นี่คือหนึ่งในจังหวัดของจีนที่มีแต้มบุญด้านการท่องเที่ยวเยอะจนน่าอิจฉา!! สำหรับคนยุค 90’s-2000 ส่วนใหญ่จะได้ยินชื่อ “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ผ่านโฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวจีน แต่เมื่อเปลี่ยนผ่านมาถึงยุคที่ Social Media ครองสื่อในปัจจุบัน ความยิ่งใหญ่สวยงามตระการตาของ “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” กลายเป็นไวรัล ที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมาเห็นด้วยตาสักครั้ง!!

รวมบทความเที่ยวเมือง “ฉางซา” และมณฑล “หูหนาน” (อัพเดทปี 2024)

แต่การจะไปให้ถึง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ด้วยตัวเองนั้น ไม่ได้ไปง่ายๆ เหมือนไปญี่ปุ่น เกาหลี หรือไต้หวัน ด้วยความที่เราพูด-อ่านภาษาจีนไม่ได้ ข้อมูลในอินเตอร์เน็ต (เวอร์ชั่นไทย) ก็มีไม่เยอะ เตรียมตัวยังไง เดินทางแบบไหน ขอวีซ่าต้องทำไง ไปแล้วจะหลงหรือเปล่า จะโดนเค้าหลอกไหม ฯลฯ สารพันคำถาม ที่จะมาลดทอนไฟในการเที่ยวของคุณ จะถูกปัดเป่าได้ด้วยบทความนี้ครับ!!

Table of Content (ตารางแสดงเนื้อหา)

ทำไมต้องไป “จางเจียเจี้ย (Zhangjiejie)”

เมื่อพูดถึง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ภาพจำที่หลายคนจะนึกถึงก็คือหุบเขาหินปูนปลายแหลมรูปทรงแปลกตา ที่อุดมไปด้วยต้นไม้และสายหมอก ดูแล้วชวนฝัน คล้ายในภาพวาดโบราณของจีน จนเป็นแรงบันดาลใจให้ “เจมส์ แคเมรอน (James Cameron)” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง นำทัศนียภาพของ “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ไปเป็นต้นแบบหุบเขาบนดาว “แพนดอร่า (Pandora)” ในหนังเรื่อง AVATAR ภาคแรกใน 2009 กันเลยล่ะ

แต่ความจริงแล้วในจังหวัด “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมอีกหลายแห่งที่น่าสนใจอยู่ในจังหวัดนี้ ไม่ว่าจะเป็น…

  • อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Forest Park)
  • สะพานแก้วจางเจียเจี้ยแกรนด์แคนยอน (Zhangjiajie Grand Canyon Glass Bridge)
  • ถ้ำมังกรเหลือง (Yellow Dragon Cave)
  • ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain National Park)
  • ทะเลสาบเป่าเฟิงหู (Baofeng Lake)
  • การแสดงละครเวทีเรื่อง “นางจิ้งจอกขาวเทียนเหมิน” (Tianmen Fox Fairy)
  • การแสดงโชว์ “เหม่ยลี่เซียงซี” (Charming Xiangxi Show)

การมาเที่ยว “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” แค่จังหวัดเดียว ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คุณจะได้เห็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ได้เห็นวัฒนธรรมชนเผ่า ได้เห็นสถาปัตยกรรมโบราณ และได้เห็นความเก่งกาจของรัฐบาลจีนที่แพ้วถางเส้นทางและพยายามอำนวยความสะดวกให้ผู้คนได้มาสัมผัสมรดกทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ครับ

ใครอยากเก็บพิกัดเที่ยว “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ให้ครบทุกแห่ง ควรเผื่อเวลาเที่ยวอย่างน้อยๆ 3-4 วันนะ

อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)

“อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” เป็นส่วนหนึ่งของ “จุดชมวิวอู่หลิงหยวน (Wulingyuan Scenic Area)” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 397.5 ตารางกิโลเมตรประกอบไปด้วยป่าทึบ หุบเขา หุบเหวลึก ยอดเขาทรงแปลกตา ถ้ำมากมาย และแนวหินคล้ายเสาที่ปกคลุมทั่วทั้งอุทยาน

ด้วยสภาพภูมิประเทศที่สวยแปลกตานี้ ทำให้ “จุดชมวิวอู่หลิงหยวน (Wulingyuan Scenic Area)” ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก Global geopark ด้านอุทยานธรณีโลก อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 5A (National AAAAA Tourist Attraction) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศจีนอีกด้วย!!

สำหรับการเดินทางมา “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” ถ้าเราเลือกพักในตัวเมือง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” เราจะต้องนั่งรถบัสหรือรถแท๊กซี่เพื่อมาลงที่หน้าทางเข้าอุทยานฯ ใช้เวลาราวๆ 30-40 นาที แต่ถ้าพักในตัวเมือง “อู่หลิงหยวน (Wulingyuan)” ก็จะใกล้กว่ามาก (ที่พักบางแห่งเดินแค่ 5 นาทีก็ถึงหน้าทางเข้าแล้ว) อันนี้ขึ้นกับว่าคุณวางแผนเที่ยวที่ไหนบ้างใน “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” ครับ

รายละเอียดตรงนี้เราเขียนไว้ในหัวข้อ “ที่พักแนะนำในจางเจียเจี้ย” ทางด้านล่างแล้ว ลองเลื่อนไปอ่านประกอบการวางแผนทริปดูนะครับ

งานประติมากรรมไม้แกะสลักอันนี้อยู่ตรงลานหน้าอุทยานฯ
จุดจำหน่ายตั๋วหน้าทางเข้าอุทยานฯ

