้งอยู่ติดกับโรงแรม Grand Hotel ที่นี่เดินสบายๆ คนไม่เยอะ พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสพูดภาษาอังกฤษได้ให้บริการดี ซื้อของปุ๊ป รับของแล้วก็ใช้เลยก็ได้จ้า
ชั้นที่ 1 : นาฬิกา จิวเวอรี่ เครื่องประดับ เช่น Swarovski, Seiko, Issey Miyake, Paul Smith, Sunn To, ORIS, Gucci, Fendi, Folli Follie ฯลฯ กระเป๋าและเครื่องหนัง (Bally, Jimmy Choo, MCM)
ชั้นที่ 2 : เครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างชาติ ( Guerlain, Laura Mercier, Trilogy, Dermalogica, Clarins, L’Occitane, Givenchy, Guerlain, Kose, Diptyqueฯลฯ เครื่องสำอางเกาหลี (IOPE, Sulwhasoo, Hera, Laneige, Amore Pacific, OHUI, WHOO, SUM) และน้ำหอม (Chole, CK, Burberry, Lanvin, Loeww, Bvlgari, Prada, Ferrari, Diptyque) และอื่นๆ
ชั้นที่ 3 : แว่นตากันแดดมีให้เลือกเยอะมาก (Vivienne Westwood, CK, YSL, Gucci, Prada, Fendi, Ferragamo, Bylgari, , Rayban, D&G, Oakley, Police ฯลฯ) เครื่องสำอางเกาหลีราคาประหยัด (Etude, The Face shop, Tony Moly, Missha, Its’ skin, Skinfood, Innisfree ฯลฯ), Accessories, เครื่องใช้ไฟฟ้า, กระเป๋า (Philips, Samsung, Braun, Samsonite, Elena H ฯลฯ) บุหรี่ นอกจากนี้ยังมีเวชสำอางค์และอาหารเพื่อสุขภาพของเกาหลีด้วย
Tip : ราคาสินค้าใน Duty Free ถือว่าถูกกว่าห้างสรรพสินค้าที่ได้คืน Tax Refund อีกค่ะ คือ หมวยซื้อแป้งผสมรองพื้นของ Sulwhasoo twincake ราคาตลับละ 1,2xx บาท ซึ่งซื้อในห้างฯ และได้ Tax คืนราคาตลับละ 1,6xx บาท (สรุปซื้อ Duty Free ถูกกว่าตลับละ 400 บาทจ้า)
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : Dongdaegu-ro 59-gil, Beomeo 1(il)-dong, Suseong-gu, Daegu
เปิด : 11:00 – 20:00 น.
โทร : +82 53-251-2000
Website : http://www.granddfs.com/
พิกัด : https://goo.gl/maps/zmhJKWvcPjD2
4. ตลาดซอมุน (Seomun Market :대구 서문시장)
นี่คือหนึ่งตลาดสำคัญในสมัยโชซอน เป็นตลาดพื้นบ้านที่คนท้องถิ่นมาเดินจับจ่ายซื้อของใช้ ของกิน มีขายทั้งผัก ผลไม้ ของแห้ง อาหาร Food Street กิมจิ ของใช้ในบ้าน ของฝาก สมุนไพร เสื้อผ้า ของขึ้นชื่อของตลาดนี้แห่งนี้ คือ ลูกพลับแห้ง, สตรอว์เบอร์รี่ลูกเกือบเท่าฝ่ามือ และชุดฮันบกแบบอลัง คัตติ้งแบบเนี๊ยบๆ ที่ใช้ในพิธีการและงานแต่งงาน ชุดประณีตสวยงาม คนเกาหลีคอนเฟิรม์ราคาถูกกว่าที่โซลเยอะค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่อยู่ : 45 Keunjang-ro 26-gil, Daesin-dong, Jung-gu, Daegu, South Korea
พิกัด : https://goo.gl/maps/1nqPnA88fUE2
เปิด : ทุกวัน ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 9:00 -19:00 น. / ช่วงเย็น 19:30-24:00 น. เป็นตลาดกลางคืนมีอาหารอร่อยและข้าวของขายสองข้างทาง
