ถ้าไม่นับความยุ่งยากเรื่องการขอวีซ่าเข้าจีน (ในอดีต) เราอยากบอกคุณว่า “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” คือเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดเมืองนึงในโลก ไม่แพ้โตเกียว โซล ลอนดอน โรม ปารีส หรือแม้กระทั่งกรุงเทพฯ เลยเดียว!!

ด้วยความที่เป็น “เมืองท่า (port)” ที่เชื่อมประเทศจีนสู่อารยประเทศมาตั้งแต่อดีต รวมถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนครั้งใหญ่ ทำให้ปัจจุบัน “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจของโลก ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหานครที่เติบโตไวที่สุด และเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของจีน!!

ใครกำลังคิดจะเปิดซิงเที่ยวจีนครั้งแรก บอกเลยว่าเริ่มต้นที่ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” ง่ายที่สุด!! ใช้งบไม่เยอะ นั่งเครื่องแป๊บเดียว เที่ยวง่าย สะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งสายกิน สายชอป สายไลฟ์สไตล์ สายแฟชั่น สายเที่ยว สายวัฒนธรรม-ประวัติศาสตร์ และมีกลิ่นอายความเป็นตะวันตกผสมตะวันออก อ่านบทความนี้จบ เที่ยว “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” ด้วยตัวเองได้เลย!!

รวมรีวิวเที่ยวจีน (อัพเดทปี 2024)

กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai)

ทำความรู้จัก “เซี่ยงไฮ้ (上海 : Shanghai) ” กันสักนิด

“เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของประเทศจีน ติดกับมณฑลเจียงซูและมณฑลเจิ้งเจียง บริเวณปากแม่น้ำแยงซีและอ่าวหางโจว โดยมีแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu River) ไหลผ่านใจกลางเมืองเชื่อมกับทะเลจีนตะวันออก ด้วยทำเลนี้ทำให้ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” กลายเป็นท่าเรือสำคัญที่เชื่อมประเทศจีน ให้ได้ค้าขายกับนานาประเทศมาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล

และแม้ว่าจะผ่านกาลเวลา ผ่านเหตุการณ์ทางการเมือง มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ความสำคัญในฐานะเมืองท่าของ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” ไม่เคยลดลงเลย โดยเฉพาะการได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกอย่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ที่เข้ามาค้าขายตั้งแต่ยุคสงครามฝิ่น ทำให้ตึกรามบ้านช่องใน “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” เกิดการผสมผสานความเป็นตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันแบบกลมกลืน ยิ่งต่อมาเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคของ ปธน. เติ้ง เสี่ยวผิง ได้มีนโยบายพัฒนาเมืองครั้งใหญ่ ทำให้ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” กลายเป็นศูนย์กลางการเงินและการลงทุนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ คือ ตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!

ในด้านการท่องเที่ยว เสน่ห์ของ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” อยู่ที่กลิ่นอายความเป็นตะวันตกสอดแทรกอยู่ในความเป็นตะวันออกได้อย่างกลมกลืน ทั้งสถาปัตยกรรมของตึกรามบ้านช่องจากศตวรรษที่ 18-19 ที่ยังคงได้รับการบำรุงรักษาและใช้งานอยู่ในปัจจุบัน วัฒนธรรม รูปแบบการใช้ชีวิต รวมความเจริญของประเทศจีนในยุคปัจจุบัน ทำให้เมืองที่ครั้งนึงเคยถูกขนานนามว่าเป็น “ปารีสแห่งตะวันออก” กลายเป็นหนึ่งในมหานครที่น่าเที่ยวไม่แพ้ โตเกียว โซล ลอนดอน ปารีส หรือแม้กระทั่งกรุงเทพฯ เลยทีเดียว!!

ตอนนี้จีนฟรีวีซ่า จองตั๋วแล้วพกพาสปอร์ตก็ไปเที่ยวจีนได้เลย ใครที่เคยแพลนว่าอยากไปเมืองนั้น อยากเที่ยวเมืองนี้ ทั้ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉางซา ซีอาน ซัวเถา ฉงชิ่ง เฉิงตู ฯลฯ ต่อจากนี้ แค่คุณจองตั๋ว จองที่พัก เตรียมเงิน แล้วพกพาสปอร์ต ก็ไปเที่ยวจีนได้แล้ว!!

บินตรงสู่ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” กับแอร์เอเชีย (AirAsia)

เราเดินทางกับสายการบิน “แอร์เอเชีย (AirAsia)” ตัวจริงเรื่องบินจีน ต้องยกให้ “แอร์เอเชีย (AirAsia)” เพราะมีบินตรงสู่จีนมากที่สุด 12 ปลายทาง!! ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ซีอาน กว่างโจว เซินเจิน เฉิงตู ฉางซา คุนหมิง ฉงชิ่ง หางโจว อู่ฮั่น ซัวเถา และปลายทางใหม่ล่าสุด คือ มหานครปักกิ่ง!! รวมถึงยังเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก 14 ปี ซ้อนตารางบินดี เซฟเวลาเที่ยวได้มาก ที่สำคัญคือ “ตรงเวลา” ดีสุด ๆ

เที่ยวจีนกับ “แอร์เอเชีย (AirAsia)” คุ้มค่าบัตเจ็ท เที่ยวจีนไม่แพงเทียบกับความตื่นตาตื่นใจ จะไปเมืองโมเดิร์น เมืองล้ำสมัย เมืองมรดกโลก หรือเมืองธรรมชาติอลังการ ก็คุ้มสุด ๆ จะบินใกล้หรือไกลเราสองคนก็ยังรัก “แอร์เอเชีย (AirAsia)” เสมอครับ

รายละเอียดตารางบิน : กรุงเทพฯ ดอนเมือง (DMK) – เซี่ยงไฮ้ (PVG)

ทริปนี้ต้นกับปูเป้ใช้บริการสายการบิน “แอร์เอเชีย (AirAsia)” บินตรงจาก กรุงเทพฯ ดอนเมือง (DMK) สู่เซี่ยงไฮ้ (PVG) ลงที่สนามบินนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport)  ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง  “แอร์เอเชีย (AirAsia)” มีบินตรงจากกรุงเทพฯ ทั้งสนามบินดอนเมือง (FD) และสนามบินสุวรรณภูมิ (XJ) สู่เซี่ยงไฮ้ทุกวัน (สำหรับไฟลท์จากดอนเมือง จะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2024) ใครสะดวกสนามบินไหน ก็เลือกบินได้ตามอัธยาศัยครับ

ตารางบินจากสนามบินดอนเมือง

  • ไฟลท์ขาไป  FD 470 : 21:25 (DMK) – 02:45 (PVG)
  • ไฟลท์ขากลับ FD 471 : 03:45 (PVG) – 07:20 (DMK)

ตารางบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ

  • ไฟลท์ขาไป  XJ 760 : 00:10 (BKK) – 05:30 (PVG)
  • ไฟลท์ขากลับ XJ 761 : 06:50 (PVG) – 10:15 (BKK)

เวลาจองตั๋ว แนะนำให้เลือก “Value pack (แพ็คสุดคุ้ม)” ให้ครบ ถูกกว่าซื้อแยกอีก คุณจะได้ทั้ง

  • น้ำหนักโหลดกระเป๋า 20 กก.
  • เลือกที่นั่งติดกัน จะนั่งริมทางเดิน หรือริมหน้าต่างก็เลือกได้ตามความชอบ
  • มีอาหารร้อนๆ ขนม เครื่องดื่มเสิร์ฟระหว่างบิน (อร่อยด้วย) ทุกทริปต้องสั่ง  “ชานมไข่มุกบุก หรือชาไทยไข่มุกบุก” เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งและมุกบุกแบบกรุบๆ รสนัวๆ ไม่หวานไป อร่อยชื่นใจจริงๆ ครับ

เช็คตารางบินและจองเลยที่ : www.airasia.com

คำแนะนำสำหรับคนที่จะเดินทางกับ “แอร์เอเชีย (AirAsia)” 

อันนี้เฉพาะไฟลท์ FD ที่บินจากสนามบินดอนเมืองนะ ส่วนใหญ่ที่เห็นเวลาบินก็แอบตกใจ เครื่องออก 3 ทุ่มครึ่ง ไปถึงเซี่ยงไฮ้เกือบตี 3 มันยังไงกันจ๊ะ!!? แต่เอาเข้าจริง เฮ้ย!! มันก็โอเคกับคนทำงานอย่างเราเหมือนกันนะ วันไปสามารถอยู่เคลียร์งานได้จนเย็น แล้วค่อยไปสนามบิน (ไม่ต้องลางาน) ถึง “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” 02:45 น. แต่ขนส่งสาธารณะเปิด 06:00 น. แล้วจะเข้าเมืองยังไง?

มีคำแนะนำ 2 วิธีครับ

  1. นั่งรอเวลาให้ขนส่งสาธารณะเปิดให้บริการครับ 06:00 น. เครื่องบินลง 02:45 น. กว่าจะผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง + รับกระเป๋า น่าจะใช้เวลาอีกราวๆ 30-50 นาที เบ็ดเสร็จแล้วออกมาถึง Arrival Hall ของสนามบินราวๆ 03:30 น. ก็นั่งรออีกแค่ราวๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง ระบบขนส่งสาธารณะก็เปิดให้บริการแล้ว
  2. ถ้าไม่อยากนั่งรอ แนะนำให้ใช้บริการรถรับส่งที่สนามบิน ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นราวๆ พันกลางๆ สำหรับรถยนต์ 4 ที่นั่ง (เหมาะกับผู้โดยสาร 2-3 คน) มีรถให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 4 ที่นั่ง ไปจนถึงรถบัส 18 ที่นั่งเลยทีเดียว!! ไปพร้อมกันหลายคน ช่วยกันหาร ก็ยิ่งประหยัด ทริปนี้เราไปกัน 4 คน หารค่ารถแล้วตกคนละไม่ถึง 500 บาท ใครไม่อยากนั่งรอขนส่งสาธารณะ แนะนำตัวเลือกนี้ครับ