เมื่อมาถึงประตูทางเข้าอุทยานฯ ให้เราเดินตรงไปทางด้านซ้ายของเจดีย์ 8 ชั้นครับ จะมีจุดจำหน่ายตั๋วอยู่ ราคาตั๋วสำหรับนักท่องเที่ยวแบ่งเป็น

  • ช่วง Peak Season (มี.ค. – พ.ย.) ราคา 224 หยวน/คน
  • ช่วง Low Season (ธ.ค. – ก.พ.) ราคา 144 หยวน/คน

ตั๋วนี้สามารถใช้เที่ยวชม “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” ได้ต่อเนื่องกัน 4 วัน นับตั้งแต่วันที่ซื้อตั๋ว โดยราคาจะรวมค่าเข้าอุทยานฯ และค่าบริการ Eco-bus ภายในอุทยานเอาไว้แล้ว (แต่ไม่รวมค่าขึ้นลิฟต์ไป่หลงและค่าขึ้นเคเบิ้ลคาร์นะครับ)

แล้วถ้าใครติดใจอยากมาเที่ยวแบบไม่จำกัดครั้ง เค้าก็มีรายปีขายครับ เที่ยวได้ไม่จำกัดใน 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ซื้อตั๋ว) ราคา 298 หยวน/คน ครับ

คำแนะนำ : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเข้ามาเที่ยวอุทยานกันตั้งแต่เช้า ต่อเนื่องกันไปทั้งวัน ถ้าหากไม่ต้องการต่อแถวซื้อตั๋วนานๆ แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้ามาก่อนครับ (หรือจะให้เจ้าของที่พักช่วยจองตั๋วล่วงหน้าให้ก็ได้) เมื่อมาถึงช่องจำหน่ายตั๋ว เราก็แค่ยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็จะทำการสแกนเอกสารและสแกนใบหน้าของเรา จากนั้นพอเวลาเราเดินผ่านประตู ระบบจะตรวจสอบใบหน้าเราโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้ตั๋วเลยล่ะ เจ๋งมาก!!

นอกจากจุดจำหน่ายตั๋วแล้ว ที่ลานด้านหน้าทางเข้าอุทยานฯ ยังมีร้านขายอาหาร-เครื่องดื่ม, ร้านขายของชำ, ร้าน KFC, ร้านกาแฟ Starbucks ให้บริการอยู่ด้วย บางช่วงที่ฝนตกและหมอกเยอะ เราสามารถซื้ออุปกรณ์กันฝนจากร้านเหล่านี้ได้ ราคามาตรฐานครับ อ้อ!! เพื่อความปลอดภัย บริเวณลานนี้ยังมีป้อมตำรวจไว้บริการประชาชนอีกด้วยนะ

กระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan)

เส้นทางท่องเที่ยวใน “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” มีหลายแบบมากครับ จะเลือกเทรคกิ้งภาพพื้นดิน ชมป่า ชมน้ำตก แล้วเดินขึ้นเขาก็ได้ หรือจะเที่ยวชมความงามด้านบนยอดเขาเลยก็ได้ แน่นอนว่าเราสองคนเลือกทางสบาย ขอเซฟแรงไว้เที่ยวเมืองอื่นๆ ต่อจะดีกว่า นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้น “เขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan)” ก่อนเลย 5555

พอเข้าไปด้านในแล้วให้เลี้ยวไปที่ช่องรถบัสที่จะไปกระเช้าลอยฟ้าขึ้น “เขาเทียนจื่อซาน (Tianzi Shan)” พอถึงแล้วให้ไปซื้อตั๋วกระเช้าลอยฟ้าครับ ราคาเที่ยวละ 72 CNY ภายในเคเบิ้ลคาร์เป็นกระจกรอบด้าน ซึ่งจะพาเราลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราได้เห็นวิวอลังการของภูเขา จะใช้เวลานั่งรถประมาณ 30 นาที แอบเสียดายว่าวันที่เราไปหมอกลงหนักไปหน่อย เลยไม่ค่อยเห็นวิวระหว่างทางสักเท่าไหร่

สวนสาธารณะเหอหลง (He long Park : 贺龙公园) 

พอออกมาด้านนอกของสถานีกระเช้าลอยฟ้าเราสามารถต่อรถบัสไปต่อที่ “สวนสาธารณะเหอหลง (He long Park)” บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะและจุดชมวิวที่สวยอลังการ เราจะเห็นรูปปั้นนายพลเหอหลงสูงตระหง่านมีความสูง 6.5 เมตร และน้ำหนัก 9.3 ตัน เป็นหนึ่งในรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดในประเทศจีน สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวันครบรอบ 90 ปีวันเกิดของจอมพลเหอหลง ซึ่งเป็น 1 ใน 10 จอมทัพแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เก่งกาจในสมัยท่านประธานเหมาเจอตุง

ในวันโชคร้าย ก็จะเจอหมอกหนาจนไม่เห็นอะไร

ด้านหลังรูปปั้นของสวนเหอหลงมีบันไดทางลงจะเป็นจุดชมวิวภูเขาหินอลังการแบบภาพพาโนราม่า 180 องศา โดยฉากหลังเป็นวิวภูเขาเทียนจื่อซานอันสวยงาม วันที่เราไปหมอกลงหนักเลยทำให้ไม่เห็นวิวภูเขาหินและฉากด้านหลังเลย จากจุดนี้สามารถเดินไปทานอาหารกลางวันที่ร้าน McDonald’s พออิ่มแล้วก็สามารถเดินไปจุดชมวิวอื่นๆ ได้ เช่น West Sea Stone Forest, Imperial Writing Brush Peaks, and Fairy Offering Flowers