นอกจากนี้ก็ยังมีที่ชอปปิ้งอื่นๆ ให้ได้ละลายเงินวอนอีกหลายที่ เช่น Lotte Young Plaza, Lotte Department Store, E-Mart, Shinsegae Department Store, Donga Department Store, The Hyundai Department Store, MODA Outlet ฯลฯ
แนะนำลิสต์ของฝากและของน่าซื้อจากแดกู
1. สตรอเบอร์รี่เกาหลีลูกใหญ่ไซต์จัมโบ้
สตรอเบอรี่เกาหลีช่วงฤดูหนาวจะลูกโต เนื้อฉ่ำๆ บางลูกใหญ่เกือบเท่าอุ้งมือเลยนะ โอ๊ย!!! พูดแล้วฟินสุดๆค่ะ หมวยกินแล้วหยุดไม่ได้เลย… อร่อยมากกก!! ถาดหนึ่งมีประมาณ 20 กว่าลูก แถวล่างก็ไม่ช้ำด้วย ราคาถาดละ 10,000 ₩ (ประมาณ 283 บาท) ถ้าให้เดาๆ ราคาที่ไทยคงเป็นพัน หมวยแนะนำให้มาซื้อวันที่บินกลับกรุงเทพ… จะได้ของสด ฉ่ำๆ ไม่เละจ้า
2. ถุงหอมจากร้าน Alice Pocket
Alicepocket (앨리스포켓) เป็นร้านที่เดินเข้ามาแล้วพบแต่ความหอมมมม!!! ก็ร้านนี้ขายเครื่องหอมที่มีกลิ่นให้เลือกมากถึง 300 ชนิด ส่วนของฝากก็มีให้เลือกเยอะเลย ทั้งเทียนหอม สเปรย์ปรับอากาศ น้ำยาซักผ้า สเปรย์ฉีดเสื้อผ้า ก้านหอม ที่ปรับอากาศในรถเป็นตัวห้อยน่ารักๆพร้อมชุดเติมน้ำหอม ดีไซน์เก๋ไก๋เป็นรูปปลาวาฬสีฟ้า เรือใบสีน้ำเงิน รูปทรงเลขาคณิตสีสันสดใส เซ็ทละ 10,000 ₩ (อยู่บน Shelf ด้านซ้าย ชั้นที่ 2 จากบนค่ะ)
ไฮไลต์ของร้านนี้ คือ “ถุงหอม” สามารถเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า ในรถ ห้องนอน ห้องทำงาน กระเป๋า เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้หอมสดชื่น ทำมาจากน้ำมันหอมระเหย และหัวน้ำหอมจากฝรั่งเศส หลังจากเปิดซองแล้วกลิ่นจะอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน แต่ถ้าเก็บในซองอลูมิเนียมกลิ่นจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
ความพิเศษของถุงหอมที่นี่ไม่เหมือนใคร เพราะมี gimmick น่ารักๆ ที่เก็บความหอมของกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ 5 สถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Daegu (แดกู) มาเก็บไว้ในถุงหอม มีให้เลือกถึง 5 กลิ่น หมวยว่าเป็นของฝากที่ไอเดียดี เหมือนเราได้เที่ยว ได้ไปเก็บกลิ่นบรรยากาศที่เราไปยืนตรงนั้นกลับบ้านมาด้วยเหมาะซื้อเป็นของฝากหัวหน้า ลูกน้อง หรือคนในครอบครัวก็ดีค่ะ ชีวิตเราจะได้มีแต่เรื่องหอมๆ 555
ถุงหอม 5 กลิ่นราคาถุงละ 12,000 ₩ ( ประมาณ 3xx กว่าบาท)
- Seomun Market : ตลาดซอมุนจะขายผลไม้หลากหลายนานาชนิด จึงเป็นตัวแทนของ “กลิ่นผลไม้”
- 83 tower : ตึกชมวิว 83 Tower ซึ่งช่วงซากุระบานจะสวยอลังการมากที่สุด เป็นตัวแทนของกลิ่น “Cherry blossom”
- Cheongna hill : ได้รับขนานนามว่าเป็น Montmartre แห่งเกาหลี บริเวณนี้ล้อมรอบด้วยต้นสนสูงๆ และอาคารสไตล์ยุโรปจึงเป็นตัวแทนของกลิ่น “ไม้สน”
- Kim Gwangseok-gil Street : ถนนศิลปะที่เป็นนิยมของนักท่องเที่ยวของเมือง จึงเป็นตัวแทนของ “กลิ่นแอปเปิ้ล”
- Hajungdo : ทุ่งดอกไม้สีเหลืองที่สวยในฤดูใบไม้ผลิ หอมอบอวลด้วยดอกไม้ จึงเป็นตัวแทนของ “กลิ่นดอกไม้สีเหลือง”
ข้อมูลเพิ่มเติม
โทร : +82 53-253-4877 / 010-9208-4877