สนใจจอง บริการรถรับ-ส่งจากสนามบินไปส่งที่โรงแรม จาก Klook คลิกที่นี่

เทคนิคจองโรงแรม

หากใครที่เลือกจะไปเช็คอินโรงแรมตอนเช้า แนะนำให้จองโรงแรมไว้ล่วงหน้าอีก 1 วัน เช่น เดินทางไปถึงวันที่ 5 ให้จองโรงแรมวันที่ 4 เอาไว้ด้วย เพื่อให้เราเช็คอินโรงแรมล่วงหน้าได้ ข้อดีคือไปตอนเช้า เราสามารถเช็คอินเข้าห้อง นอนหลับให้เต็มอิ่ม ตื่นมาอาบน้ำ-แต่งตัว แล้วออกเที่ยวต่อได้แบบ 100% ครับผม

ทำประกันภัยการเดินทาง Chubb เพิ่มความอุ่นใจให้ทุกทริป

เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยิ่งถ้าอยู่ต่างบ้านต่างถิ่น ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา เรื่องที่ควรจัดการได้ อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด ทั้งเครื่องบินดีเลย์ กระเป๋าหาย (หรือล่าช้า) ประสบอุบัติเหตุ ป่วยไข้ ทรัพย์สินสูญหาย และปัญหาจุกจิกอีกมากมาย ที่จะทำให้ทริปนั้นกลายเป็นฝันร้ายเอาง่ายๆ

เพื่อความอุ่นใจ ต้นกับปูเป้เลยเลือกทำประกันภัยการเดินทางเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ ใครที่เดินทางครั้งแรกหรือไม่ค่อยได้เดินทางไปต่างประเทศ เราแนะนำให้ทำประกันภัยการเดินทางเป็นรายเที่ยวครับ ส่วนใครมีภารกิจต้องไปต่างบ่อยๆ แนะนำให้ทำเป็นรายปีจะคุ้มกว่า

สมัยเป็น Blogger ใหม่ๆ เราสองคนก็ทำประกันภัยการเดินทางเป็นรายเที่ยวนั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้เราทำประกันการเดินทางเป็นรายปีไปเรียบร้อยแล้ว!! เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ (โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาล) จะเดินทางต่างประเทศเมื่อไหร่ ซื้อประกันการเดินทางชับบ์ Chubb เอาไว้ จะเป็นรายเที่ยวหรือรายปีก็ดี ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับผม!!

ประกันภัยการเดินทางกับ Chubb Travel Buddy (คู่หูนักเดินทาง)ดูแลครอบคลุมทั้ง…

  • การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและความพิการ
  • ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ (ทั้งโควิด และไข้หวัดใหญ่)
  • ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 21 วัน
  • ผลประโยชน์รายวันสำหรับการเข้ารักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน ใน รพ.ต่างประเทศ
  • การเคลื่อนย้ายทางการแพทย์ฉุกเฉิน หรือการเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา
  • ค่าใช้จ่ายในการส่งศพหรืออัฐิกลับประเทศภูมิลำเนา
  • ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พักเพื่อไปเยี่ยมผู้เอาประกันภัยที่ รพ.ในต่างประเทศ
  • มีบริการสายด่วนช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
  • มีแผนประกันเสริม Flight Secure ทั้งการบอกเลิกการเดินทาง, การดีเลย์ของเที่ยวบิน การพลาดการต่อเครื่อง, ความล่าช้าของกระเป๋าเดินทาง รวมถึกรณีโจรขึ้นบ้าน ระหว่างเดินทางอยู่ต่างประเทศ

ที่สำคัญสามารถซื้อออนไลน์ได้ง่าย เลือกแผนได้ตามที่เราต้องการ ซื้อปุ๊ปได้กรมธรรม์ประกันภัยการเดินทางเลย เคลมไวไม่งอแง เบี้ยเริ่มต้นหลักร้อย ความคุ้มครองหลักล้าน ถูกใจเราสองคนสุดๆ!!

Fly to Japan ชับบ์ชวนฟิน บินฟรีพักฟรีที่ญี่ปุ่น

เที่ยวทั้งทีให้พี่ชับบ์ดูแล! เที่ยวอุ่นใจไปกับชับบ์ตลอดทริป พร้อมลุ้นพักฟรี บินฟรีที่ญี่ปุ่น และของรางวัลพิเศษ รับความคุ้ม 2 ต่อ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2567 – 31 สิงหาคม 2567

  • ต่อที่ 1: รับส่วนลด 18% (กรอกโค้ด : NENGAN18 ลดได้ทั้งแบบแผนรายเที่ยวและรายปี (เฉพาะแผนต่างประเทศ)
  • ต่อที่ 2: Fly to Japan ชับบ์ชวนฟิน บินฟรีพักฟรีที่ญี่ปุ่น
  • ข้อมูลเพิ่มเติม : รายละเอียดโปรโมชั่น

หมายเหตุ :
* เงื่อนไขของประกันการเดินทางชับบ์ (Chubb) ตามที่บริษัทฯ กำหนด
* ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

สนใจซื้อ ประกันการเดินทางชับบ์ (Chubb) ได้รับส่วนลดพิเศษ 18% คลิกที่นี่
อย่าลืมกรอกโค้ด NENGAN18 เพื่อรับส่วนลดน๊า!

20 ข้อควรรู้ก่อนมา “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)”

เที่ยวจีน NO VISA คนไทยเที่ยวจีนไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว เที่ยวจีนได้แต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน และรวมระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 จะเที่ยวจีนให้สนุก แนะนำให้โหลดแอปฯ ไว้เลยก่อนบินไปจีนครับ

รวมแอปฯ ที่ควรมีก่อนมาเที่ยวจีน (ระบบ Androids)
  1. เทคนิคในการใช้ Baidu Map : ฉบับคนเขียน-อ่านจีนไม่เป็น ทำดังนี้
    • ให้ค้นหาชื่อสถานที่ที่ต้องการไปเป็นภาษาจีน ถ้าไม่รู้จะทำยังไง ให้นำชื่อสถานที่นั้น (เป็นภาษาอังกฤษ) ไปค้นหาชื่อภาษาจีนใน Google Map จากนั้นก็นำชื่อเป็นภาษาจีนไปวางในช่องค้นหาของ Baidu Map ระบบก็จะแสดงวิธีการเดินทางให้โดยละเอียดครับ (ละเอียดกว่า Google Map อีกนะ)
    • หากสงสัยว่าหน้าจอคำสั่งของ Baidu Map ใช้งานยังไง ให้ทำการ Capture หน้าจอของ Baidu Map แล้วนำไปเปิดในแอปฯ Google Translate หรือจะใช้คำสั่ง Translate ของ Samsung Galaxy S24 Ultra ก็ได้
    • ควรจดชื่อสถานที่เป็นภาษาจีนกำกับไว้ด้วย รวมถึงควรหาข้อมูลเรื่องการเดินทาง การต่อรถเอาไว้ล่วงหน้า เตรียมตัวไว้สักนิด ชีวิตจะเที่ยวสนุกจ้า
  2. แอปฯ รถไฟใต้ดินจีน : แนะนำแอปฯ ชื่อว่า Metro China Subway ให้เลือกเมือง “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” เมนูเป็นภาษาอังกฤษ ใช้งานง่าย ไม่งง
  3. เรื่องแลกเงินเรื่องใหญ่ : มาเที่ยวจีนแนะนำให้โหลด App ชื่อว่า Alipay หน้าตา QR Code สีฟ้า คนจีนไม่ได้เรียกอาลีเพย์ แต่เรียกว่า “จือฟูเป่า” พอโหลด App แล้วให้ผูกกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต Travel card มาจากไทย พอถึงจีนสามารถใช้สแกน QR Code ปุ๊บ จ่ายปั๊บ ชำระเงินสะดวกมาก และมีระบบความปลอดภัยที่ดี ทุกครั้งที่มีการชำระเงินจะให้กรอกเลขบัตร CVC 3 ตัวท้าย แต่ยังไง “เงินสด” ก็ยังต้องพกมาด้วย เพราะบางครั้งโอนเงินผ่าน Alipay ไม่ได้ หรือบางที่รับแต่ WeChat ก็มีนะ
  4. พิกัดถ่ายรูป พส.จีน : 小红 (XiaoHongShu) เป็น Instagram เวอร์ชันภาษาจีน เป็น App ทีได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของ Influencer จีนเลยครับ
  5. ตัวช่วยในการแปลภาษา : สื่อสารกับคนจีนแนะนำให้ใช้ Google Translate จากประสบการณ์ที่เราเดินทางไปจีนด้วยตัวเองหลายทริป คนจีนนิสัยดี น่ารัก พร้อมช่วยเหลือ มีน้ำใจ ทำให้พูดจีนไม่ได้ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการเที่ยวจีนครับ
  6. การจองโรงแรมในจีน : แนะนำให้จองผ่าน Trip.com เพราะโรงแรมบางแห่งไม่รับนักท่องเที่ยว ไม่รับเครดิตการ์ดทั่วไป อีกทั้งยังสามารถจองตั๋วรถไฟความเร็วสูง และสามารถเลื่อนรอบเวลารถไฟความเร็วสูงได้ด้วย (ซึ่งอาจมีค่าปรับเพิ่มนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าต้องซื้อตั๋วใหม่)
  7. การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง : เป็นการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา ซื้อตั๋วรถไฟได้ง่ายผ่าน trip.com โดยเราจะสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ 15 วัน มีรอบรถไฟมีให้เลือกหลายรอบต่อวัน รถไฟออกและถึงตรงเวลาทำให้กำหนดเวลาการเดินทางได้ดีมาก ภายในสถานีรถไฟความเร็วสูงมีขนาดใหญ่โอ่โถง สะอาดสะอ้าน มีห้องน้ำ มีคนดูแลรักษาความสะอาดตามจุดต่างๆ
  8. เรียกแท็กซี่ให้ใช้แอปฯ Didi : แอปสำหรับเรียกแท็กซี่ที่จีน (เหมือน Grab บ้านเรา) เมนูการใช้เป็นภาษาอังกฤษ ปักหมุดแม่นยำ ชำระเงินออนไลน์โดยผูกผ่าน Alipay สะดวกและง่ายสุด ๆ หลังจากลงแท็กซี่แล้วค่อยกดชำระเงิน ถ้าเรายังไม่ชำระเงินจะกดเรียกแท็กซี่ครั้งต่อไปไม่ได้นะครับ
  9. We Chat : ใช้สำหรับแชทกับคนจีน สั่งอาหาร และจ่ายเงินออนไลน์ก็ได้
  10. ห้องน้ำ : หลายคนที่ไปเที่ยวจีน มักจะกังวลเรื่องห้องน้ำ แต่บอกเลยว่าห้องน้ำส่วนใหญ่ที่ “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” สะอาดและโอเคแล้ว มีทั้งชักโครกเแบบอัตโนมัติเยอะมากกว่าเมืองอื่นๆ ที่เคยไปเที่ยว เช่น ห้องน้ำตามพิพิธภัณฑ์ ห้างฯ ใหญ่ และโรงแรม
  11. พก Passport ติดตัวเสมอ : เดินทางในจีนต้องพกพาสปอร์ตติดตัวตลอด เพราะจำเป็นต้องใช้ก่อนเข้าสถานีรถไฟความเร็วสูง รวมถึงใช้ยืนยันตัวตนเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
  12. คนจีนที่เซี่ยงไฮ้ (Shanghai) : ไม่ใช่จีนสไตล์เสียงดัง หยาบคาย แม้จะดูหน้านิ่งๆ ยิ้มยาก แต่ก็เป็นคนจริงใจและมีมารยาท เราแทบไม่เห็นคนสั่งขี้มูก ขากเสมหะ ทิ้งขยะ เหมือนที่กังวล บ้านเมืองที่นี่สะอาดและบอกได้เลยว่าสะอาดจนน่าตกใจ (สะอาดกว่ากรุงเทพฯ อีก)
  13. การสื่อสารภาษาอังกฤษ : คนเซี่ยงไฮ้ที่ทำงานในส่วนการบริการ จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ประมาณนึงครับ ส่วนผู้คนทั่วไปในเซี่ยงไฮ้จะไม่ชำนาญภาษาอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็าเข้าใจนักท่องเที่ยว และพยายามสื่อสารกับเราผ่าน Google Translator ครับ
  14. Travel simcard : มาจีนแนะนำซื้อ จากไทยไปเลย ลงเครื่องปุ๊กก็เล่น Facebook, LINE, Instagram ได้เลย
  15. อัตราแลกเปลี่ยน : 1 หยวน (CNY)= 5 บาท จะซื้อจะหาอะไรอย่าคิดเยอะ เอา 5 คูณเข้าไป เราว่าเที่ยวได้สบายกระเป๋า
  16. ถนนหนทางในเซี่ยงไฮ้ : ทางด่วนไขว้กันไปมา 3 ชั้น 4 ชั้น โห…การจราจรรถค่อนข้างติดถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ในจีนที่เคยไปนะ ในเวลาเร่งด่วนช่วงเช้า หรือช่วงเย็นแนะนำให้นั่งรถไฟใต้ดินจะสะดวกรวดเร็วกว่าครับ
  17. บ้านเรือนส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) : อยู่แนว Vertical กันหมด คืออยู่คอนโด อพาร์ทเมนท์ ตึกแถว อันนี้เข้าใจได้นะ เพราะเซี่ยงไฮ้นี่คือเมืองที่ประชากรเยอะสุดในจีนนะ
  18. สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ : Shanghai Disneyland คือดีมากกกกก!! มีปราสาทดิสนีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอลังการ ห้องน้ำสะอาดมากมีแบบชักโครกด้วย จำนวนส้วมแบบนั่งยองๆ มีเยอะกว่าส้วมแบบนั่งโถ และสะอาดทุกห้อง ไม่ต้องค่อยๆ แง้ม ค่อยๆ ลุ้น สนุก ทันสมัย ไปเลยครับ ไปๆๆๆ เชียร์ๆๆๆ
  19. ที่พักในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) : แนะนำย่านใจกลางเมืองแถว People square หรือ Nanjing Road เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟใต้ดินสถานี People square และ East Nanjing มีร้านค้าให้ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร คาเฟ่ต่างๆ เรียงรายให้ได้เดินเล่นสบายครับ
  20. เราชอบที่จีนพยายามรักษาตัวตนของตัวเองเอาไว้ คือ รัฐบาลคอมมิวนิสต์ก็จริง แต่ก็ดูจะตั้งใจรักษาศิลปะประจำชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น อาคารบ้านเรือนเอาไว้เหมือนกันนะ ด้วยความเป็นจีน มันคือ Original ของวัฒนธรรม การได้ไปเห็นความเป็นตะวันออกพบตะวันตกแบบแท้ๆ ในจีน มันคือดีงาม ที่เที่ยวแต่ละที่ไม่ได้มาเล่นๆ เค้าจริงจัง เค้ารู้จักดึงจุดเด่นของพื้นที่ออกมานำเสนอ ซึ่งเราประทับใจนะ

การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)”

สนามบินนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport : PVG) ที่นี่ใหญ่มากสมเป็นเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย

1. บริการรถรับ-ส่งจากสนามบินไปส่งที่โรงแรม

บริการสำหรับคนที่ไม่ชอบรอ และอยากได้ความเป็นส่วนตัว ที่สนามบินนานาชาติซ่างไห่ผู่ตง (Shanghai Pudong International Airport : PVG) มีผู้ให้บริการหลายเจ้าครับ มีทั้งแบบรถยนต์ 4 ที่นั่ง 6 ที่นั่ง รถตู้ 8 ที่นั่ง ไปจนรถบัส 18 ที่นั่ง (กรณีเดินทางหลายคน และต้องการรถคันใหญ่ แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์)

กรณีที่เราไม่ได้จองบริการรถรับ-ส่งจากสนามบินมาล่วงหน้า เราต้องติดต่อด้วยตัวเองที่ Counter ให้บริการครับ แต่ปัญหาที่เราจะเจอคือเรื่องการสื่อสารภาษาจีน ซึ่งถ้าคุณพูดจีนได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพูดจีนไม่ได้แนะนำให้จองผ่านระบบออนไลน์ครับ

ทริปนี้เราเดินทางมาถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้เวลา 02:45 น. เราตัดสินใจว่าจะไม่รอใช้ขนส่งสาธารณะ (ซึ่งจะเปิดตอน 06:00 น.) เราเลยเลือกจอง “บริการรถรับ-ส่งจากสนามบินไปส่งที่โรงแรม” ล่วงหน้า ผ่านทาง Klook ครับ เค้ามีรถให้เลือกหลายแบบ ให้สัมพันธ์กับจำนวนคนและสัมภาระ สะดวกสบายไฮโซสุดๆ นี่ละครับ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะแพงหน่อย ถ้าไป 3-4 คน หารกันก็คุ้มอยู่ครับ (อยากสบายก็ต้องใช้เงินแก้ปัญหา 555)

โดยคนขับรถจะถือป้ายที่มีชื่อ-นามสกุลของผู้จอง มารอรับที่สนามบินบริเวณ Arrival Hall (มีระยะการรอเราที่สนามบินประมาณ 1.30 ชั่วโมงหลังจากเครื่องบินลงจอด)  จากนั้นพนักงานขับรถจะพาเราไปส่งที่โรงแรมเลย ใครไปเที่ยวจีนแล้วกลัวสื่อสารไม่รู้เรื่อง กลัวโดนทิ้งไว้กลางทาง หรือกลัวโดนแท็กซี่สนามบินโกง แนะนำให้จองบริการผ่านทาง Klook ครับ

สนใจจอง บริการรถรับ-ส่งจากสนามบินไปส่งที่โรงแรม จาก Klook คลิกที่นี่

2. รถไฟใต้ดิน

สนามบินเซี่ยงไฮ้เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินสถานี Pudong Airport (สาย 2) รถไฟใต้ดินขบวนแรกที่จะวิ่งเข้าเมืองเริ่มเปิดให้บริการเวลา 06:00 น. ดังนั้นถ้าเราเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีนี้ จำเป็นต้องรอรถไฟใต้ดินวิ่งรอบแรกครับ รถไฟฟ้าใต้ดินจะใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณ 1-1:30 ชม. สำหรับค่าโดยสารคนละ 7 CNY ถูกมากกกกก!!

3. Maglev

รถไฟ Maglev ระบบแม่เหล็กไฟฟ้าที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วถึง 430 กม./ชม. สามารถใช้บริการ Maglev วิ่งจากสนามบินเข้าไปยังตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ แนะนำให้ดูรอบดีๆ นะ รอบแรกเปิดเวลา 06:45 น. เพราะแต่ละรอบความเร็วจะไม่เท่ากัน อยากบอกว่ามันเร็วโคตรๆ เลยอ่ะ 55555

จากสนามบินเข้าตัวเมืองด้วยระยะทาง 30 กม.ใช้เวลาแค่ 8-10 นาที ถ้าจะให้ประหยัดก็ซื้อตั๋วไป-กลับอยู่ที่ 80 CNY (400 บาท) ซึ่งจะไปลงที่สถานีปลายทาง Longyang Rd. แล้วต่อรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีตามที่พักได้เลยครับ หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็ต้องมาตรวจกระเป๋ากันก่อนนะ จึงจะเดินเข้าสถานีได้ ตารางเดินรถ พร้อมกับความเร็วของรถ Maglev ในแต่ละรอบ ความเร็ว Maglev ที่ใช้วิ่งมี 2 แบบ

  • ความเร็ว 300 กม./ชม. : รอบเวลา 06:45–08:45, 11:00-13:45 และ 16:00-21:40
  • ความเร็ว 431 กม./ชม. : รอบเวลา 09:00-10:45 และ 15:00-15:45

ถ้าอยากสัมผัสว่า 430 กม. / ชม. เป็นยังไง รอขึ้นรอบ Max Speed นะจ๊ะ ด้านในตัวรถ Maglev ก็สะอาด ที่นั่งสบาย เราไปรอบเช้าเกิน เค้าเลยวอร์มอัพที่ 300 กม. / ชม. ก่อน แค่นี้ก็เร็วค่อดๆ แหล๋ววว! ถ้ามา Shanghai ต้องมาลองสัมผัสประสบการณ์รถไฟแบบ Maglev นี้

ข้อมูลเพิ่มเติม

ค่าเดินทาง : ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 50 CNY/เที่ยว แต่ถ้ามีตั๋วเครื่องบินที่บินวันนั้นโชว์จะเหลือ 40 CNY
พิกัด : ขึ้น Maglev (浦东国际机场站) https://maps.app.goo.gl/L2ExxoL3a1Z3yTwc9

การเดินทางในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai)