Stone Peak Forest

พอเดินมาเรื่อยๆ ก็มาเจอจุดชมวิวที่เห็นภูเขาหินเป็นแท่งๆ สูงเฉียดฟ้าทั่วทั้งหุบเขาแบบพาโนราม่า 180 องศา สวยอลังการมากกกกกก  มุมนี้เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้เห็นความงามของภูเขาหิน แม้จะไม่ได้เห็นวิวแบบเต็มตาเพราะหมอกลงหนา แต่ก็มีช่วงหมอกบางๆ ที่ทำให้เราได้เห็นความสวย ที่นี่เป็นหนึ่งจุดชมวิวที่สวยมาก ประทับใจมากกก

วิวสุดท้ายก่อนลงเขาตอน 6 โมงเย็น

จบวันแรกไปด้วยความซึมเซาเบาๆ วันนี้ธรรมชาติไม่ใจดี สิ่งหมอกมาปิดท้องฟ้าซะจนมองวิวไม่เห็น แต่ก่อนกลับลงจากเขาฟ้าก็เปิดเบาๆ ให้เราได้เก็บภาพบ้าง แต่หลังจากเช็ครูปที่ถ่ายมาก็รู้สึกว่าไม่พอจะใช้ทำรีวิว

ต้นกับปูเป้เลยตัดสินใจว่าวันรุ่งขึ้นเราจะเปลี่ยนโปรแกรม จากเดิมที่จะไปเที่ยว “ถ้ำมังกรเหลือง (Yellow Dragon Cave)” ซึ่งว่ากันว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดในจีน แต่ด้วยความตั้งใจแรกที่อยากมาเห็นความสวยงามของ “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” ด้วยตาตัวเอง เราเลยจำใจต้องแคนเซิล “ถ้ำมังกรเหลือง (Yellow Dragon Cave)”

เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)

เช้าวันรุ่งขึ้นเรากลับมาที่ “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” อีกครั้ง (บัตรผ่านประตูสามารถใช้ได้ 4 วันต่อเนื่อง) หวังใจว่าวันนี้ธรรมชาติจะใจดี ให้ได้เราเก็บภาพสวยๆ กลับไป โดยเราตั้งใจเปลี่ยนเส้นทางไปเที่ยวที่ “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” ซึ่งมีไฮไลต์เป็นหุบเขาอวตาร ลิฟต์แก้วไป่หลง และสะพานหนึ่งเดียวใต้หล้า

ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)

เวลาอ่านรีวิวเที่ยวอุทยานฯ “จางเจียเจี้ย” ใครๆ ก็มักจะบอกว่าต้องมาขึ้นลิฟต์ไป่หลงดูสักครั้ง (นะเว้ย) เพราะนี่คือลิฟต์แก้วที่เร็วที่สุดและสูงที่สุดในโลก!! พอได้มาเที่ยวเองจริงๆ มีหรือที่เราจะพลาด 555 เอาจริงๆ การมาเที่ยว “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” ถ้าเราอยากถนอมหัวเข่า + ประหยัดแรงขา เราก็ต้องพึ่งบริการของ “ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)” นี่ละครับ

ดังนั้นเมื่อผ่านประตูเข้าอุทยานฯ “จางเจียเจี้ย” มาแล้ว ให้เราเดินไปขึ้นรถบัสที่ช่องที่จะพาไป “ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)” รถบัสจะพาเราขึ้นเขาไปจอดยังสถานี “ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)” หลงครับ (ใช้เวลาราว 20 นาที)

  • ค่าตั๋วเที่ยวเดียว = 65 CNY
  • ตั๋วแบบเหมา (ขึ้น-ลง) = 112 CNY

นี่คือลิฟต์ที่ถูกบันทึกลง Guniess World Records ว่าเป็น

  • ลิฟต์แก้วกลางแจ้งสูง 2 ชั้นแบบ outdoor ที่สูงที่สุดในโลก (World’s tallest full-exposure outdoor elevator)
  • ลิฟต์แก้วที่เร็วที่สุดในโลกที่มีการบรรทุกมากที่สุด (world’s fastest passenger traffic elevator with biggest carrying capacity)

ตัวลิฟต์แก้วนี้เปิดให้ใช้งานสาธารณะครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002 (จนถึงปี 2023 ก็นับได้ 21 ปีแล้ว) โครงสร้างประกอบด้วยลิฟต์แก้ว 2 ชั้น 3 ตัวแยกกัน โดยลิฟต์จะพาเราขึ้นจากด้านล่างของหน้าผาไปสู่ยอดเขาที่ความสูง 326 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 2 นาที!!!

ถ้าอยากเห็นวิวแบบเต็มๆ ตา แนะนำให้รีบเข้าไปยืนชิดกระจกด้านใน เสร็จแล้วเอากล้องมือถือมาชิดกระจกเลยจ้า พอลิฟต์เคลื่อนตัวก็กดปุ่มอัดวีดีโอ เพราะจังหวะที่ลิฟต์ทะยานขึ้นสู่ยอดเขานั้นเร็วมาก วิวสวยตะลึงมาก แนะนำให้ใช้ตาเสพวิว มือคลิถ่ายไป ปากก็ร้องว้าวไปด้วย จะได้เข้ากับบรรยากาศ \(^__^)/

ออกจากลิฟต์มา ก็จะเห็นวิวนี้เลย
ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส มีแสงแดดแล้วเย่!!