Instagram : alicepocket_official
Email : alice_pocket@naver.com
Website : http://www.alicepocket.com/
3. แว่นตาและแว่นตากันแดด
แว่นตา และแว่นตากันแดดแบรนด์เกาหลีเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สาวๆ แฟชั่นนิสต้าต้องมีค่ะ จะเอามากันลม กันแดด หรือ Mix and Match กับชุดก็ได้หลายสไตล์ หมวยว่าการออกแบบ ทรงแว่นตาของเกาหลีเหมาะกับรูปหน้าของคนเอเชีย ใส่แล้วดูสวย ยิ่งถ้าใครเป็นติ่งสายเกาอยู่แล้ว… แนะนำให้ซื้อติดไม้ติดมือสักอันก็ดีนะคะ ^^
Gentle Monster
แว่นตาแฟชั่นอันดับ 1 จากประเทศเกาหลีใต้ ใช้วัสดุดี ออกแบบเน้นความเรียบหรู ดูเท่ห์มากๆ เน้นดีไซน์แปลกใหม่ล้ำสมัยที่ไม่เหมือนใคร ออกจะแหวกแนวจากแว่นตาทรงเดิมๆ ด้วยซ้ำ แต่ยังคงคอนเซ็ปส์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง และคงความคลาสสิก แบรนด์นี้ดาราใส่กันเยอะมาก เอาเป็นว่าใครใส่ก็ดูปังเว่อร์นะคะ ราคาจะอยู่ในช่วง 200,000 – 400,000 ₩ (6,xxx- 1x,xxx) ซื้อที่ไทยอันละหมื่นอัพแน่นอนจ้า
Website : GentleMonster
Vedi Vero
แว่นตาแบรนด์ฮิตในหมู่ดารา เซเลบ เน็ตไอดอลเกาหลี แต่คนไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันนัก มีดีที่ดีไซน์เก๋ มีแบบ เลนส์สีเยอะ ตัวแว่นเบา วัสดุโอเค ราคาสบายกระเป๋ากว่า Gentle Monster ประมาณ 2-3 เท่า ทริปนี้หมวยได้แว่นตา Vedi Vero Eyeglasses จาก The Grand Duty Free ลดราคา 30% เหลือ ₩115,500 ตกอันละ 3,2xx ซึ่งในไทยขายแพงกว่า 3 เท่าเลยค่ะ (ได้ของราคาดี… ผู้หญิงแบบเราก็จะมีความสุขหน่อยๆค่ะ)
Website : Vedi Vero
Stealer
แบรนด์นี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว ทรงสวยคงความเรียบง่าย น้ำหนักเบา เน้นความโค้งมน และองศาของการออกแบบให้เหมาะสมกับสรีระและโครงหน้ากับคนเอเชีย เช่น เรื่องขารองแว่นตา ใส่แล้วชิคๆ ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
Website : Stealer
grafik:plastic
แว่นตาสุดคูลกับทรงป๊อบๆ ที่มีกรอบแว่นหลากสีสันให้เลือก และที่เด็ดสุดคือ ถอดขาแว่นแล้วนำไป Mix & Match กับกรอบแว่นตาอันอื่นๆ ได้ด้วย
Website : grafik:plastic
4. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care)
ถ้าพูดถึงเรื่องงานผิว เนียนใส ขาว กระจ่างใสต้องยกให้สาวๆ เกาหลีเลยค่ะ ก็สาวๆ ที่นี่มีเครื่องสำอางบำรุงผิวดีๆ ใช้กันมากมายหลายแบรนด์ และมาส์กหน้าก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยให้หน้าขาวใส งั้นหมวยขอพูดเฉพาะแบรนด์สกินแคร์จากเกาหลีที่นิยม และน่าลองค่ะ
Sulwhasoo
แบรนด์นี้ทำการตลาดดีมากทำให้เป็นที่รู้จักของคนไทย เป็นผลิตภัณฑ์ทำจากสมุนไพรธรรมชาติ มีส่วนผสมของโสมเข้มข้น เน้นการบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยแห่งวัย เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ช่วยลดปัญหาริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ มีทั้งเซรั่ม ครีม โลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด รองพื้น แป้งทาหน้า และคุชชั่น สำหรับตัวดังที่สาวไทยรู้จักกันดี ก็คือ “First Care Activating Serum Ex” เป็นเซรั่มที่ขายดีที่สุด และยังมีตัวอื่นๆ ที่น่าใช้และเห็นผลด้วย