ระบบคมนาคมขนส่งใน “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” นั้นครอบคลุมและทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ถนนหนทางกว้างขวาง เพราะต้องรองรับการขนส่งสินค้าจากท่าเรือมากมาย ระบบขนส่งมวลชนก็สะดวกครอบคลุม มีรถไฟฟ้าใต้ดิน มีรถแท็กซี่ รถประจำทาง ฯลฯ ผู้คนที่นี่ยังนิยมใช้มอเตอร์ไซต์และจักรยานเหมือนเมืองอื่นๆ ครับ ส่วนใหญ่เราเดินทางในเซี่ยงไฮ้ด้วย 2 วิธีหลักๆ คือ

  1. รถแท็กซี่ (เรียกผ่านแอปฯ Didi เป็นหลัก) : เมนูแอปฯ เป็นอังกฤษ โลเคชั่นตรง ไม่ต้องกลัวสื่อสารไม่รู้เรื่อง รถใหม่ สะอาด นั่งสบาย มีขนาดรถให้เลือกหลายแบบ การจ่ายเงินก็ผูกกับ Alipay ชำระเงินออนไลน์ได้เลยครับ
  2. รถไฟใต้ดินในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) : ค่าเดินทางรถไฟฟ้าใต้ดินราคาเที่ยวละ 3 – 8 หยวน (ประมาณ 15-40 บาท) ซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ มีภาษาอังกฤษกำกับ ใช้งานง่าย วิธีการก็เหมือนรถไฟใต้ดินบ้านเราเลย ทางเดินลงรถไฟใต้ดินก็มีทั้งบันไดเลื่อนและบันไดปกติ หรือสามารถเปิดแอป Alipay สแกนได้เลย อ้อ… มีลิฟต์ไว้บริการคนนั่งรถเข็นด้วยนะ

แผนที่รถไฟใต้ดิน Shanghai Metro Maps

การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง

การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ไปยังเมืองต่างๆ ของจีนทำได้ง่ายมาก เช่น เมืองหางโจว (Hangzhou) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที เหมาะมากที่จะเที่ยวแบบ 1 day trip หรือจะไปเมืองอื่นๆ เช่น ซูโจว (Suzhou) ปักกิ่ง (Beijing) ฯลฯ ก็สะดวกมากครับ ก่อนจะเข้าสถานีรถไฟความเร็วสูง ต้องผ่านด่าน Scan กระเป๋า ทุกสถานี

  • เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงไปซูโจว (Suzhou) แนะนำให้ จองตั๋วรถไฟความเร็วสูงล่วงหน้าผ่าน trip.com โดยให้ขึ้นที่สถานี Hongqiao Railway Station ลงที่สถานี Hangzhou East รถไฟจีนเต็มไวมากกกก!! เราเคยจองล่วงหน้าก่อน 2 อาทิตย์แล้ว รถไฟชั้น 1 ก็เต็มเกือบหมดแล้ว
  • ค่าโดยสารไปซูโจว (Suzhou) ชั้น 2 ราคา 371 บาท (เบาะ 3 ที่นั่งติดกัน) ส่วนชั้น 1 ราคาประมาณ 600 บาท (เบาะ 2 ที่นั่งติดกัน) หรือถ้าอยากไฮโซแนะนำจัดแบบธุรกิจ ราคา 1,100 บาท เก้าอี้กว้าง นั่งสบาย ปรับเบาะได้ มีปลั๊กให้ชาร์จไฟ แถมมีขนม ห้องพิเศษอยู่ด้านหน้าขบวนด้วยครับ
  • ทาง trip.com ออกตั๋วเป็น E-Ticket วิธีการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจะใช้แค่ passport สแกนบริเวณทางเข้า เราดูเบอร์ตู้ที่นั่ง และเลขที่นั่งจากใน app ได้เลย สะดวกสุด ๆ

สนใจจอง ตั๋วรถไฟความเร็วสูงล่วงหน้า ผ่าน trip.com คลิกที่นี่

แจกแพลนเที่ยว “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” 5 วัน 4 คืน รวม 25 พิกัด

คำถามยอดนิยมที่เรามักจะถูกถามทาง inbox ก็คือ “มีแจกแพลนเที่ยวไหม?” เรื่องนี้เข้าใจได้ เพราะแต่ละคนมีงานประจำ มีเรื่องเร่งด่วนในใช้ชีวิต การต้องวางแพลนเที่ยวเอง หาข้อมูลเอง คงไม่สนุก ดังนั้นทริปเที่ยว”เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” คราวนี้ เราเลยมาแจกแพลนให้ทุกคนเที่ยวตามได้ ทริปนี้ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ไปไหนกันบ้าง ดูด้านล่างนี้เลย

แพลนการเดินทางเซี่ยงไฮ้ รวม 5 วัน 4 คืน รวม 25 พิกัด
Day 1 :  DMK – PVG เดินทางเข้าเมืองเซี่ยงไฮ้ – เช็คอินเข้าพักโรงแรม – Tian Zi Fang – The ROOF – New York Bageous Museum – Xintiandi – Flair Rooftop @Ritz Carlton
Day 2 :  Shanghai Natural History museum – Jing’an Sculpture Park – Mo Du Street – North bund Greenland – The Bund – Nanjing Road
Day 3 :  Shanghai Disneyland
Day 4 :  Gucun Park – St. Ignatius Cathedral – Zi-Ka-Wei Library – Ribone Café – Old Yuyuan Street – Bao’s bakery – Anfu Road – Chen Wang Miao Market
Day 5 :  Zhujiajiao Water Town – 1000 Trees – เดินทางกลับจาก PVG – DMK

Day 1 : กรุงเทพฯ ดอนเมือง (DMK) – เซี่ยงไฮ้ (PVG) – Tian Zi Fang – The ROOF – New York Bageous Museum – Xintiandi – Flair Rooftop @Ritz Carlton

เดินทางจากกรุงเทพฯ ดอนเมือง (DMK) – เซี่ยงไฮ้ (PVG) ออกจากสนามบินแล้วเข้าสู่ตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) เช็คอินเข้าพักผ่อนที่โรงแรมก่อนเริ่มเที่ยวช่วงสายๆ ของวันนั้น

01 : เทียนจื่อฝาง
(Tian Zi Fang / 田子坊)

ไม่น่าเชื่อท่ามกลางหมู่ตึกที่ดูทันสมัยใน”เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” ยังมีย่านการค้าที่หน้าตาเก๋ๆ ซ่อนอยู่ ดูแล้วเหมือนย้อนกลับไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้ยุคคลาสสิก เดิมทีย่านเทียนจื่อฝาง (Tian Zi Fang) เป็นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของสัมปทานฝรั่งเศส ต่อมาที่ได้รับการรีโนเวท และปรับปรุงอาคารโดยอนุรักษ์ตัวตึกเก่าไว้เป็นอย่างดี

เราว่าสีสันที่ทำให้ย่านเทียนจื่อฝาง (Tian Zi Fang) ไม่เหมือนใคร น่าจะอยู่ที่บรรดาร้านรวงพร้อมใจกันตกแต่งหน้าร้านเพื่อดึงดูดผู้คน และเมื่อยิ่งรวมเข้ากับการประดับประดาแต่ละตรอกซอกซอย โดยฝีมือของจิตรกร Huang Yongyu และการสนับสนุนจากภาครัฐบาลเซี่ยงไฮ้

ทำให้ร้านรวงต่างๆ ย่านนี้เหมือนไม่ได้มาแข่งกัน แต่กลับเอางานฝีมือ เอาตัวตนมานำเสนอ การได้เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน อยากละลายทรัพย์ไปซะทุกร้าน ทั้งร้านกี่เพ้า คาเฟ่แมว ร้านงานฝีมือ ร้านชาจีน บาร์เหล้า ร้านอาหาร ร้านของกินเล่น รวมถึงร้านขายเครื่องประดับ ทำให้เทียนจื่อฝาง (Tian Zi Fang) เป็นหนึ่งย่านที่น่าแวะมาท่องเที่ยวเมื่อมาเซี่ยงไฮ้ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี Dapuqiao, Exit 1
พิกัด : https://j.map.baidu.com/a2/f3hi

02 : เดอะรูฟ
(The Roof : The Street of 1000 red jars)

อีกหนึ่งจุดเช็คอินที่สายแฟชั่นและสาย Instagram กำลังเลิฟมากๆ The Roof ตึกโบราณอายุกว่าร้อยปีที่ถูกแปลงโฉมเสร็จปี ค.ศ.2021 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Jean Nouvel ที่หยิบเอาเส้นสายของแจกันสีแดงนับ 10 นับ 100 อันมาประดับเข้ากับโครงสร้างระเบียงแล้วฉาบด้วยสีแดงสด แล้วแซมสีเขียวของต้นไม้เพื่อเติมชีวิตชีวา ด้วยดีไซน์ที่เปิดรับแสงจากภายนอกทำให้ The Roof มีเสน่ห์ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ด้วยแสงเงาของโครงสร้างกระถาง ระเบียง และทางเดิน ทำให้ไม่ว่าจะถ่ายภาพในช่วงเวลาไหน ที่นี่ก็ดูสวยสง่าน่าทำ Look book ซะเหลือเกิน

ด้านบนของ The Roof เป็นสำนักงาน ชั้นล่างจะมีร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่ม คาเฟ่หลายร้านเลยครับ สำหรับใครที่จะมาถ่ายภาพมุมนี้ แนะนำให้แมตซ์สีชุดมาหลายๆโทน รับรองว่าถ่ายรูปเพลินมากครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Madang road, Exit 5 เดินผ่านถนน Jianguo Rd.(E) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร ที่ตั้งขอ The Roof จะอยู่หัวมุมถนน Madang Road ฝั่ง West ตัดกันระหว่าง Jianguo Dong Road และ Danshui Road (ร้าน Starbucks ตรงข้ามหน้าตึก The Roof เลย )

03: New York Bagelous Museum (纽约贝果博物馆)

ร้านเบเกิล (Bagel) ที่ชิคและฮอตสุดๆ ขวัญใจชาวเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ที่เพิ่งเปิดได้ปีกว่าๆ แต่มีคนต่อคิวเยอะมาก พส. จีนชอบแวะมาเช็คอิน ถ่ายรูปรัวๆ ตัวร้านตั้งอยู่ที่ห้างฯ Xintiandi Style II ตกแต่งหน้าร้านเป็นสไตล์นิวยอร์คด้วยอิฐโทนสีน้ำตาล มีที่นั่งให้บริการทั้งด้านนอกและด้านในร้าน บรรยากาศอุ่นๆ ชิลล์ๆ สบายๆ