หลังจากออกจาก “ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)” แล้ว จะเป็นทางเดินสู่จุดชมวิวต่างๆ บนเขา “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” ซึ่งเป็นภูเขาหินทรายควอทซ์ซึ่งก่อตัวขึ้นราว 400 ล้านปีก่อน ถูกกัดเซาะด้วยลม ฝน และแม่น้ำที่ไหลผ่านหุบเขามานานหลายร้อยล้านปี จนกลายเป็นหมู่ภูเขารูปแท่งทรงผอมสูงตะหง่านเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยป่าสนมากกว่า 3,000 แท่ง

โดยมีไฮไลต์คือ “เสาหินแห่งฟ้าแดนใต้ (Stone Pillar Supporting Heaven)” เสาหินทรายรูปทรงคล้ายลิ่มขนาดยักษ์ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ “เจมส์ แคเมรอน (James Cameron)” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง นำทัศนียภาพนี้ไปเป็นต้นแบบหุบเขาบนดาว “แพนดอร่า (Pandora)” ในหนังเรื่อง AVATAR ภาคแรกเลยละครับ!!

คำเตือน : ระหว่างทางเดินบนเขาจะมีฝูงลิงภูเขาอาศัยอยู่ ใครมีกระเป๋าถือ มือถือ อาหาร ขนม หรือทรัพย์สินที่มีความแวววาว โปรดระวังลิงชิงทรัพย์นะครับ ^^

ตลอดเส้นทางการเดินชมวิวบนยอด “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” จะมีจุดนั่งพักชมวิว มีห้องน้ำ และมีจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มอยู่เป็นระยะ อาหารที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแนวๆ มื้อด่วน ทานง่ายๆ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก หมูย่าง เต้าหู้เหม็น ผลไม้ น้ำชา น้ำผลไม้ปั่น กาแฟ เครื่องดื่ม ฯลฯ ทุกร้านรองรับการชำระเงินผ่าน AliPay, WeChat รวมถึงเงินสดด้วยครับ สะดวกสบาย ไม่ต้องหิ้วอาหารขึ้นมาให้หนักเปล่าๆ

เสาหินแห่งฟ้าแดนใต้ Avatar Hallelujah Mountain ( 南天一柱 หนานเทียนอี๋จู้)

หลังจากเดินชมวิวมาสักพักเราก็จะมาถึงจุดชมวิวสุดปังแห่ง “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” ไฮไลต์ของจุดนี้คือเสาหินทรายรูปทรงลิ่มขนาดยักษ์สูง 1,074 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดูแล้วคล้ายกับเสาที่ค้ำท้องฟ้าเอาไว้ จนถูกขนานนามว่า “เสาหินแห่งฟ้าแดนใต้ (Stone Pillar Supporting Heaven)”

แต่หลังจากภาพของภูเขาหินต้นนี้และวิวหุบเขาของอุทยานฯ “จางเจียเจี้ย” ไปบันดาลใจให้ “เจมส์ แคเมรอน (James Cameron)” ใช้เป็นต้นแบบหุบเขาบนดาว “แพนดอร่า (Pandora)” ในภาพยนตร์เรื่อง AVATAR เสาหินนี้ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Avatar Hallelujah Mountain” ตั้งแต่นั้นมา

แทบทุกจุดชมวิวจะมีกล้องส่องทางไกลไว้ให้บริการ (ตกแต่งเป็นรูปแพนด้า น่ารักสุดๆ) วิธีการใช้งานก็แค่ชำระเงินผ่าน AliPay หรือ WeChat (สแกน QR Code แล้วจ่าย) แต่… ใช้เงินสดไม่ได้นะ

Enchanting Terrace (迷花台)

นอกจากจุดชมวิวยอดนิยมอย่าง “เสาหินแห่งฟ้าแดนใต้ (Stone Pillar Supporting Heaven)” แล้ว ตลอดเส้นทางก็ยังมีจุดชมวิวสวยๆ อีกหลายแห่ง โดยจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามจินตนาการของผู้พบเห็น สำหรับใครที่อยากถ่ายภาพกับหุบเขากว้างๆ เราแนะนำมุมนี้ครับ Enchanting Terrace (迷花台) ตรงนี้จะเป็นระเบียงกว้างๆ ยื่นออกไปริมหน้าผา (มีรั้วแข็งแรง ปลอดภัย แต่อย่าปีนรั้วเล่นนะ) ตรงนี้เราจะได้เห็นป่าแท่งหินสวยอลังการเต็มๆ ตาเลยล่ะ!! แล้วถ้าจะให้ดี ก็อดใจรอจังหวะให้นักท่องเที่ยวบางๆ ตาก่อนค่อยถ่ายรูป ก็จะได้รูปเรากับวิว โดยไม่มีคนอื่นปะปนครับ

นอกจากจุดชมวิวแล้ว เค้ายังมีชุดชนเผ่าเขาให้เช่าถ่ายรูปด้วยนะ ดูไปก็คล้ายๆ ชุดชาวเขาแถวภาคเหนือ สีสันสดใส ทั้งแดง ชมพู น้ำเงิน เหลือง เครื่องประดับพร้อม เครื่องหัวพร้อม ชำระเงินค่าเช่าได้ทั้งเงินสด AliPay และ WeChat (สแกน QR Code แล้วจ่าย) นอกจากนี้ยังมีบริการใช้โดรนถ่ายภาพนิ่งและ VDO ด้วยครับผม

และเมื่อเดินมาถึงสะพานแห่งนี้ ก็เป็นสัญญาณว่าเราใกล้มาถึงอีก “สะพานหนึ่งเดียวใต้หล้า (First Bridge under Heaven)” อีกหนึ่งไฮไลต์ของเขา “เขาหยวนเจียเจี้ย (Yuanjiajie)” แค่เดินข้ามสะพานเหล็กนี้ไป แล้วเดินต่ออีกนิดก็จะถึงที่หมาย (^__^) อย่าเพิ่งท้อ