Website : sulwhasoo
The History of Whoo (เดอะ ฮิสทรี ออฟ ฮูว์)
แบรนด์นี้ทุกอย่าง คือ ความความหรูหรา อลังการทั้งบรรจุภัณฑ์ ราคา และผลลัพธ์จากการใช้ แค่ขวดเซรั่มก็ดูมีออร่า ได้ถือแล้วให้ความรู้สึกแบบซังกุงสูงสุดเลยค่ะ 555 ซึ่งคอนเซ็บส์จะใช้สมุนไพรของเกาหลี ใช้แล้วเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่สำหรับราคาอาจจะสะดุ้งเบาๆ บางตัวก็จะเหยียบหมื่นเลยจ้า เน้นเจาะตลาดกลุ่มที่มีปัญหาของผิวได้ครอบคลุมคล้ายกับแบรนด์ Sulwhasoo
Website : http://www.whoo.co.kr/
COSRX (คอส อาร์ เอ็กซ์)
ใครมีปัญหาเรื่องสิว สิวผด สิวที่ทำให้หน้าไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง วิ่งไปหาผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้เลยจ้า!
ผลิตภัณฑ์จะเน้นดูแลผิวหน้าภายใต้คอนคอนเซ็ปต์ “ฮีโร่พี่แว่นผู้กอบกู้ผิวหน้า เอาชนะสิว” ซึ่งมีครอบคลุมตั้งแต่ล้างหน้า โทนเนอร์ บำรุง โลชั่น ครีม แผ่นแปะสิว และก็มีไลน์เพิ่มที่เน้นเรื่องความหมองคล้ำ และริ้วรอยด้วย บล็อกเกอร์ทั้งสายเกาหลีและไทยต่างก็แนะนำให้ใช้แบรนด์นี้กันเยอะจ้า
หมวยซื้อ “COSRX One Step Original Clear Pad” กลับมาลองใช้หล่ะ!! ตัวนี้เป็นกระปุกที่บรรจุแผ่นสำลีเช็ดหน้ารักษาสิวที่ฮอตและขายดีมากๆ จนได้รับรางวัลการันตีจากรายการบิวตี้ยอดฮิต GET IT BEAUTY และ 2016 SURE BEAUTY AWARDS ใช้เหมือนโทนเนอร์ ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าสะอาดมาก สิวผดก็ลด หน้ามันน้อยลง ไม่มีแอลกอฮอล์ และน้ำหอม
พิกัด : ร้าน Olive young ย่าน Dongseongno ราคา 15,750 ₩ (ประมาณ 4xx บาท) ร้านรับพรีออเดอร์ 550-700 บาท
Website : COSRX
SWANICOCO
สกินแคร์ และเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลีที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก มีส่วนผสมจาก Bio Stemcell ช่วยในเรื่องของริ้วรอยและการบำรุงอย่างล้ำลึก เน้นส่วนผสมบำรุงผิวจากธรรมชาติเช่น Astraxan, เมือกหอยทาก, การหมักข้าว และอื่นๆซึ่งได้มีการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีสกินแคร์ที่น่าใช้ เช่น
- Banila Co : : Clean It Zero Cleansing Balm (คลีนซิ่งบาล์ม) ที่ล้างเมคอัพติดทนนานได้เกลี้ยงหมดจดในขั้นตอนเดียว ขจัดเซลล์ผิวเก่า กระชับรูขุมขน (ตัวนี้บล็อกเกอร์สาวไทยยกให้เป็น Favorite 2018 กันหลายคนเลยค่ะ)
- Son & Park Beauty Water : ตัวดังของแบรนด์นี้คือ “น้ำตบ” ที่ได้รับความนิยมมานานในเกาหลีไม่ว่าจะเป็น Beauty Blogger หรือนางแบบที่บอกกันว่าเปลี่ยนผิวขาดน้ำ ผิวดูไร้ชีวิตชีวาให้เป็นผิวอิ่มน้ำสุขภาพดี