เบเกิลอบสดใหม่ตลอดทั้งวัน ตัวเบเกิลค่อนข้างเหนียวนุ่ม หนึบหนับ มีไส้คาว และไส้หวานให้เลือกเยอะมาก แนะนำให้ทางร้านอุ่นก่อนทานนะจะทำให้เบเกิลอร่อยขึ้นเยอะเลย

เมนูแนะนำ : เบเกิลชีสมันฝรั่ง, เบเกิลบลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่, เบเกิลเนยถั่วแดง นอกจากนี้ยังมีเบเกิลดาร์กช็อกโกแลต, เบเกิลแซลมอนรมควัน, เบเกิลจาลาเปโน่, เบเกิลเห็ดทรัฟเฟิลดำและแฮม ลูกฟิก และอื่นๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Xintiandi, Exit 6 แล้วเลี้ยวซ้าย เดินต่ออีก 100 เมตร ร้านอยู่ด้านขวามือติดริมประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้า Xintiandi Style II
พิกัด : https://j.map.baidu.com/bf/PNYh

04 : ซินเทียนตี้
(Xin tian Di / 新天地)

ที่นี่คือ “ซินเทียนตี้ (新天地 Xin-Tian-Di)” ย่านการค้าที่เหมือนจำลองหมู่บ้านชนบทในยุโรปมาตั้งอยู่ในกลางมหานคร “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)” บรรดาร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าและแบรนด์ดังๆ ก็พร้อมใจมาออกร้านกันแบบคับคั่ง กลายเป็นหนึ่งในย่านรวมตัวสุดฮิตของวัยรุ่นและคนทำงาน ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราควรแวะมาเช็คอินสักครั้งเมื่อมา “เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)”

ฟังจากที่เกริ่นไป คุณอาจรู้สึกว่าที่นี่ก็คงเหมือนย่านการค้าทั่วๆ ไป แต่แท้จริงแล้ว “ซินเทียนตี้ (新天地 Xin-Tian-Di)” เป็นโครงการบูรณะหมู่อาคารที่อยู่อาศัยจากศตวรรษที่ 19 ให้กลายเป็นย่านการค้า โดยหมู่อาคารเก่าเหล่านี้เป็นสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าของเซี่ยงไฮ้ที่เรียกว่า “สือคู่เหมิน”

“สือคู่เหมิน (石库门 Shi-ku-men)” คือสถาปัตยกรรมสไตล์ East meet west ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้ ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐสีเทา 2 ชั้น มีซุ้มประตูหน้าต่างประดับปูนปั้นประดับแบบฝรั่ง รูปแบบผสมผสานอย่างนี้มีที่มาจากความต้องการสร้างที่อยู่อาศัยจำนวนมากในพื้นที่จำกัด สำหรับชาวจีนชั้นแรงงานที่อพยพหนีสงครามกลางเมืองในช่วงกลางศตวรรษที่ 19

ปัจจุบัน หลังจากจีนเปิดประเทศ ก้าวเข้าสู่ความเป็นมหาอำนานยุคใหม่ บ้านสไตล์โบราณอย่าง “สือคู่เหมิน” ก็ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และตึกสูง บ้านสไตล์เซี่ยงไฮ้โบราณแบบ “สือคู่เหมิน” ที่เหลืออยู่ไม่มาก จึงถูกอนุรักษ์ไว้ ให้ผู้คนรุ่นหลังได้เยี่ยมชม

ใครอยากเห็นไลฟ์สไตล์ของคนเซี่ยงไฮ้ในบ้านสไตล์ “สือคู่เหมิน” ว่าเป็นอย่างไร ที่ซินเทียนตี้ มีการจัดทำ “Shikumen Open House Museum” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับบ้านสือคู่เหมินเอาไว้ด้วยครับ ค่าเข้าราวๆ 20 CNY

Photo credit : https://www.xintiandi.com/

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Xintiandi, Exit 6 และเดินต่อประมาณ 200 เมตร
พิกัด : https://j.map.baidu.com/e4/5qJ

05 : Flair Rooftop Restaurant & Bar @Ritz Carlton Hotel

Rooftop ชิคๆ ที่เห็นวิวหอไข่มุกแบบปังๆ หลังจากชอปปิ้งกันจนอิ่มเอมแล้ว เราก็ขึ้นมานั่งชิลชมวิวเมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) กันที่ชั้น 58 โรงแรม The Ritz-Carlton Shanghai, Pudong จะมีบาร์ให้นั่งดื่มเบียร์/cocktail ชื่อ Flair Rooftop Restaurant & Bar

มุมนี้เห็นหอไข่มุกแบบเต็มๆ ตา ขอบอกว่าลมแรงและหนาวมากเลย ถ่ายรูปเสร็จก็รีบเข้าไปนั่งอุ่นๆ ด้านใน สามารถ Walk-in ได้ หรือจองล่วงหน้าได้เลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

เวลาทำการ : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 17:30 -01:00 น. และวันเสาร์ – วันอาทิตย์เวลา 14:30 – 01:00 น.
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดินสถานี Lujiazui แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/c5/gGJ

Day 2 :  Shanghai Natural History museum – Jing’an Sculpture Park – Mo Du Street – North bund Greenland – The Bund – Nanjing Road

06 : พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเซี่ยงไฮ้
(Shanghai Natural History museum /上海自然博物馆)

พิกัดนี้อาจไม่ใช่พิกัดที่ถูกใจสาย Tiktoker หรือ Instagramer เท่าไหร่ แต่สำหรับเราซึ่งเป็นคนชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เราอยากเชียร์ให้ทุกคนได้รู้จักที่นี่นะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในอาคาร 5 ชั้น (แบ่งเป็นชั้นใต้ดิน 3 ชั้น และอยู่เหนือพื้นดิน 2 ชั้น) ด้านในมีการจัดแสดงข้อมูลด้านธรรมชาติวิทยาของสิ่งมีชีวิตมากกว่า 240,000 ชิ้น มีหุ่นจำลองของสัตว์ต่างๆ กว่า 62,000 ชิ้น แล้วยังมีสัตว์สายพันธุ์หายากที่ไม่อยู่ในจีน อาทิ  Yellow River mammoth, แพนด้ายักษ์, ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ และจระเข้แยงซี ทุกอย่างล้วนถูกนำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจ

ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ส่วนที่อยู่เหนือพื้นดิน
แค่เดินมาถึงส่วนนี้ก็ต้องร้องว๊าวเลย!!

พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Natural History museum) จะเน้นเรื่องของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มีการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ยุคหิน ยุคดึกดำบรรพ์ได้ดีมาก มีการจัดแบ่งพื้นที่เพื่อนำเสนอฟอสซิล รวมถึงพืชต่างๆ รวม 135,000 สายพันธุ์, ตัวอย่างยุคหิน 700 ชิ้น และตัวอย่างแร่ 1,700 ชิ้น

ภาพรวมห้องนิทรรศการ

ชั้น L2 : Mystery of Origins จัดแสดงและตั้งคำถามถึงจุดกำเนิดของจักรวาล พร้อมนำเสนอคำตอบและทฤษฎีที่มนุษย์ได้พากเพียรในการหาคำตอบ

ชั้น L1 : แม่น้ำแห่งชีวิต จัดแสดงหุ่นสตัฟฟ์ของสิ่งมีชีวิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งไดโนเสาร์ แมมมอธ นกยักษ์ วาฬ สัตว์ปีก สัตว์บก ฯลฯ เป็นโซนที่ทำให้เราร้องว๊าวทันทีเดินที่มาถึง!!

ชั้น B1 : จากน้ำสู่พื้นดิน จัดแสดงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวยุคดึกดำบรรพ์ ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตระดับสูง ที่เคยครองพื้นพิภพก่อนที่มนุษย์จะกำเนิดขึ้น

ชั้น B2M : Shanghai Story จัดแสดงเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตปากแม่น้ำแยงซีเกียง ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน

ชั้น B2 : Discovery Center ด้วยพื้นที่กว่า 1,200 ตร.ม. ของชั้น B2 ได้เปิดเป็นพื้นที่ให้ผู้เยี่ยมชมได้สนุกกับการค้นพบ ทดลองและสังเกตการณ์ โลกของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งการจำลองระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิต การจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์สายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงมีโซนกิจกรรมให้ผู้เยี่ยมชมได้ทดลองขุดฟอสซิล และสังเกตการณ์งานวิจัยอีกด้วย

T-Rex ตัวนี้เป็นหุ่นยนต์นะจ๊ะ เคลื่อนไหวและคำรามได้ด้วย!!

เราเห็นหลายครอบครัวที่พาเด็กๆ มาต่างก็รู้สึกสนุกไปกับการจัดแสดงในแต่ละห้องแต่ละโซนโดยไม่เบื่อเลย วิทยาการของจีนเขาล้ำไปไกลแล้วจริงๆ อิจฉาเด็กเซี่ยงไฮ้เลย ที่มีพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆ แบบนี้อยู่ แอบจินตนาการว่าถ้าตอนเราเป็นเด็ก แล้วได้มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์แบบนี้นะ โตมาเราคงไปเป็นนักธรรมชาติวิทยา ศึกษาสัตว์และแมลงอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่เลย 55555

ใครสนใจไปที่นี่ ควรเผื่อเวลาไว้สัก 4-5 ชั่วโมงนะครับ เดินเพลินมาก รู้ตัวอีกที จนท. มาไล่กลับบ้านแล้ว 555

ข้อมูลเพิ่มเติม

ค่าเข้า : 30 CNY
เวลาทำการ : วันอังคาร – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09:00 – 17:00 น. (ปิดวันจันทร์ และปิดให้เข้าชมเวลา 16:00 น.)
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Shanghai Natural History Museum, Exit 1
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/54/05d
Website : https://www.snhm.org.cn/eg/

07 : สวนประติมากรรมจิงอัน
(Jing’an Sculpture Park /静安雕塑公园)

ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนของทุกปี ถือว่าเป็น Golden moment สำหรับคนชอบดอกไม้ เพราะว่าทั้งดอกซากุระ ดอกทิวลิป และดอกไม้นานาชนิดกำลังบานสะพรั่งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ที่นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่ชาวเซี่ยงไฮ้ชอบมาดูดอกไม้กันมากๆ สวนประติมากรรมจิงอัน (Jing’an Sculpture Park) เป็นสวนสาธารณะสวยที่มีงานประติมากรรม ดอกไม้ ดอกซากุระ ดอกทิวลิปสวยๆ เต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีน้ำพุ น้ำตกจำลอง และเก้าอี้ให้นั่งชมดอกไม้ เหมาะจะมาเที่ยวเล่นทั้งครอบครัว เพราะบริเวณใกล้ๆ กันจะมีพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Natural History Museum) ให้เยี่ยมชมด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

ค่าเข้า : ฟรี
เวลาทำการ : เปิด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟใต้ดิน Shanghai Natural History Museum, Exit 1
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/54/05d

08 : Mo Du Street (魔都街)

พิกัดถ่ายรูปเซี่ยงไฮ้สไตล์จีนย้อนยุคแนว Retro มีความกิ๊บชิคๆ กับทรงอาคารดูสวยแปลกตา ที่ไม่ใช่ตึกทันสมัย สูงๆ แบบที่เราเคยเห็นในเซี่ยงไฮ้ มุมนี้อยู่หลังโรงภาพยนตร์ Shengli Cinema (胜利电影院) หัวมุมถนน Zhapu Road (乍浦路) ตัดกับถนน Beihaining Road (北海宁路) หาไม่ยากครับ

แนะนำให้เรียก Didi ปักพิกัด Shengli Cinema (胜利电影院) เดินทางง่ายสุดครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี North Sichuan Road, Exit 2
พิกัด : https://j.map.baidu.com/cd/PhKi

แนะนำร้านอาหารอร่อยใกล้ๆ Zhapu Road

อาหารเซี่ยงไฮ้นั้นรสชาติค่อนข้างเค็มและรสไม่จัด บางทีมาเที่ยวหลายๆ วัน ถ้าอาหารไม่ถูกปากจะพาลเที่ยวไม่สนุก ทริปนี้เราบังเอิญเจอร้านอร่อยอยู่ใกล้ๆ Zhapu Road เป็นร้านอาหารสไตล์ฉางซา (Changsha) ชื่อร้านว่า Chang Sha Wei Dao ซึ่งรสชาติจากมณฑลหูหนานนั้นจะจัดจ้านและถูกปากคนไทยมากกว่าอาหารเซี่ยงไฮ้ ถึงขนาด พส.จีน ยังรีวิวว่า “ถ้านึกถึงอาหารจีนสไตล์หูหนานต้องยกให้ร้านนี้” เลยนะคุณ!!

ทางร้านตกแต่งสไตล์ Retro จุดเด่นเห็นได้ตั้งแต่การตกแต่งหน้าร้าน ป้ายโน้นป้ายนี้เต็มร้านไปหมดเลย 555 บรรยากาศภายในร้านเน้นการใช้สีสันสดใส มีความสนุกสนาน สีฉูดฉาดสะดุดตาทั้งสีเขียว สีขาว สีดำ ตัดกับสีเหลืองแดงของป้ายไฟนีออนบนผนังตามจุดต่างๆ และป้ายกระดาษภาษาจีนที่แขวนทั่วร้าน ถึงจะดูเยอะสิ่ง แต่มันก็เก๋ดีนะทุกคน ได้ฟีลฮ่องกงย้อนยุค ดูสวยแปลกตาครับ

เมนูแนะนำ

  • Mom-made Money Egg  นี่คือเมนูดังของร้าน เรียกง่ายๆ ว่า “ไข่ทองคำ” จะเป็นไข่ต้มหั่นเป็นแว่นบางๆ แล้วเคลือบด้วยแป้งข้าวเจ้า แล้วเอาลงหม้อทอดจนสีเหลืองทอง จากนั้นเอามาปรุงรสด้วยกระเทียม รากผักชี ซีอิ๊วขาว เกลือ น้ำตาล หน้าตาแปลกๆ แต่กลับอร่อย รสชาติครบรสครับ 
  • ซุปรากบัวหั่นชิ้นกำลังพอดี ซุปหอม รสกลมกล่อม ซดร้อนๆ แล้วสดชื่นมาก เป็นอีกเมนูที่อร่อยเกินคาดมากๆ
  • ถั่วแขกผัดกับพริกใส่หมาล่าปนนิดๆ อร่อยมาก ผัดได้ถึงไฟ หอมกระเทียมสับ และกลิ่นกระทะ
  • เต้าหู้เหม็น รสชาติเข้มข้นถูกใจคนรักเต้าหู้เหม็นแน่นอน

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : จากหน้า Shengli Cinema (胜利电影院) ให้เดินมาทางด้านขวามือเพื่อข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม ให้เดินเข้าซอยติดกับ Orange Hotel ร้านจะอยู่ห้องที่ 4-5 ด้านขวามือครับ

09. คลองหงโขว่
Hongkou Gang (长治路九龙路交叉口)

หลังๆ พส.จีนนิยมมาถ่ายรูปกันที่ริมคลองหงโข่ง (Hongkou) กันเยอะมากครับ ความน่ารักของมุมนี้ คือ ดีไซต์ของตึกแถวอิฐแดงเรียงรายสองข้างทางทั้งสีน้ำตาล และสีชมพูริมคลองซึ่งเป็นเส้นนำสายตาทอดยาวไปยังหอไข่มุกสวยๆ ครับ ถ้ามาแถว North Bund Greenland แนะนำให้มาแวะมาเดินเล่นบนสะพานริมคลองด้วยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี International Cruise Terminal, Exit 3 หรือออกประตูทางเข้า North Bund Greenland แล้วเลี้ยวขวาแล้วเดินต่อมาประมาณ 5 นาที ซ้ายมือสะพานริมคลอง ให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้ามครับ
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/eb/H6di

10 : North Bund Greenland (北外滩滨江绿地)

พิกัดถ่ายรูปหอไข่มุกสุดฮิตที่ Influencer และ พส.ชาวจีนต้องมาถ่ายรูปมุมนี้กันทุกคนนนน!! วิวกลางวันที่ North Bund Greenland ว่าสวยแล้ว ช่วงเปิดไฟตอนกลางคืนยิ่งสวยอลังการเห็นหอไข่มุกชัดๆ แบบ 3D เลยครับ  

North Bund Greenland ตั้งอยู่เลียบแม่น้ำ Huangpu และมีทางเดินยาวๆ กว่า 2.5 กิโลเมตรให้เดินชิลๆ รับลมเย็นสบาย และยังเป็นท่าจอดเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จะเห็นนักท่องเที่ยวลงเรือมาถ่ายรูปกันเยอะเลย จากจุดนี้เราสามารถเดินเล่นเพลินๆ ข้ามไปฝั่ง The Bund ได้เลย  

ไฮไลต์ของ North Bund Greenland จะเป็นจุดชมวิวหอไข่มุกแบบเต็มตา (Oriental Pearl Tower) ล้อมรอบด้วยสวนธารณะร่มรื่นสีเขียวๆ ประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยสีสันสดใส มีงานประติมากรรมรูปหยดน้ำสีเงินขนาดใหญ่ยักษ์ บรรยากาศดีฟีลกู๊ดมากกกก!!

แนะนำให้เดินขึ้นไปบนสะพานแล้วถ่ายรูปลงมาจะเห็นภาพมุมสูงสวยๆ ก่อนกลับให้เดินลงสะพานอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นอัศจรรย์กว้างๆ มีผู้คนมานั่งเล่น ความน่ารักของมุมนี้จะเป็นเก้าอี้ก้อนเมฆสุดคิ้วท์ สีพาสเทลมุ้งมิ้ง มีความครีเอทได้น่ารักสุดๆ แนะนำให้มาช่วงเย็นๆ และอยู่ยาวจนเปิดไฟจะสวยงามมากครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี International Cruise Terminal, Exit 3
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/c5/UVg

11. หอประภาคารนอร์ทบันต์ (North Bund Lighthouse)

พิกัดนี้จะเห็นหอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) และ The Bund พร้อมกันๆ แบบเต็มตา จุดเด่น คือ ประภาคารสูงโดดเด่นล้อมรอบด้วยสวนสีเขียวร่มรื่น และดอกไม้หลากสีสันละลานตาครับ ใครอยากนั่งชมวิวเพลินๆ แนะนำให้แวะคาเฟ่ Manner Coffee มุมหน้าคาเฟ่วิวจึ้งมากกกก !!

มุมนี้จะเห็นหอไข่มุกตรงหน้าแบบอลังการสุดๆ มองแล้วเพลินดีสุดๆ จากจุดนี้ถ้ามองไปทางขวามือจะเป็นเดอะบันต์ (The Bund) เห็นสถาปัตยกรรมของอาคารสวยๆ ดูยังไงก็เหมือนอยู่ยุโรปเลยครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี International Cruise Terminal, Exit 3 หรือจาก North Bund Greenland ให้เดินเลียบแม่น้ำมาทางฝั่งขวาประมาณ 3 นาที
พิกัด :  https://j.map.baidu.com/c5/UVg

12 : ถนนปักกิ่ง
(Beijing Road /北京东路)

หอไข่มุก, เมืองเซี่ยงไฮ้ และหมู่ตึกระฟ้า คือ Landmark สำคัญที่ทำให้ใครๆ ก็ต้องมาที่เดอะบันต์ (The Bund) และยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ รอบเดอะบันต์ (The Bund) ถนนปักกิ่ง (Beijing Road) ถนนเส้นนี้เราจะเห็นคนมาถ่ายรูปกันเยอะมาก เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมตามล่าหามุมสวยคู่หอไข่มุก มุมโน้นก็ดี มุมนี้ก็ชิค ทุกมุมฮิตในกลุ่ม พส.จีน ใครมีมุมสวยๆก็มาแชร์กันได้ครับผม สำหรับมุมที่เราเจอก็ประมาณนี้

  • หน้าตึก The Somekh Building
  • หน้าโรงแรม The Peninsula Hotel Shanghai
  • เดินข้ามถนนมาที่จุดชมวิว The Bund Viewing Platform
  • The Bund ริมน้ำซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมากันเยอะๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Nanjing Rd. (E), Exit 6
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WqfBNN1hQctndaJUA