สะพานหนึ่งเดียวใต้หล้า First Bridge under Heaven (天下第一桥 เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว)

หลังจากข้ามสะพานเหล็กเมื่อสักครู่ แล้วเดินต่อมาประมาณ 200-300 เมตร เราจะพบกับสะพานหินธรรมชาติที่เชื่อมระหว่างภูเขาสองลูกไว้ด้วยกัน ชาวจีนขนานนามสะพานแห่งนี้ว่าเป็น “No.1 Natural Bridge in the World” ตัวสะพานหินอยู่สูงจากพื้นดิน 350 เมตร มีความกว้าง 4 เมตร มีความหนา 5 เมตร

เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ช่องระหว่างเขาถูกลม ฝน และสายน้ำกัดเซาะมาเป็นเวลาหลายล้านปี จนกลายเป็นสะพานหินเชื่อมภูเขาเอาไว้อย่างที่เห็น

เมื่อข้ามสะพานหินใต้หล้าสู่ยอดเขาที่ติดกันจะพบว่ามีศาลเจ้าประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่าถ้าใครอยากสมหวังเรื่องสุขภาพ ความรัก และโชคลาภ ให้บูชาริบบิ้นสีแดงจากบริเวณศาลเจ้าแล้วเอามาผูกไว้ริมระเบียง (หรือต้นไม้) ใกล้ๆ ศาลเจ้า สิ่งที่อธิษฐานจะเป็นจริง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใจสู้ แต่ไม่มีแรงเดิน เราแนะนำบริการ Taxi เอ๊ย!! บริการเกี้ยวคนหาม สนนราคาเริ่มต้นที่ 400 หยวน (ราวๆ 2,000 บาท) ครับผม

บริการทัวร์อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park) และภูเขาเทียนจื่อ (Tianzi Mountain) หนึ่งวันแบบส่วนตัว

  • สำรวจจางเจียเจี้ยและพื้นที่สวยงามที่มีชื่อเสียง ภูเขา การก่อตัวของหิน และสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกมากมาย
  • เยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย และจุดชมวิวหยวนเจียเจี้ย
  • ขึ้น “ลิฟต์ไป่หลง (Bailong Elevator)” ชมความงามของจางเจียเจี้ย
  • ชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งบนภูเขาเทียนจือและชมทะเลหมอกที่ล้อมรอบบริเวณ
  • ท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับอย่างไร้กังวลด้วยบริการรับส่งระหว่างโรงแรมและจุดชมวิว

จองทัวร์เที่ยวทั้งสองอุทยานฯ คลิกที่นี่

โชว์เหม่ยลี่เซียงซี (Charming Xiangxi Show)

นอกจากความสวยงามมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของ “อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย (Zhangjiajie National Park)” ที่เมืองนี้ยังมีโชว์สุดตระการตาให้คุณได้บันเทิงถึง 2 โชว์ ได้แก่

  • โชว์จิ้งจอกขาว (The Love Story Of A Woodenman And A Fairy Fox) เป็นเรื่องราวความรักของนางจิ้งจอกขาวที่แปลงร่างเป็นมนุษย์และตกหลุมรักกับชายตัดฟืน จัดแสดงบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ด้านล่างเขา “เทียนเหมินซาน” กำกับการแสดงโดย “จางอี้โหมว”
  • โชว์เหม่ยลี่เซียงซี (Charming Xiangxi Show) เรื่องราวของตำนานชนเผ่า พิธีกรรม ประเพณีและวัฒนธรรม ของชาวจางเจียเจี้ย ในมณฑลหูหนาน จัดแสดงบริเวณ Xiangxi Square ในเมืองอู่หลิงหยวน ใกล้กับทางเข้าอุทยานฯ จางเจียเจี้ย

ทริปนี้เราเลือกชม “โชว์เหม่ยลี่เซียงซี (Charming Xiangxi Show)” เนื่องจากตารางเวลาสะดวกสุด เที่ยวอุทยานฯ “จางเจียเจี้ย” เสร็จ ก็นั่ง Taxi มาชมโชว์ที่ Xiangxi Square ต่อเลย (ค่าแท๊กซี่ราวๆ 10 หยวน) โชว์เริ่มแสดงตอน 19:30 น. เราควรไปถึงสัก 30 นาทีก่อนการแสดงนะครับ

สำหรับโรงละคร Xiangxi Square นั้น เป็นโรงละครที่เก่าแก่ที่สุดในจางเจียเจี้ย ตัวโชว์จะเน้นบอกเล่าเรื่องราวตำนานชนเผ่า ทั้งพิธีกรรม ประเพณีและวัฒนธรรม ผ่านการเต้นรำ การร้องเพลง การละเล่น กายกรรม แต่ละโชว์นี่ซักซ้อมมาอย่างดี แสง สี เสียง อลังการ ตื่นตาตื่นใจมาก ระยะเวลาในการโชว์อยู่ที่ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง แต่ดูเพลินมาก

ปูเป้บอกว่า “โชว์ปลุกผี Xiangxi Corpse Driving” นี่ดูแล้วขนลุก ทั้งเพลง ทั้งแสง และการแสดง ดูจริงจนน่ากลัว 55555 ใครไปดูแล้วรู้สึกเหมือนปูเป้ มาแชร์ให้เราฟังบ้างนะ

ต้นกับปูเป้เลือกที่นั่ง Super VIP แถวหน้าสุด (แถว 1-10) ราคาประมาณ 1,302 บาท/คน

จองบัตรล่วงหน้า เพื่อเข้าชมการแสดงโชว์เหม่ยลี่เซียงซี (Charming Xiangxi Show) คลิกที่นี่

ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน Tianmen Mountain National Park (天门山)