- Mamonde : ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไม้หลากหลายชนิด เพื่อช่วยปรนนิบัติให้ผิวกลับมาสดใส มีพลังอีกครั้ง หมวยชอบ “Rose water Toner” กลิ่นหอมกุหลาบหอมผ่อนคลายมาก
- Primera : เครื่องสำอางที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติ ตัวดังก็คือ “Primera Miracle Seed Essence lotus seed” และ “Anti-Pollution Sun Stick” เป็นกันแดดในรูปแบบแท่งที่ทาทับเครื่องสำอางได้เลย
- Klavuu : แบรนด์น้องใหม่ที่เน้นบำรุงลึกจากภายใน ฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับคุณภาพ โดยมีการนำ ไข่มุก สาหร่ายทะเล 3 ชนิด สารสกัดจากปะการัง และน้ำแร่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์มาเป็นส่วนผสม
- Troiareuke : แบรนด์นี้เป็นสถาบันความงามที่มีชื่อเสียงในเรื่อง skin care ตัวดังจะเป็น “คุชชั่น” ที่คนเป็นสิวก็ใช้ได้ซึ่งเคลมว่า 1% เป็น Makeup และอีก 99% Skincare
- Laneige : มาส์กหน้าและปากอันโด่งดังขอยกให้ Laneige water sleeping pack and lip mask ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้นแม้ยามนอนหลับ ผิวแพ้ง่าย หรือเป็นคนเป็นสิวง่ายก็ใช้ได้ นอกจากนี้ก็ยังทำไลน์เครื่องสำอางด้วยเช่นกัน
- Innisfree : อินนิสฟรีตอบทุกโจทย์ในเรื่องของความงามด้วยวัตถุดิบธรรมชาติจากเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ อันเป็นต้นกำเนิดของภูเขาไฟ และแหล่งทรัพยากรอันทรงคุณค่าในการบำรุงผิว ตัวที่นิยมคือ Green tea Seed Serum คนที่มีผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ ซึ่งก็มีไลน์เมคอัพด้วยนะจ๊ะ
พิกัด : swanicoco
5. เครื่องสำอาง (Make up items)
สาวๆ เกาหลีจะแต่งหน้าให้ลุคส์ที่ดูเป็นธรรมชาติ บางเบา ใสๆ โชว์งานผิวดูแล้วผิวดีออร่า ถ้าสาวๆ ไทยอยากได้ลุคส์นี้ต้องมาช้อปเครื่องสำอางเกาหลียกเซ็ทแล้วค่ะ เครื่องสำอางจะมีทั้ง counter brand ที่ราคาสูงหน่อย และ street brand จะมีร้านค้าตามย่านแหล่งชอปปิ้ง ที่เด็ดก็คือ พวก Make up item ที่ทยอยออก collection ลายน่ารักออกมาใหม่เรื่อยๆ พอเห็นแล้วทำให้มือไม้อ่อน ห้ามใจไม่ไหว… อยากจะควักกระเป๋าซื้อให้ครบเซ็ทเลย
ขอแนะนำแบรนด์ฮอตฮิตที่ถูกใจสาวไทยกันค่ะ
Jung Saem Mool (เรียกสั้นๆว่า JSM)
เจ้าของแบรนด์เป็น Makeup Artist มือโปรที่ได้การยอมรับทั้งเกาหลีและต่างประเทศ มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายสำหรับคนที่ไม่ใช่สายเกา ผลิตภัณฑ์ตัวฮอตฮิตที่สุดขอยกให้ “แป้งผสมรองพื้นที่มาพร้อมกับคอนซีลเลอร์ในตลับเดียว” และ “คุชชั่น” ทาแล้วเนื้อแมตต์ ปกปิด หน้าไม่มันวาว แถมมีความดีงามสูสีกับ Tomford เลยค่ะ (ฺยกเป็นแป้งในดวงใจของสาวๆ บล็อกเกอร์) นอกจากนี้ยังมีดีทั้ง Eye Shadow, Blush on และลิปสติก ตอนนี้มี “ใหม่ ดาวิกา” คนสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยจ้า… บอกเลยว่าแบรนด์นี้ไม่ธรรมดา!!!