13 : เดอะบันด์
(The Bund /外滩)

เดอะบันด์ (The Bund) เป็นถนนริมแม่น้ำหวงผู่ เป็นแหล่งรวมทุกความศิวิไลซ์ของเซี่ยงไฮ้ ทั้งร้านอาหาร ศูนย์การค้า สำนักงาน ธนาคาร และสถานกงศุลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ละตึก แต่ละร้านนี่ก็เก๋ไก๋ หรูหรากันสุดๆ สถาปัตยกรรมของตึกย่านนี้ดูยังไงก็หมือนอยู่ยุโรป

ซึ่งไฮไลต์ของเดอะบันต์ (The Bund)  คือช่วงเวลาพลบค่ำนะจ๊ะ พอแสงอาทิตย์เริ่มลับไป แสงของเมืองก็เฉิดฉาย… โอ๊ววว โรแมนติกมากๆๆๆ ดูจากในรูปสิ คนเยอะมาก แต่เมืองก็สวยมากกกก

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Nanjing Rd. (E), Exit 6
พิกัด : https://j.map.baidu.com/83/xTJ

14 : ถนนหนานจิง
(Nanjinglu Street / 南京路步行街)

อยู่ไม่ไกลจากเดอะบันต์ (The Bund) นี่คือ ถนนชอปปิ้งหนานจิง (Nanjing Street) ถนนคนเดินยาว 4 กิโลเมตร คือสวรรค์แห่งการชอปปิง ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยห้างหรู ร้านแบรนด์เนม ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเลโก็ (Lego) ร้านป๊อปมาร์ท (Popmart) และร้านอื่นๆ อีกมากมาย ถนนหนานจิงเป็นหนึ่งในถนนชอปปิงที่พลุกพล่านที่สุดของโลกฟีลแบบ Fifth Avenue, Oxford Road, Orchard Road ฯลฯ

หากตั้งใจจะมาเดินที่ถนนหนานจิง (Nanjing Street) เส้นนี้ เราแนะนำให้เผื่อเวลาและงบประมาณเอาไว้เยอะๆ เพราะคุณจะชอปปิงเพลินแบบไม่รู้ตัว เรายกให้ย่านนี้เป็นย่านละลายทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้เลยแหล่ะ ช่วงพลบค่ำ คนออกมาเดินกันเยอะมากๆๆๆๆๆ แต่ละตึกย่านนี้ก็หรู เก๋ เว่อร์วัง

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี People’s Square สามารถเดินยาวๆ ไปถึงสถานี Nanjing Road (E) หรือลงสถานี Nanjing Rd. (E) Exit 2, 7
พิกัด : https://j.map.baidu.com/fa/SpJ

Day 3 :  Shanghai Disneyland

15 : สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์
(Shanghai Disneyland)

ณ ดินแดนที่ความฝันผสานกับความจริง ทุกคนล้วนมีวัยเยาว์ วัยที่เราเพลิดเพลินกับความฝัน ความไร้เดียงสา วัยที่เราสนุกได้ทั้งวันอย่างไม่รู้เบื่อ วัยที่ความเหงา ความจน ความทุกข์ทน ก็ทำอะไรเราไม่ได้…  วันนี้โตแล้ว หลายคนกลับโหยหาช่วงเวลาเหล่านั้นให้ย้อนกลับมา แต่รู้ไหมว่ามันไม่ได้ไปไหน แค่เราเปิดใจยอมให้ความเป็นเด็ก ได้กลับมาทักทายเราอีกครั้ง… เวลคัมทู “สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)” ครับทุกคน!!

สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)” ถูกจัดอันดับให้เป็นดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากพื้นที่กว้างขวางอลังการแล้ว ตัวปราสาทดิสนีย์ที่นี่ก็ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย!! พื้นที่ด้านในแบ่งออกเป็น 8 โซน ได้แก่ Mickey Avenue, Gardens of Imagination, Fantasyland, Treasure Cove, Adventure Isle, Tomorrowland, Toy Story Land และ City of Zootopia

แต่ละโซนมีบรรยากาศและธีมของตัวเอง ทั้งเพลง ทั้งการตกแต่ง เครื่องเล่น กิจกรรม เครื่องแบบพนักงาน แผงขายของ ร้านอาหาร แม้กระทั่งเมนูอาหาร ก็ล้วนแต่เชื่อมโยงกับโซนนั้นๆ แค่พาตัวเข้าไปอยู่ในแต่ละโซน ก็เหมือนต้องมนต์ ทิ้งโลกแห่งความจริง แล้วหลุดเข้าไปในหนังเรื่องนั้นๆ เลยล่ะ!!

Things to know : ดิสนีย์แลนด์ให้ความสำคัญกับความสะอาดและความปลอดภัยมาก ดังนั้นก่อนจะเข้าไปในสวนสนุก จะมีการตรวจกระเป๋าก่อนนะครับ อุปกรณ์ต้องห้ามก็ได้แก่ อาวุธ, วัตถุระเบิด, วัตถุไวไฟ, มีด, ประทัด, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, กระป๋อง, แก้ว, กระเป๋าล้อลาก, ไม้ Selfie, Drone, Gimbal, เก้าอี้พับ เป็นต้น

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการเข้าสวนสนุกได้ที่นี่ https://www.shanghaidisneyresort.com/en/rules/

ซื้อบัตรเข้าชมสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ ผ่านทางออนไลน์ได้แล้วนะ

ใครไม่อยากไปต่อแถวซื้อบัตรที่ช่องจำหน่ายตั๋ว เราแนะนำให้ซื้อ “บัตรเข้าสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์
(Shanghai Disneyland)”
 
ผ่าน Klook ล่วงหน้าครับ ตอนจะเข้าสวนสนุก เราแค่แสดง QR Code และ Passport ให้เจ้าหน้าที่ตรงประตูทางเข้า แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ตั๋วจริงกับเรา สะดวกรวดเร็วมาก!!

ถ้ากำหนดวันเข้าสวนสนุกฯ ได้แล้ว แนะนำให้ซื้อ บัตรเข้าชมสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์แบบ (Early Bird ล่วงหน้า 31 วัน) รวมบัตรเข้าสวนสนุกฯ 1 วัน + คูปองอาหาร และเครื่องดื่มมูลค่า 100 หยวน จะคุ้มกว่าซื้อบัตรสวนสนุกฯ แบบปกติ 1 วัน ซึ่งบัตรนี้สามารถใช้ทานอาหาร และเครื่องดื่มในสวนสนุกฯ มูลค่า 100 หยวน โดยจะต้องโหลดแอปฯ Shanghai Disneyland ก่อน พอเราได้ตั๋วเข้าสวนสนุกใบจริงก็สแกนตั๋วแล้ว คูปองอาหาร 100 หยวนจะเข้ามาอยู่ในแอปฯ พอจะใช้ก็กด Redeem แนะนำให้สั่งอาหารและเครื่องดื่มเกิน 100 หยวน ถ้ามีส่วนต่างก็ชำระด้วย Alipay ได้เลยครับ

สนใจซื้อ บัตรเข้าสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ ในราคาพิเศษ คลิกที่นี่

อย่างที่บอกไปว่า “สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)” นั้นกว้างและใหญ่มว๊าก!! การจะเล่นให้ครบทุกเครื่องเล่น ทุกโซน ภายในวันเดียว คงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเราเลยจะเน้นเครื่องเล่นเจ๋งๆ ที่คุณไม่ควรพลาด และพอจะสามารถเล่นจบได้ใน 1 วัน ดังนี้ครับ

1. Mickey’s Storybook Express (ขบวนพาเหรด ตัวการ์ตูนดิสนีย์)

ขบวนพาเหรดในธีมรถไฟที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตระการตา ของเหล่าตัวการ์ตูนดิสนีย์นับสิบๆ ตัว นำโดย Mickey Mouse และผองเพื่อน!! ใครเป็นแฟนการ์ตูนดิสนีย์และพิกซาร์ อย่าง Toy Story, Mulan, Frozen, Monster Inc. รีบพาตัวเองมายืนแถวหน้าได้เลย ขบวนพาเหรดที่ Shanghai Disneyland นี่สุดมาก!!

ตารางเวลาของขบวนพาเหรดจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนะครับ ก่อนไปแนะนำให้เข้าไปอัพเดตข้อมูลที่เว็บไซต์ของ Shanghai Disneyland ครับ https://www.shanghaidisneyresort.com/en/calendars/day/

2. ไปเล่น TRON ที่โซน Tomorrowland

รถไฟเหาะสไตล์ Space Mountain ชื่อว่า TRON Lightcycle Power Run ที่มาในรูปร่างมอเตอร์ไซต์สุดล้ำ เราชอบในความช่างคิด ที่นี่คนต่อแถวยาวสุดๆ แม้จะแลกกับความมันเพียงไม่กี่นาที อย่าลืมเข้าไปในโซน TRON Realm ล่ะ เค้ามี Game & Interactive Exhibition ล้ำๆ สไตล์ TRON รอให้เราไปเปิดโลกเช่นกัน!!!

3. City of Zootopia ไม่มาถือว่าพลาด!!

โซนใหม่ล่าสุดจาก 3D Animation สุดฮิตอย่าง Zootopia ที่ทีมงานดิสนีย์ช่วยกันสร้างโลกของเหล่าสรรพสัตว์ที่ใช้ชีวิตและดำรงชีพเหมือนคน ไฮไลต์นอกจากจะอยู่ที่เครื่องเล่นแล้ว มุมถ่ายรูปใน City of Zootopia คือเยอะมาก เค้าจำลองเมือง Zootopia มาไว้ใน Shanghai Disneyland แบบจัดเต็มเลยล่ะ!!

เครื่องเล่นหลักของโซนนี้ คือ Zootopia: Hot Pursuit ซึ่งเป็นเครื่องเล่นสไตล์ 4DX Simulation ที่พาเราเข้าร่วมการไล่ล่าผู้ร้ายหลบหนีของ 2 นายตำรวจคู่ซี้ Judy Hopps และ Nick Wilde ระหว่างทางเค้าต้องผจญภัยกับสถานการณ์สุดตื่นเต้นมากมาย อยากรู้ว่ามีอะไร ต้องไปลองเล่นที่ City of Zootopia ครับ บอกเลยว่าโคตรดี!!