นี่คือหนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยที่สุดของจีน จุดเด่นของ “เทียนเหมินซาน (Tianmen Shan)” คือเป็นช่องเขาธรรมชาติ บนความสูงระดับ 7,455 เมตร คนจีนโบราณเชื่อว่านี่คือ “ประตูสวรรค์” ที่เชื่อมระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ ใครได้มากราบไหว้ขอพรที่บริเวณนี้จะได้โชคลาภและพลังงานดีๆ กลับไป

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั่นแหล่ะครับ ว่านอกจาก “อุทยานฯ จางเจียเจี้ย” เมืองนี้ยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติระดับ 5A อยู่อีกแห่งนึง นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain National Park)” ช่องเขาธรรมชาติสูง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร ลึก 60 เมตร แต่อยู่บนยอดเขาที่ความสูงเกือบ 7.5 กม. การจะขึ้นไปได้ (แบบสะดวกที่สุด) คือต้องนั่ง Cable Bar ขึ้นไป ใช้เวลา 40 นาที ผ่านเมฆหมอกและยอดเขาลูกแล้วลูกเล่า กว่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาได้

อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเดาได้แล้วสินะ ว่าไฮไลต์ของ “เทียนเหมินซาน (Tianmen Shan)” คือการขึ้น Cable Car ขึ้นไปชมความมหัศจรรย์ของ “ประตูสวรรค์” แต่ยังครับ… ชื่อทางการของที่นี่คือ “อุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain National Park)” ที่นี่ยังมีความน่าสนใจมากกว่านั้น จะเป็นอะไร? ติดตามอ่านต่อเลยครับ!!

ทริปนี้เริ่มต้นราวๆ 8 โมงเช้า (ง่วงมาก) จากที่พัก เราสองคนเรียกรถจากแอปฯ DiDi มาลงที่หน้าสถานี Cable Car ในตัวเมือง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” เพื่อมา Activate ตั๋วขึ้น Cable Car ครับ โดยคุณเมย์เจ้าของห้องพักช่วยจองตั๋วล่วงหน้ามาให้ (นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถมา Walk in เพื่อซื้อตั๋วที่หน้าสถานี หรือจะซื้อออนไลน์ล่วงหน้าก็ได้ครับ)

สำหรับตั๋วเที่ยว “อุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain National Park)” จะมีให้เลือก 3 แบบ

  • Line A : ขึ้นเขา : นั่ง Cableway (กระเช้าใหญ่) / ลงเขา : บันไดเลื่อน + นั่ง Cable Car
  • Line B : ขึ้นเขา : นั่ง Cable Car + บันไดเลื่อน / ลงเขา : นั่ง Cableway (กระเช้าใหญ่)
  • Line C : ขึ้นเขา : นั่ง Cable Car + บันไดเลื่อน / ลงเขา : บันไดเลื่อน + นั่ง Cable Car

ราคาตั๋วเท่ากันที่ประมาณ 275 CNY แต่ต่างกันที่ความท้าทายในการขึ้น-ลงเขา เพราะไฮไลต์ของการเที่ยวอุทยานฯ คือ การนั่งกระเช้าชมวิว การเดินขึ้น-ลงบันไดเพื่อชมประตูสวรรค์ สำหรับคนอยากถนอมกำลังขา เราแนะนำ Line A ครับ เพราะทั้ง Line B และ C คุณจะต้องเดินขึ้นบันได 999 ขั้น (สุดชัน) เพื่อไปให้ถึงหน้าประตูสวรรค์!! แต่ Line A นั้น เดินลงอย่างเดียว แต่ถึงกระนั้น… หัวเข่าก็ยังสั่นผับๆๆๆ

หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเราเลือกซื้อตั๋วแบบ Line A หรือ Ticket A แล้ว เค้าจะให้เราไปต่อแถวขึ้น Cableway (กระเช้าใหญ่) เพื่อขึ้นไปยังยอดเขา “เทียนเหมินซาน (Tianmen Mountain)” หลังจาก Cableway ค่อยๆ เคลื่อนออกจากสถานี วิวที่เราเห็นก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป วิวเมืองห่างออกไปเรื่อยๆ

ขณะที่วิวภูเขาก็เข้ามาแทนที่ ยอดเขาลูกแล้วลูกเล่าที่ข้ามผ่าน สูงขึ้น สูงขึ้น กระทั่งเริ่มทะลุไอหมอก แล้วผ่านขึ้นสู่ชั้นเมฆ!! โมเมนต์นั้นแอบคิดเลยว่า… นี่ถ้าเราตายไป เราคงจะได้ลอยขึ้นสวรรค์ด้วยฟีลแบบนี้สินะ!?

ใครชอบถ่ายรูป – ถ่ายคลิปละก็ โมเมนต์ช่วงนี้ถ่ายรูปรัวๆ ไม่มีเบื่อเลยครับผม

ผ่านไปราวๆ 40 นาที เราสองคนก็ขึ้นมาถึงสถานีปลายทางบนยอดเขา “เทียนเหมิน (Tianmen)” ที่สถานีด้านบนจะมีจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ โดยอาหารที่ขายจะเป็นพวก Quick Meal ที่ทานง่ายๆ ส่วนเครื่องดื่มก็จะมีทั้งร้านขายชา-กาแฟ และตู้กดเครื่องดื่มไว้บริการ

คำแนะนำ : ถึงตรงนี้เราแนะนำให้ซื้ออาหาร + เครื่องดื่ม ใส่กระเป๋าเป้เอาไว้เลยนะครับ เพราะระหว่างทาง มีจุดพักและจุดจำหน่ายอาหาร-เครื่องดื่มน้อยมาก