Espoir (เอส-พอร์)
สินค้าตัวดังที่ทำให้แบรนด์นี้เป็นที่รู้จักของสาวไทยคือ “Dewy Face Glow” เบสเนื้อมุกบางเบา เปลี่ยนให้หน้าฉ่ำวาวสุขภาพดีแบบสาวเกาหลี ให้ลุคดิวอี้สุดๆ เลยหล่ะ
Moonshot (มูนช็อต)
ขอแนะนำตัวดังคือ “คุชชั่นตลับสีครีม” ไม่ได้ทำให้หน้ามันวาว แต่ให้การปกปิดสูงสุด อำพรางรูขุมขนและจุดด่างดำได้ แบรนด์นี้ยังได้รางวัลจาก “Get It Beauty” รายการดังของเกาหลี และยังมี Presenter สุดฮอตจากวง “BLACKPINK” อีกด้วย
Peripera (เพอริเพอร่า)
แบรนด์นี้มีมานานกว่า 20 ปี มีผลิตภัณฑ์ออกมาแล้วมากมาย ตัวที่สุดโด่งดัง คือ Peri’s Ink velvet ลิปหมึกติดทนนานแสนนานจ้า
Missha (มิสชา)
จริงๆ แบรนด์นี้มีของดีอยู่หลายตัว แต่คนไทยไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่นัก
Holika Holika : (โฮลิก้า โฮลิก้า)
ความหมายของแบรนด์นี้แปลว่า “ความลุ่มหลงในเสน่ห์” เป็นการรังสรรค์ความสวยงาม สไตล์ใหม่ๆ ให้ผู้หญิงที่ดูธรรมดาเปลี่ยนให้เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ตัวดังต้องยกให้ “Water Drop Tint Bomb” ทิ้นท์เนื้อกำมะหยี่นุ่มๆ ทาแล้วเนียนไปกับปากและติดทนนาน
เครื่องสำอาง 3ce เติบโตมาจาก Stylenanda แบรนด์เสื้อผ้าสายเกา ลายเก๋ นางแบบแต่ละคนดูสวย และชิค ซึ่งแบรนด์นี้เป็นที่ถูกใจของสาวไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้เปิดไลน์เครื่องสำอาง แพคเกจจิ้งน่ารัก ทั้งเฉดสี โทนสี พิตเม้นต์แน่น สีน่ารักสไตล์สายเกายิ่งได้รับการตอบรับอย่างล้มหลามจ้า เอาเป็นว่าพอออก Collection ใหม่… สาวไทยพรีออเดอร์สั่งจองกันมาครอบครอง
6. รองเท้าผ้าใบสายแฟชั่น
“รองเท้าผ้าใบ” เป็นอีกหนึ่งไอเท็มยอดฮิตของคนเกาหลีทั้งสายแฟชั่น สตรีท มิกซ์แอนด์แมตซ์ สปอร์ต ไม่ว่าจะแต่งตัวแบบไหนถ้าใส่ชุดรองเท้าก็ยังดูอินเทรน คลาสสิค สวยเท่ได้เสมอ ที่แดกูมีแบรนด์รองเท้า อุปกรณ์กีฬามีให้เลือกเยอะ โปรโมชั่นก็ลดให้แบบไม่กั๊กทั้งแบรนด์ Fila, Adidas, Nike, Vans,Converse, New Balance, Onitsuka Tiger, Lacoste, Reebok ฯลฯ สายสนีคเกอร์เลิฟเวอร์น่าจะถูกใจค่ะ
FILA รองเท้ายอดฮิตทั้งรูปทรง สีขาว และเสริมส้นเพิ่มความสูง
7. เสื้อผ้า-อุปกรณ์กันหนาว และเสื้อผ้าแนวน่ารักๆ จากเกาหลี
มีคนบอกว่าถ้าอยากซื้อเสื้อกันหนาวคุณภาพดี ใช้กันหนาวได้จริง ราคาไม่แพงให้ไปซื้อที่นั่นจะคุ้มกว่าซื้อที่ไทย ซึ่งที่แดกูก็มีขายอุปกรณ์กันหนาวที่ outlet, ห้างสรรพสินค้า และย่านชอปปิ้ง เช่น SPAO, WHO.AU., North face, Uniqlo, โลคอลแบรนด์เกาหลี และแบรนด์ต่างชาติ
ทริปนี้หมวยไปช้อปที่ TOP10 ย่านดงซองโน ร้านขายเสื้อผ้ากันหนาวแบรนด์เกาหลี คุณภาพใช้ได้ในราคาสบายกระเป๋าคล้ายๆ กับร้าน Uniqlo หมวยได้เสื้อกันหนาวขนเป็ดราคาตัวละ 199,900 ₩ ซื้อ 1 แถม 1 ค่ะ (เฉลี่ยตัวละ 2,805 บาท) ซื้อแล้วใส่เลยจ้า สำหรับคนตัวใหญ่ มีไซส์ XXL ด้วยนะ ส่วนชั้น 3 (ชั้นบนสุด) จะเป็นสินค้า Happy Price ลดราคาเยอะขึ้นอีกมากถึง 50%-70% เสื้อแขนยาวผ้าโอเคๆ ตกตัวละ 2xx กว่าบาท ซึ่งราคาถูกมากกกก