4. ตะลุยเครื่องเล่น Pirate of the Caribbean ที่โซน Treasure Cove

แล้วเราก็เดินมาถึงโซนโปรดของเรา Pirate of the Caribbean ทางเข้าด้านหน้างานโครงกระดูกก็มี หลังจากต่อแถวยาวๆ เข้ามา เราจะเข้ามานั่งในเรือที่มีที่นั่งเป็นแถวๆ พร้อมสำหรับการผจญภัยสู่โลกโจรสลัด กัปตันแจ็คออกมาทักทาย นี่คือ ที่สุดของความสนุกในวันนั้น เฮ้ย!!! จริงๆ ไม่อยากสปอยล์เลย แต่เชื่อว่าเด็กหนุ่มทุกคนคงชอบวีรกรรมของโจรสลัดแน่นอน แล้วนี่เรากำลังล่องเรือลงใต้น้ำ เข้าสู่การผจญภัยอันเร่าร้อนของกัปตัน Jack Sparrow งานผจญภัยระดับ 4D ที่ชวนให้เราร้องว๊าว!! ตลอดทาง คือสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือน Shanghai Disneyland (เพื่อนๆ หลายคนก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันนะ ว่าอันนี้คือที่สุด)

4. ย้อนวัยสู่วัยเด็กใน Toy Story Land

แค่ก้าวเท้าเข้าไปในโซนนี้ ก็เหมือนถูกย่อส่วนเข้าสู่โลกแห่งของเล่น!! นี่คือโซน Toy Story Land โซนที่โด่งดังมาจาก 3D Animation สุดปังอย่าง Toy Story ซึ่งนำโดยนายอำเภออารมณ์ดีอย่าง Woody และเพื่อนซี้เจ้าอวกาศอย่าง Buzz Lightyear รวมถึงพลพรรคอย่าง Slinky dog, Mr. Potato Head และอีกมากมาย!! เป็นอีกหนึ่งโซนที่ถ่ายรูปสนุก และเป็นขวัญใจน้องๆ หนู เป็นอย่างมาก!!

5. ไปร่วมร้องเพลงกับ แอนนาและเอลช่า ที่ Frozen sing along

อันนี้ดีงามสำหรับสาวกการ์ตูน Disney เพราะเค้าจับเอาเรื่องราว Happy Ending ของสองพี่น้อง แอนนากับเอลช่า มาเล่าเรื่องให้ฟัง พร้อมมิวสิคคัลอลังการ เอลช่าออกมาร้องเพลง งานแสงสีเสียงตระการตา สองพี่น้องที่จะชวนเราร้องตาม เพลง Let it go ไปพร้อมๆ กัน เป็นภาษาจีนล้วนๆ เราฟังไม่ออกแต่ก็สนุกไปกับเค้าด้วย (เพียงแต่ว่ามันเป็นภาษาจีน 555 ร้องไรไม่รู้ “สุ่ยคาบา สุ่ยคาบา”)

6. Ignite the Dream

โชว์สุดอลังการส่งท้ายค่ำคืน มันพร่างพราว มันอลังการ สมกับความยิ่งใหญ่ของ Disneyland จริงๆ เราแนะนำให้อยู่ดูนะ มันคุ้มค่าและส่งเรากลับบ้านนอนสบายๆ เลยล่ะ  

ส่วนใครที่แอบกังวลว่า Shanghai Disneyland จะสะอาดไหม ห้องน้ำไว้ใจได้ป่าว บอกเลยว่า “สะอาดจนเราตกใจ” สวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland) เค้าเข้มงวดเรื่องกฏระเบียบนะ คนจีนย่อมรู้จักคนจีนด้วยกัน เค้าจึงมีพนักงานคอยดูแลความสะอาด และคอยบอกเตือนคนจีนด้วยกันอย่างเคร่งครัด!!

ข้อมูลเพิ่มเติม

เวลาทำการ : ทุกวันเวลา 8.30 – 21.30 น.
การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Disney Resort, Exit 2 หรือ 4 แล้วเดินต่อประมาณ 5-10 นาที
พิกัด : https://j.map.baidu.com/b1/WtWg

Day 4 :  Gucun Park – Xujiahui Cathedral – Xujiahui Library – Ribone Café – Old Yuyuan Street – Bao’s bakery – Anfu Road – Chen Wang Miao Market

16 : สวนสาธารณะกูชุน
(Gucun Park /顾村公园)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,300 ตารางเมตร เป็นอุทยานเชิงนิเวศในเขตเป่าซาน พิกัดนี้เป็นจุดชมซากุระยอดฮิตของคนเซี่ยงไฮ้ จะมีการจัดงานเทศกาลซากุระ (Shanghai Cherry Blossom Festival) แบบเห็นซาะกุระฉ่ำๆ ตลอดสองข้างทางช่วงกลางเดือนมีนาคม- ต้นเมษายนของทุกปี

สวนสาธารณะกูชุน (Gucun Park) เป็นสวนที่ฮีลใจด้วยสีเขียวได้ดี ลมพัดเย็นสบาย ผู้คนนิยมมานั่งเล่น ปิกนิก นอนเล่นใต้ต้นไม้ มาเต้น TikTok ถีบเรือพาย ทำให้เราได้เห็นเซี่ยงไฮ้ในอีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่มีแต่มุมฮิปๆ เก๋ๆ อย่างเดียว มุมถ่ายรูปไฮไลต์ที่สวยสุดๆ คือ ชิงช้าสวรรค์สีชมพูอยู่ที่ประตู Gate 1 ของสวนสาธารณะครับ (แต่เราเข้าประตู 2 เดินไปเดินมาก็หาชิงช้าสวรรค์ไม่เจอสักที 5555)

สวนสวนสาธารณะกูชุน (Gucun Park) จะมีการแบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่น โซนป่าไม้ โซนถีบเรือ โซนกีฬา รูปปั้นไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธ์ุที่ Gucun Park Dinosaur World และยังมีดอกไม้สวยๆ ให้ชมตลอดทั้งปี เช่น ซากุระ (เดือนมีนาคม – เมษายน), กุหลาบจีน (เดือนมิถุนายน), ดอกบัว (เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม), ต้นเมเปิ้ลช่วงใบไม้เปลี่ยนสี (เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) ฯลฯ

ข้อมูลเพิ่มเติม

ค่าเข้า :  20 CNY
เวลาทำการ : 06:00 – 17:30 น. (ปิดจำหน่ายตั๋วเวลา 16.30 น.)
การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Gucun Park, Exit 5 ทางออกนี้ใกล้กับ Gate 2 ของสวน
พิกัด : https://j.map.baidu.com/6c/8LK

17: อาสนวิหารเซนต์อิกเนเชียส / โบสถ์คาทอลิกซูเจียฮุย
(St. Ignatius Cathedral : Xujiahui Cathedral /徐家汇主教座堂)

อาสนวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral) หรือโบสถ์คาทอลิกซูเจียฮุย (Xujiahui Cathedral) ตั้งอยู่ในเขต Xuhui ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1911 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Gothic มีลักษณะสูง เรียว แหลม พุ่งยอด สูงสง่าเสียดฟ้าซึ่งแทนศรัทธาของศาสนาคริสต์ 

ที่นี่เป็นหนึ่งโบสถ์ที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน และยังได้รับฐานะเป็นมหาวิหารแห่งแรกในภาคตะวันออกไกล ด้านหน้าโดดเด่นสะดุดตาด้วยอาคารอิฐสีแดง หอระฆังแฝดสูง 50 เมตร มีพระเยซู และสิงโตที่ออกแบบได้มีความประณีต โบสถ์แห่งนี้สะท้อนให้เราเห็นประวัติศาสตร์ยาวนานร้อยกว่าปีที่ชาวตะวันตก และศาสนาคริสต์ได้เข้ามามีบทบาทในเซี่ยงไฮ้

หน้าอาสนวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral) เป็นจุดถ่ายรูปสวย เพราะเห็นทั้งสวนพร้อมด้วยดอกไม้หลากสีสันสดใส ภายในสวนสาธารณะมีม้านั่งให้ผู้คนแถวนั้นได้มานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ เสียดายวันที่เราไปโบสถ์ปิดไม่ให้เข้าไปด้านในกะทันหันเลยทำให้ไม่ได้เข้าไปชมความงามกระจกสี มีคอลัมน์หินที่แกะสลัก 64 แท่ง และอื่นๆ เลย

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง : ลงรถไฟใต้ดินสถานี Xujiahui, Exit 3 แล้วเดินต่อประมาณ 330 เมตร
พิกัด : https://j.map.baidu.com/c1/jVu

18: ห้องสมุดซีคาเว่ย : ห้องสมุดซูเจียฮุย
(Zi-Ka-Wei Library : Xujiahui Library /上海上书馆徐家汇藏书楼)

ห้องสมุดสมัยใหม่แห่งแรกของเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ติดกับอาสนวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral) ได้รับการขนานนามว่าเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของเซี่ยงไฮ้เลยครับ เดิมทีสร้างขึ้นเป็นสถานที่สำหรับผู้สอนศาสนานิกายเยซูอิตเพื่อให้ผู้สอนได้ศึกษาภาษาจีนและเตรียมพร้อมการทำงาน จากนั้นก็มีการปรับปรุงโดยสถาปนิกระดับโลก แต่สุดท้ายก็ได้ปล่อยทิ้งร้างไว้

ต่อมาทาง Wutopia Lab ได้ใช้เวลา 4 ปี ในการออกแบบตกแต่งห้องสมุด และรีโนเวทสถาปัตยกรรมภายนอกให้คงรูปแบบเดิมไว้ให้มากที่สุด มีการเพิ่มหน้าต่าง ช่องแสง ประตูเพื่อให้แสงธรรมชาติลอดเข้ามาในอาคาร และทำให้ห้องสมุดมีความกลมกลืนกับเมือง และอาสนวิหารเซนต์อิกเนเชียส (St. Ignatius Cathedral) เพื่อให้คนท้องถิ่นได้เข้ามาห้องสมุดอ่านหนังสือ ซึ่งห้องสมุดฯ แห่งนี้ได้กลับมาเปิดอีกครั้งเมื่อต้นปี ค.ศ. 2023 ปัจจุบันห้องสมุดมีหนังสือมากกว่า 200,000 เล่ม โดยแบ่งเป็น 80,000 เล่มในภาษายุโรป และ 120,000 เล่มในภาษาจีน