สำหรับเส้นทางเดินชมธรรมชาติบนยอดเขา “เทียนเหมิน (Tianmen)” นั้น แบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่

  • Westen Line : ใช้เวลาเดินราว 1-2 ชม. ระยะทาง 2.8 กม.
    เส้นทาง = Cableway Upper Station -> Lingxiao Pedestal -> Glass Plank Road -> Guigu Plank Road -> Suspension Bridge -> Guangui Cave -> Baihe -> In Qiuzi Cave -> Cherry Bay -> Tianmen Temple -> Dreamlike Fairy Mountain Top แล้วเดินกลับ
  • Eastern Line : ใช้เวลาเดินราว 2 ชม. ระยะทาง 3.7 กม.
    เส้นทาง = Cableway Upper Station -> Involucrata Park -> KARST Stone -> The Turbulent Water of Tianmen -> North Tianmen -> Okho Peak -> Glass Plank Road -> South Tianmen -> Love by wood and Stone -> Cherry Bay -> Tianmen Temple -> Dreamlike Fairy Mountain Top แล้วเดินกลับ
  • Central Line : ใช้เวลาเดินราว 30 นาที – 1 ชม. ระยะทาง 1.2 กม.
    เส้นทาง = Cableway Upper Station -> Dreamlike Fairy Mountain Top -> Cherry Bay -> Tianmen Temple แล้วเดินกลับ

คำแนะนำ 1 : ถ้าซื้อตั๋ว Line A เราแนะนำให้เดินเส้นทาง Eastern Line ครับ เส้นทางนี้จะพาเราผ่านไปยังทางลงบันไดเลื่อน ที่จะพาเราทะลุภูเขาไปออกหน้าประตูสวรรค์ เพื่อลงบันได 999 ขั้น และนั่ง Cable Car สู่ Lower Station ครับ

คำแนะนำ 2 : สำหรับคนที่อยากเดินชมธรรมชาติบนภูเขา Tianmen แบบทั่วๆ แนะนำให้เริ่มที่ Western Line แล้วไปต่อที่ Eastern Line ครับ ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 4 ชม. และวางแผนเวลาเที่ยวเอาไว้อย่างน้อยๆ 6-7 ชั่วโมง เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับตารางเที่ยวของเราครับ

รีวิวเส้นทาง Western + Eastern Line

  • ได้เดินชมวิว ทิวทัศน์ลัดเลาะริมหน้าผาตามเส้นทาง Lingxiao Pedestal ชมความสวยงามของหมู่มวลภูเขาที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตาที่สวยงาม
  • เดินผ่าน Glass Plank Road ทางเดินกระจกใสเลียบหน้าผาที่สูงกว่า 1,400 เมตร มีระยะทาง 60 เมตร เดินลัดเลาะไปตามหน้าผาสูงชัน แรกๆ เดินก็หวาดเสียวหน่อย นี่เป็นการชมวิวของเขาแบบใกล้ชิดมากๆ เราจะต้องเสียค่าบริการเช่าถุงเท้าเดินบนพื้นกระจกเพื่อกันกระจกเป็นรอยคนละ 5 หยวน ชำระผ่าน Alipay ด้านบนจะมีทางเดินพื้นกระจกใส  2 จุดทั้งฝั่ง West Line และ East Line เสียดายวันที่เราหมอกลงหนาเลยทำให้มองเห็นวิวด้านล่าง และถนน 99 โค้งอยู่ด้านล่างใต้กระจก อดเห็นวิวปังๆ
  • เดินต่อไปถึงสะพาน Suspension Bridge จะเห็นวิวเขาแบบอลังการและตื่นเต้น และผ่านทางเดินที่ไปเป็นถ้ำต่างๆ
  • เส้นทาง West Line ใช้เวลาเดินประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ด้วยเรามีเวลาไม่เยอะ เลยเดินวนครบ 1 รอบผ่านเส้นทาง East Line ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจะเดินกลับทางเดิม West line ก็ได้
  • ลงบันได้เลื่อนยาวๆ ซึ่งเป็นการเจาะทะลุภูเขาให้เป็นอุโมงค์แล้วทำเป็นบันไดเลื่อนต่อกันถึง 7 ช่วง ทั้งทางขึ้นและลงเขาได้อย่างสะดวกสบาย  (ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้ว ได้รวมอยู่ในค่าตั๋วแล้ว)
วัดเทียนเหมินซาน (Tianmen Shan Temple)
บันไดเลื่อน 7 ชั้น ที่สร้างทะลุภูเขาสู่ด้านหน้าประตูสวรรค์

เมื่อออกจากบันไดเลื่อนแล้ว เราจะมาอยู่ที่บริเวณปากอุโมงค์ของประตูสวรรค์ ตรงจุดนี้เราจะรู้สึกถึงสายลมเย็นที่พัดผ่านช่องประตูสวรรค์ เชื่อกันว่าใครมายืนรับลมตรงจุดนี้ หรือไหว้ขอพรตรงจุดนี้ จะได้รับพลังงานที่ดีและได้พรจากสวรรค์กลับไป

ถัดจากประตูสวรรค์ ด่านถัดไปคือ “บันได 999 ขั้น” ที่แสนชัน!! ถึงตรงนี้ไม่ต้องรีบเดินนะครับ ค่อยๆ จับราวบันไดให้มั่นแล้วเดินลงไปช้าๆ ระหว่างทางจะมีชานพักให้เราได้แวะพักเหนื่อยอยู่เป็นระยะๆ กว่าที่เราสองคนจะเดินลงไปถึงด้านล่าง หัวเข่างี้สั่นไปหมด!! (แล้วคนที่ต้องเดินขึ้นละ จะเหนื่อยขนาดไหนคิดดู!!!) ส่วนใครที่เดินไม่ไหว จะมีบันไดเลื่อนไว้ให้บริการอยู่ด้านข้าง (อันนี้เสียเงินต่างหากนะ)