8. ชุดฮันบก Hanbok(한복, Korean Traditional Clothes)
สาวๆ คนไหนอยากซื้อชุดฮันบกแบบอลัง คัตติ้งแบบเนี๊ยบๆ ที่ใช้ในพิธีการต่างๆ งานแต่งงาน หรืออยากจะเป็นสะใภ้โอปป้า หมวยก็เชิญที่ตลาดซอมุน (Seomun Market) ด้านในชั้น 2 ซึ่งทั้งชั้นจะมีชุดฮันบกทั้งหญิง ชาย เด็กเล็กที่ดูงานประณีตสวยงาม ขนาดคนเกาหลีเองยังคอนเฟิรมว่าคุณภาพ และราคาถูกกว่าที่โซลเยอะเลยค่ะ
9. ขนม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และของทานเล่น
“ขนม” ของเกาหลีก็อร่อยไม่แพ้ที่อื่นๆ นะคะ แต่ที่เด็ดถ้าพูดถึง “มาม่าเกาหลี” สิ่งแรกที่หมวยนึกถึงก็คือ ความเผ็ดร้อน แซ่บๆ เส้นเหนียวนุ่มหนึบไม่เหมือนมาม่าของไทย บางทีก็มีน้ำซุปรสเด็ดมาในเซ็ตด้วย ยิ่งเอามาใส่กิมจิ ไข่ หรือชีสจะยิ่งเพิ่มรสออกนัวๆ ฟินๆ แบบในซีรีส์เกาหลีเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีของทานเล่นให้เราซื้อกลับได้ เช่น ข้าวยำเกาหลี, มาม่าเผ็ดถึงใจ, กิมจิ, โคชูจัง, ไก่ตุ๋นโสมแบบสำเร็จ, ไวน์ข้าวเกาหลี, แยมส้ม, water jelly, แยมชาเขียว OSULLOC, บิสกิตช็อกโกแลต และอื่นๆ
Tax Refund ทำยังไง?
ขั้นตอนการทำ Tax Refund ที่สนามบินแดกูสามารถทำได้ด้วยตัวเองได้ง่ายมาก ในสนามบินจะมีตู้ทำ Tax Refund 2 จุด คือ หน้า CU Minimart ชั้น 1 และบริเวณที่นั่งรอหน้า Gate ก่อนขึ้นเครื่องบิน
ขั้นตอนการทำ Tax Refund
- บนหน้าจอจะมีให้เลือกภาษาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ แนะนำให้กดเลือก “ภาษาอังกฤษ” จะอ่านแล้วเข้าใจมากกว่า
- เริ่มสแกน passport โดยเปิดหน้าที่มีรูปเราคว่ำหน้าสแกนจนขึ้นข้อความ
- นำใบเสร็จที่เราซื้อมาสแกนบาร์โค๊ดทีละใบซึ่งบนหน้าจอจะแสดงรายการที่เราจะได้ tax คืน
- บนหน้าจอจะให้เลือกว่าจะรับเงินคืนอย่างไร? เป็นเงินสดก็ได้รับทันที หรือเงินเข้าบัตรเครดิตก็ได้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ ได้ไอเดียซื้ออะไรดีเป็นของฝากจากเมืองแดกูกันนะคะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
- https://www.sulwhasoo.com/th/
- https://www.facebook.com/Whoothailandofficial
- https://www.facebook.com/OfficialCOSRXGlobal/
- https://www.facebook.com/pg/jsmbeauty.korea/
- http://www.periperacosmetic.com/en/index.asp
- https://www.facebook.com/ilovetroi/
- http://www.innisfree.com/th/th/main/index.do
- https://www.laneige.com/th/th/product/skincare.html
- https://www.holikaholika.co.kr/
- https://www.facebook.com/th.holikaholika/
- http://en.stylenanda.com/
- อ้างอิงภาพรองเท้าจาก http://women.trueid.net/