เมื่อลงมาถึงด้านล่างของบันได 999 ขั้นแล้ว จะมีลานกว้างให้เดินเล่นถ่ายรูป มีร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ Starbucks และร้านอาหารไว้บริการ จากนั้นให้เดินต่อไปที่ Tianmen Cave Express Cableway เพื่อนั่ง Cable Car ลงเขา เพื่อนั่งรถบัสกลับไปยังจุดที่เราขึ้น Cableway ตอนแรก

หมายเหตุ : ก่อนถึง Tianmen Cave Express Cableway จะมีจุดชมวิวให้เห็นถนน 99 โค้ง (ที่เคยใช้สัญจรขึ้นมายังภูเขาเทียนเหมินในอดีต) ซึ่งถ่ายรูปสวยมาก!!

หลังจากลงมาที่สถานี Tianmen Cave Express Cableway แล้ว เราก็จะเห็นจุดชมการแสดงละครเวทีเรื่อง “นางจิ้งจอกขาวเทียนเหมิน” (Tianmen Fox Fairy) ซึ่งเป็นอีกโชว์ที่มีชื่อเสียงมากในจางเจียเจี้ย ถ้ามีพอเวลาห้ามเด็ดขาดครับ

ที่พักแนะนำใน “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)”

ทริปนี้เราวางแผนจะมาอยู่ที่ “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” 3 วัน เพื่อจะได้มีเวลาเก็บข้อมูลที่เที่ยวให้ได้เยอะที่สุด เราเลือกพักในตัวเมือง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” เพราะเจริญสุด และการคมนาคมสะดวกสุด แต่บางคนอาจเลือกพักที่เขต “อู่หลิงหยวน (Wulingyuan)” ก็ได้ ขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางของแต่ละคน

  • ถ้าจะเน้นเที่ยวอุทยานจางเจียเจี้ย เที่ยวถ้ำมังกรเหลือง แนะนำให้พักที่เขต “อู่หลิงหยวน (Wulingyuan)” เพราะอยู่ใกล้กว่าและเดินทางสะดวกกว่า
  • ถ้าจะเน้นเที่ยวประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน เราแนะนำให้พักในตัวเมือง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” เลยครับ เดินทางสะดวกกว่า และใกล้จุดขึ้นเคเบิ้ลคาร์มากกว่า

สำหรับที่พักแนะนำใน “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” เราแนะนำ May’s Home เค้ามีห้องพักให้เลือกหลาย Type ครับ ทั้งแบบนอน 2, 3 หรือ 4 คน (เราพักห้อง French-Style Romantic Room with View) ที่พักได้คะแนนรีวิวสูงมาก 9.8/10 ที่ตั้งห่างจากอุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซานประมาณ 8 นาที (โดยแท็กซี่)

ห้องพักอยู่บนตึก Office Building มีลิฟต์ให้บริการ สะดวกสบาย ด้านหน้ามีร้านสะดวกซื้อ ด้านหลังตึกมีตลาดขายอาหารสองข้างทาง ร้านอาหารอร่อยๆเยอะมาก ทั้งร้านขายเครื่องดื่มที่ฮิตๆกัน, ร้านขนม-เบเกอรี่, KFC และอื่นๆ

สำหรับห้อง French-Style Romantic Room with View นั้น มีขนาด 42-45 ตร.ม. เนื้อที่ใช้สอยเยอะ ตกแต่งน่ารัก หน้าต่างบานกว้างสูงติดเพดานทำให้เห็นวิวไม่รู้สึกอึดอัด ทีวีเป็น Projector จอขนาดใหญ่ดูซีรี่ส์จีนได้จุใจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน

“คุณเมย์” เจ้าของที่พักจะการดูแลเอาใจใส่ดีแม้จะต้องสื่อสารด้วย Google Translate จะคอยเดินมาดูที่ห้องว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเราให้คุณเมย์จัดการช่วยซื้อตั๋วล่วงหน้าต่างๆ เช่น ตั๋วเข้าอุทยานจางเจียเจี้ย, ประตูสวรรค์เทียนเหมินซาน ซึ่งทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปต่อแถวซื้อบัตรในตอนเช้า สะดวกมากๆ

สนใจจองที่พัก May’s Home ในเมือง “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” คลิกที่นี่

การเดินทางมา “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)”

การเดินทางมาเที่ยว “จางเจียเจี้ย (Zhangjiajie)” สามารถมาได้ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถบัส และรถไฟความเร็วสูง ทริปนี้เราใช้บริการรถไฟความเร็วสูงจาก “สถานีรถไฟฉางซา Changsha (长沙)” มาลงที่ “สถานีรถไฟจากเจียเจี้ยตะวันตก Zhangjiajie West (张家界西)” 

ใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ค่าตั๋วรถไฟชั้น 1 อยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท นั่งสบายมากเว่อร์!!

จองตั๋วรถไฟเที่ยวเมืองจีน

เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ให้ออกมาด้านนอก แล้วเดินลงไปที่จุดขึ้น Taxi (จะอยู่ชั้นใต้ดิน) เพื่อให้มาส่งที่โรงแรมได้เลย (เอาที่อยู่ภาษาจีนให้คนขับดู) หรือจะเรียก DiDi ก็ได้ อันนี้ตามสะดวกครับ จากสถานีรถไฟใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองแค่ 20-30 นาทีเท่านั้นเองครับ (แล้วแต่ระยะทาง)